"เพราะปาฏิหาริย์มันไม่ได้มีทุกนัด"

"เพราะปาฏิหาริย์มันไม่ได้มีทุกนัด"

"เพราะปาฏิหาริย์มันไม่ได้มีทุกนัด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อเหลือเกินว่าคนไทยหลายคนคงได้ชมแมตช์นี้ตลอดเกม แบบไม่ขยับก้นลุกไปไหน เพราะคงอยากมีความทรงจำที่ดีร่วมกับแข้งเยาวชนไทยในการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่บอลไทยสักครั้งหนึง (เหมือนผม)

ซึ่งความสำคัญของรายการนี้คือการคัดเอา 4 ทีมตัวแทนเอเชียเข้าไปเล่นฟุตบอลเยาวชน 20 ปีชิงแชมป์โลก ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ในปีหน้า (นั้นหมายความว่าถ้าเราเอาชนะอุซเบฯ ได้เราจะได้ไปทันที)

 



เท่าที่จำได้สำหรับรายการนี้ ขอย้อนไปในปี 2538 ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ทีมไทยชุดนั้นมีนักเตะอย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ตะวัน ศรีปาน ฯลฯ   ปีนั้นทีมไทยเล่นกันได้ดีสุดๆ สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่เราไปแพ้ซีเรีย ทำให้เราได้อันดับที่ 3 อดไปชิงแชมป์โลก เพราะเอาแค่ 2 ทีม นั้นถือเป็นโอกาสใกล้เคียงเหมือนกัน

ต่อมาอีก 2 ปี ชิงแชมป์เอเชียที่เกาหลีใต้ โดยชุดนั้นมี "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ เป็นผจก.ทีม และมีนักเตะอย่าง เศกสรรค์ ปิตุรัตน์, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, กิตติศักดิ์ ระวังป่า ฯลฯ โดยก่อนไปลุยแดนกิมจิ ชุดนี้ได้ไปเก็บตัวถึงอังกฤษ และสามารถอุ่นเครื่องเอาชนะทีมสำรอง ของอาร์เซน่อลได้ ทำให้ต่างกันคาดหวังในชุดนี้สูงมาก แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดตกแค่รอบแรก

และอีกครั้งในปี  2542 ที่เชียงใหม่ เราพลาดโอกาสแบบน่าเขกกะโหลกตัวเองสุดๆ ซึ่งในชุดนั้นนักเตะส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จมาจากเยาวชน 17 ปีชิงแชมป์โลกที่อียิปต์ จึงมีความหวังเต็มเปี่ยมและน่าจะมีโอกาสมากที่สุด โดยในชุดนั้นมีนักเตะอย่าง สุธี สุขสมกิจ, บำรุง บุญพรม, ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ฯลฯ

เพียงขอแค่เราชนะคูเวตที่ตกรอบไปแล้ว ในนัดสุดท้ายของรอบแรก เราก็ติดเป็น 1 ใน 4 ทีมที่เข้าไปชิงแชมป์โลกทันที แต่สุดท้ายเรามาพลาดถูกตีเสมอในช่วงก่อนหมดเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น เล่นทำแฟนชาวไทยถึงกะกั้นน้ำตาไม่อยู่ ด้วยความเสียดาย จากนั้นมาทีมเยาวชน 19 ปีไทยก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใกล้เคียงอีกเลย


เมื่อเอ่ยถึงทีมฟุตบอลเยาวชน 19 ปีไทย ชิงแชมป์เอเชีย ชุดนี้ ต้องบอกเลยว่าการเตรียมทีมค่อนข้างเจอกับปัญหาเนื่องจากมีเวลาทำทีมน้อย และนักเตะหลายคนติดเล่นให้กับต้นสังกัด ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่าทุกวันนี้ฟุตบอลบ้านเราเป็นอาชีพแล้ว

และภายใต้เฮดโค้ชอย่าง “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ  ที่ไม่ย่อท้อกับบทบาทที่ได้รับ พร้อมตั้งเป้าหวังพาทีมเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายไปชิงแชมป์โลก แค่นี้ก็พอใจแล้วเพื่อตอบแทนแผ่นดินที่เราเกิด



ซึ่งใครที่ติดตามสามนัดที่ผ่านมา ก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าเราเล่นกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร (โดยเฉพาะแผงหลังที่มีปัญหาบ่อยๆ มักทำให้เสียประตูเร็ว) รวมถึงปัญหาเรื่องนักเตะตัวหลักเจ็บและแบนมาตลอด แต่ก็สามารถเอาตัวรอดเข้ารอบ 8 ทีมมาได้

แต่นั้นคงเป็นเพราะนักเตะทุกคนช่วยกันมี "หัวใจ" ที่เข้มแข็งและมีทัศนะที่ดีต่อเกม จึงสามารถผ่านเกมที่แสนยากลำบากมาได้แบบชนิดที่เรียกว่า "โกงความตาย" เหมือนรอดตายราวปาฏิหาริย์ อย่างเกมที่เจอกับอิหร่านและเยเมน

ซึ่งก่อนเกมที่เราจะเจออุซเบกิสถาน หลายสื่อมองว่าเราเป็นรองทุกๆด้าน แถมสถิตที่เคยพบกันทั้งสามครั้งเรายังไม่เคยชนะเลย และสุดท้ายสิ่งที่ผมคิดไว้มันก็เกิดขึ้น มันคงไม่มีปาฏิหาริย์ในทุกๆครั้งเสมอไป เราไม่สามารถพลิกกลับมาชนะอุซเบฯได้ (อาจด้วยแผนที่วางไว้แบบเดิมๆ..รอโดนยิงก่อนและรอยิงกลับ..)



สำหรับชุดนี้ผมมองว่า นักเตะทุกคนตั้งใจเล่นมีความมุ่งมั่นดีอยู่ แต่สิ่งที่ต้องปรับอย่างเร่งด่วนคือแผงหลังที่มักจะเสียประตูเร็ว ไม่ค่อยเข้าใจกันพลาดง่ายๆ ส่วนเรื่องประสบการณ์ของนักเตะที่ยังน้อยเกินไป (อันนี้อยากฝากถึงสมาคมฯ ช่วยดูแลให้ความสำคัญในทุกๆ ชุดทีมชาติไทย)  แต่ชุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชุดที่สามารถดึงศรัทธาแฟนบอลชาวไทยกลับมาต่อเนื่องได้ไม่แพ้รุ่นพี่ชุดเอเชี่ยนเกมส์ เช่นกัน

ยังไงก็ขอฝากชาวไทยเชียร์ทีมฟุตบอลชาติไทย ส่งกำลังใจในทุกๆแมตช์ ทุกๆทัวร์นาเม้นต์ ต่อไป เพราะพวกเขาคือตัวแทนประเทศชาติ ถึงแม้จะไปได้ไม่ถึงเป้าหมาย แต่การได้ยินว่า "ชิงแชมป์โลก" แค่นี้ก็ขนลุกสู้แล้ว!!


เรื่องโดย : มิดไนท์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook