เก่งไม่เน้น เน้นเพี้ยน : ‘จิมมี่ บูลลาร์ด’ นักบอลสายฮา ผู้ใช้ความกวนสร้างตัวตนจนโด่งดัง
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/217/1086927/jbnn.jpgเก่งไม่เน้น เน้นเพี้ยน : ‘จิมมี่ บูลลาร์ด’ นักบอลสายฮา ผู้ใช้ความกวนสร้างตัวตนจนโด่งดัง

    เก่งไม่เน้น เน้นเพี้ยน : ‘จิมมี่ บูลลาร์ด’ นักบอลสายฮา ผู้ใช้ความกวนสร้างตัวตนจนโด่งดัง

    2020-06-14T12:47:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    จิมมี่ บูลลาร์ด ชื่อนี้คงไม่เป็นที่คุ้นหูนักของแฟนบอลรุ่นใหม่ แต่ถ้าคุณเป็นแฟนบอลตัวยงของพรีเมียร์ลีก ในช่วง 10-20 ปีที่แล้ว ชื่อของเขา อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลยุคนั้น เป็นอย่างดี

    ไม่ใช่ลีลาฝีเท้า ที่เป็นที่จดจำ แต่สิ่งที่ทำให้คนจำเขาได้ คือ วีรกรรมเพี้ยนๆ เรียกเสียงหัวเราะ ที่อดีตนักฟุตบอลรายนี้สร้างขึ้นมากมาย ตลอดช่วงเวลาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ 

    และนี่คือเรื่องราวของแข้งเพี้ยนๆ ผู้เป็นที่รักของแฟนบอล

    เส้นทางของคนเพี้ยน

    จิมมี่ บูลลาร์ด เกิดและเติบโต ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน พื้นที่ของชนชั้นแรงงาน ประจำเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และกีฬาที่อยู่คู่กับชนชั้นแรงงานในอังกฤษ คือฟุตบอล จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เจ้าหนูจิมมี่ จะเป็นแฟนตัวยังของกีฬาลูกหนังตั้งแต่วัยเยาว์

    บูลลาร์ด คือแฟนพันธุ์แท้ ของทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และฝันที่จะสวมเสื้อทีมขุนค้อน ในฐานะนักเตะอาชีพ เขาไม่รอช้า เริ่มฝึกวิชาลูกหนังตั้งแต่เด็ก และโชว์แววเก่งออกมา ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา ทำให้บูลลาร์ด ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลประจำทีมโรงเรียน


    Photo : @RolyEdwards

    หลังจากนั้นไม่นาน เวสต์แฮมได้มาชักชวนบูลลาร์ด เข้าเป็นเด็กฝึกอคาเดมีของทีม และไม่มีทาง ที่บูลลาร์ด จะปฏิเสธ เมื่อเขากลายเป็นนักเตะเยาวชนของทีมขุนค้อน โค้ชหลายคนมองว่า เจ้าเด็กรายนี้ จะต้องเป็นอนาคตของทีมอย่างแน่นอน

    แต่อีกสิ่งมีบูลลาร์ดมีดี ไม่แพ้ฝีเท้าของเขา คือปาก ... บูลลาร์ดเป็นคนปากไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ใช่คนที่คิดร้าย แต่เป็นคนพูดตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น จนบางครั้งกลายเป็นไร้สัมมาคาราวะ 

    พรสวรรค์ของบูลลาร์ด ทำให้เขาหลงผิด ไม่สนใจคำสอนของโค้ช เพราะคิดว่าตัวเองมีดี รู้ตัวอีกที เขาโดนสโมสรฟุตบอลอันเป็นที่รัก ตัดตัวจากอคาเดมีของทีม โดยยังไม่ได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกด้วยซ้ำ

    ชื่อชั้นเก่าๆ ของบูลลาร์ดในฐานะ นักเตะเยาวชนทีมขุนค้อน ยังพอขายได้ เขาได้รับความสนใจ จากทีมในระดับลีกวันและลีกทู ที่ต้องการมาดึงตัวเขาไปร่วมทีม พร้อมให้สัญญาอาชีพแก่บูลลาร์ด

    นี่คือจุดเริ่มต้นความเพี้ยนของผู้ชายคนนี้ เพราะเขาปฏิเสธสัญญาจากทีมอาชีพ และหันไปเล่นฟุตบอล กับทีมสมัครเล่นอย่าง โครินเตียน เอฟซี ทีมฟุตบอลที่บูลลาร์ดเชื่อว่า จะเป็นจุดกำเนิดเส้นทางฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมให้กับเขา

    แม้จะดูทั้งบ้าและเพี้ยน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามที่บูลลาร์ดคาดการณ์ ... เขาได้รับการเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรก กับทีมดาร์ทฟอร์ด ในลีกระดับ 7 ของอังกฤษ และฤดูกาลถัดมา เขาได้ขยับขึ้นไปเล่นกับทีมในลีกระดับ 6 กับ เกรฟเซนด์ แอนด์ นอร์ธฟลีต

    จนถึงตอนนี้ หลายคนคงเป็นงงว่า ที่บูลลาร์ดเลือกไปเริ่มต้นอาชีพกับทีมสมัครเล่น เขาคิดถูกตรงไหน ... แต่ในปี 1999 ด้วยวัยแค่ 20 ปี หลังจาก 2 ปี ที่เขาลงไปเล่น ในลีกระดับล่าง อดีตสโมสรที่เคยเขี่ยเขาทิ้ง อย่างเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ยื่นข้อเสนอ 30,000 ปอนด์ ซื้อตัวบูลลาร์ด จากทีมในระดับดิวิชั่น 6 ไปร่วมทีม


    Photo : www.claretandhugh.info

    ความบ้าของบูลลาร์ด พาเขากลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง กับทีมระดับพรีเมียร์ ลีก ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ แต่เป็นอีกครั้ง ที่สโมสรรักแห่งนี้ ต้องทำให้เขาเจ็บช้ำ เพราะตลอด 2 ปี ที่บูลลาร์ดอยู่กับทีมขุนค้อน เขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 0 นัด

    “ผมไม่คิดจะยอมแพ้หรอก เป้าหมายของผมคือการเล่นในลีกสูงสุด ทำให้ผู้คนต้องจดจำผม ผมจะต้องทำมันให้สำเร็จ แม้จะต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม” บูลลาร์ดเล่าย้อน ถึงเป้าหมายของเขา สมัยเป็นนักบอลดาวรุ่ง

    บูลลาร์ดกลับไปเริ่มต้นใหม่ ในศึกดิวิชั่น 2 (ลีกวันในปัจจุบัน) กับ ปีเตอร์โบโร ได้กลับลงสนามในฐานะตัวจริงอีกครั้ง จนในปี 2003 วีแกน แอธเลติค ได้มาซื้อตัวเขาไปร่วมทีม และเขาฉายแสงความสามารถอย่างสุดขีด กับสโมสรแห่งนี้ พาวีแกนเลื่อนขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2004-05


    Photo : www.eadt.co.uk

    บูลลาร์ดทำฝันของเขาได้สำเร็จ ในปี 2005 ด้วยวัย 26 ปี เขากำลังจะได้เริ่มต้นในลีกฟุตบอลที่เขาใฝ่ฝัน และเขากลายเป็นนักฟุตบอล ที่แฟนบอลจดจำได้อย่างรวดเร็ว

    ไม่ใช่เพราะฝีเท้าของเขาโดดเด่นเหนือใคร แต่คาแรคเตอร์ของบูลลาร์ด ทำให้เขากลายเป็นที่จดจำของแฟนบอล

     

    นักแกล้งมืออาชีพ

    ในด้านหนึ่ง บูลลาร์ดเป็นคนสนุกสนานเฮฮา เขาไม่เคยเดินทางมาสนามซ้อม ด้วยความตึงเครียด จริงจัง ในทางกลับกัน เขามองว่าฟุตบอลคือความสนุก และเขาต้องการให้ทุกคนสนุกไปกับมัน 


    Photo : IAN HODGSON

    ตอนบูลลาร์ดค้าแข้งให้กับวีแกน เขาสร้างรายการปลอมๆ ของเขาในชื่อ “ฟุตบอล ฟันนี่ โชว์” คอยทำตัวตลกๆ สร้างความสนุกให้เพื่อนร่วมทีมในสนามซ้อม และอีกสิ่งหนึ่งที่เขาชอบทำ เพื่อสร้างความบันเทิง ให้กับเพื่อนร่วมทีม ก็คือการแกล้งเพื่อนร่วมทีมของเขาเอง

    “ผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ เพื่อนอยู่กับผมตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสนุก ที่จะแกล้งพวกเขาตลอดเวลา”

    “บางครั้งผมก็แกล้งพวกเขาหนัก หลายครั้งที่เพื่อนร่วมทีมโกรธ โมโหผม แต่ผมจะแก้ต่างไปว่า ‘เราขอโทษ’ ‘เราไม่ได้ตั้งใจ’ พวกเขาก็จะหายโกรธ ถึงจะแปลกใจก็ตาม”

    “แต่ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาชอบที่ผมแกล้งเขานะ ถึงอีก 10 เปอร์เซ็นต์จะไม่ชอบก็ตาม ดังนั้น ผมถือว่าการกระทำของผมเป็นเรื่องที่ดี”

    หลังจากย้ายออกจาก วีแกน บูลลาร์ดย้ายไปเล่นฟุตบอล ให้กับอีกหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น ฟูแลม (Fulham), ฮัลล์ ซิตี้ (Hull City), อิปสวิช ทาวน์ (Ipswich Town) และ เอ็มเค ดอนส์ (MK Dons) แต่ไม่ว่าเขาจะย้ายไปที่ไหน เขารักษาคาแรคเตอร์ ความฮา กวน บ้า เพียน ของเขาเอาไว้ตลอด

    “ตอนผมย้ายไปอยู่ฟูแล่ม ก่อนเปิดฤดูกาล มีการจัดกิจกรรมละลายพฤติกรรม ผมชอบนะเข้าทางผมเลย ตอนนั้นผมอยู่กับทีมได้แค่ 4 สัปดาห์ แต่ผมอยากแกล้ง ปาปา บูบา ดิย็อป (Papa Bouba Diop) และผมรู้ว่าเขาชอบการนวดมาก ผมจึงคิดจะแกล้งเขา”

    “ตอนที่เขาก้มหน้านวด ผมจึงไปเล่นกับหัวของดิย็อป ผมนั่งลงไปบนหัวของเขา เพื่อนร่วมทีมคนอื่นชอบกันมาก แต่ดิย็อปโมโหหนัก เขาวิ่งไล่ไปทั่วสนามซ้อม เขาต้องการจะฆ่าผม”

    ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีม ที่โดนบูลลาร์ดแกล้ง เพราะระดับผู้จัดการทีมก็ไม่รอดเช่นกัน เหตุการณ์อันเป็นที่จดจำของเขา คือการล้อเลียน ฟิล บราวน์ ผู้จัดการทีมของฮัลล์ในปี 2009


    Photo : www.whoateallthepies.tv

    หากยังจำกันได้ บราวน์เคยก่อวีรกรรมกับลูกทีมของตัวเองในเกมบ็อกซิ่งเดย์ปี 2008 เมื่อเขาสั่งลูกทีมห้ามเข้าห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังโดนยำเละในครึ่งแรกถึง 4-0 ก่อนที่จะให้นั่งล้อมวง ส่วนเขาก็เข้าไปอยู่ตรงกลาง แก้เกมและตำหนิลูกทีมต่อหน้าแฟนๆ

    เกือบ 1 ปีต่อมา ฮัลล์ มีโปรแกรมต้องเจอกับ แมนฯ ซิตี้ อีกครั้ง คราวนี้ จิมมี่ บูลลาร์ด กลายเป็นฮีโร่ ยิงจุดโทษช่วยให้ทีมตีเสมอ 1-1 ช่วงท้ายเกม และหลังจากนั้น สิ่งที่บูลลาร์ดทำ คือสั่งให้เพื่อนร่วมทีม มานั่งเป็นวงกลม ขณะที่ตัวเขากลายเป็น ฟิล บราวน์ ยืนล้อเลียน ชี้หน้าสั่งเพื่อนร่วมทีม


    Photo : @jimmybullard

    อันที่จริง เรื่องนี้มันดูแปลกๆ อยู่สักหน่อยที่บูลลาร์ดทำท่าดีใจล้อเลียนเจ้านายตัวเอง เพราะในเกมที่นักเตะ ฮัลล์ ถูกเจ้านายตัวเองสั่งนั่งล้อมวงกลางสนามช่วงพักครึ่งนั้น บูลลาร์ดยังไม่ทันย้ายมาร่วมทีมด้วยซ้ำ (เจ้าตัวย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคม 2009) แต่ปรากฎว่า ทุกคนชอบในไอเดียนี้ แม้กระทั่งตัวของ ฟิล บราวน์ ที่โดนลูกทีมเล่นเต็มๆ ก็ตาม

    แม้แต่ผู้จัดการระดับทีมชาติ ก็ไม่รอด ... บูลลาร์ดเคยถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษในปี 2008 ภายใต้การนำของ ฟาบิโอ คาเปลโล และบูลลาร์ดเรียกคาเปลโลว่า “บุรุษไปรษณีย์แพท” ตัวการ์ตูนที่มีรูปร่างคล้ายกับคาเปลโล หรือบางครั้งก็ร้องเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องนี้ ให้คาเปลโลฟัง  


    Photo : www.scoopnest.com

    “แกล้งคนในทีมชาติอังกฤษไม่สนุกหรอก พอผมเริ่มแกล้ง ก็จะมีคนมาบอกว่า ทำตัวให้จริงจังหน่อย ผมยอมรับว่า เวลาผมได้ไปติดทีมชาติอังกฤษ ผมทำตัวไม่ค่อยถูก นักฟุตบอลพยายามเว้นระยะระหว่างกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสนิทด้วย”

    “ผมยอมรับว่า ผมมีปัญหาเวลาอยู่ในแคมป์ทีมชาติ ผมต้องการแสดงความเป็นตัวเอง แต่ผมแทบแกล้งใครไม่ได้เลย แคมป์ทีมชาติจริงจังตลอดเวลา จริงจังอย่างมาก ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”

     

    เป็นตัวของตัวเอง

    ตัวตนของบูลลาร์ด ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาเปลี่ยนแปลงได้ ความเป็นคนขี้แกล้ง เพี้ยนๆ ชอบความเฮฮา อาจจะทำให้เขา ไม่มีโอกาสได้ย้ายไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่ หรือประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้ง แต่เขาก็พอใจในสิ่งที่เขาเป็น

    บูลลาร์ดสร้างวีรกรรมสุดเพี้ยนอีกมากมาย บนสนามฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น ความพยายามไล่ถอดกางเกงของ เฟรดดี ลุงเบิร์ก เพื่อดูกางเกงใน เพราะในตอนนั้นลุงเบิร์กเป็นพรีเซ็นเตอร์กางเกงใน ให้กับแบรนด์ Armani

    แม้แต่นักเตะจอมโหด อย่างดันแคน เฟอร์กูสัน ยังเคยถูกบูลลาร์ดทำหน้าทำตากวนประสาทใส่ในสนามแข่ง จนบิ๊กดังค์ถึงกับท้าต่อยกับเเข้งจอมกวนรายนี้ ในอุโมงค์ทางเดิน


    Photo : medium.com

    “ผมไม่ได้กลัวเขานะ แต่ผมก็ตกใจเหมือนกัน ที่เขาเดินมาท้าต่อยผมแบบนั้น จริงๆ ผมก็กลัวนิดหน่อยแหละ ... ผมเดินเข้าอุโมงค์ เห็นเขายืนรออยู่ตรงทางเดิน ผมรู้ว่าตัวเองงานเข้าแล้ว ผมต้องรีบไปขอโทษเขา บอกเขาว่าผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ที่ทำหน้าแบบนั้นใส่เขา”

    อย่างไรก็ตาม บูลลาร์ดคงคาแรคเตอร์ของเขาเอาไว้ จนกระทั่งแขวนสตั๊ด และเมื่อเลิกเล่นฟุตบอล เขาไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองแต่อย่างใด และยังคงรักษาตัวตนความเพี้ยนเอาไว้เหมือนเดิม 

    “ผมแกล้งเพื่อนที่มาเล่นกอล์ฟกับผม ไม่ต่างกับตอนผมแกล้งเพื่อนร่วมทีม สมัยเป็นนักฟุตบอล” บูลลาร์ดพูดถึงความแตกต่างที่เหมือนเดิม หลังจากเขาหันมาชิมลางเป็นนักกอล์ฟอาชีพ “แต่เอาจริง มันไม่สนุกเหมือนตอนผมเป็นนักฟุตบอลหรอก”

    บูลลาร์ดอาจจะอำลาวงการลูกหนัง ในฐานะนักเตะอย่างเงียบๆ เมื่อปี 2012 ... แต่วีรกรรมชวนหัวเราะของเขา ยังคงเป็นที่จดจำ หลังแขวนสตั๊ดบูลลาร์ดมีโอกาสได้ทำหน้าที่ เป็นพิธีกรรายการตลกเกี่ยวกับฟุตบอล อยู่หลายรายการ รวมถึงแสดงซิตคอมตลกมาแล้ว


    Photo : nonleague.pitchero.com

    ทุกวันนี้ เราอาจจะจดจำผลงานเก่าๆ ในฐานะนักฟุตบอลของบูลลาร์ดไม่ได้ แต่ใครที่ทันดูนักเตะรายนี้ คงไม่มีวันลืมโมเมนต์ตลกๆของเขา อย่างน้อยท่าดีใจล้อเลียนผู้จัดการทีมตัวเอง ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในวงการฟุตบอล จนถึงทุกวันนี้

    จิมมี่ บูลลาร์ด อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เขาทำตลอดอาชีพชีวิตการค้าแข้ง คือสิ่งที่ย้ำเตือนว่า ฟุตบอลคือความสนุก ความบันเทิง สิ่งที่สร้างความสุขให้กับเรา ไม่ว่าในช่วงเวลาแบบไหนก็ตาม