"Bajau Laut" : ชนเผ่ายอดนักดำน้ำผู้รับขุมพลังลิมิเต็ดที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี

"Bajau Laut" : ชนเผ่ายอดนักดำน้ำผู้รับขุมพลังลิมิเต็ดที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี

"Bajau Laut" : ชนเผ่ายอดนักดำน้ำผู้รับขุมพลังลิมิเต็ดที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การมีบ้านอยู่ติดทะเลนั้นคือความฝันของเราๆ ท่านๆ กันแทบทั้งนั้น เพราะการตื่นเช้าขึ้นมาและเปิดประตูรับกับแสงอาทิตย์พร้อมทะเลสีคราม น่าจะเป็นสิ่งที่เพิ่มพลังชีวิตได้เป็นอย่างดี

ชีวิตแบบนี้มีอยู่จริงในหมู่ชนเผ่าที่ชื่อว่า Bajau Laut พวกเขาไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีอินเตอร์เน็ต มีเพียงบ้านกลางทะเลเท่านั้น... และอาศัยอยู่แบบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตามในความไกลปืนเที่ยง กลับกลายเป็นการสร้างขุมพลังที่ชนเผ่าใดๆ ก็ยากจะเลียนแบบ ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับมนุษย์กลายพันธุ์ ... และมันทำให้พวกเขาดำน้ำได้ลึกได้ถึง 80 เมตรโดยใช้แว่นตาดำน้ำแค่อันเดียวเท่านั้น 

ติดตามเรื่องราวของความสามารถสุดลิมิเต็ดที่ส่งผ่านพันธุกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของ Bajau Laut ได้ที่นี่

Bajau Laut ยิปซีแห่งท้องทะเล

"ยิปซี" ถูกรู้จักกันในชื่อของหมู่คนเร่ร่อน ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง เดินทางไปเรื่อยๆ เจอที่ใดที่เหมาะ พวกเขาจะลงหลักปักฐาน และถึงเวลาที่ต้องย้าย พวกเขาก็จะไม่ลังเลที่จะทิ้งที่อยู่เก่า เพื่อไปหาสิ่งที่ดีกว่า 

 1

คำว่า ยิปซี นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากชาวอังกฤษที่ใช้เรียกคนจรจัดโดยย่อมาจากคำว่า Egyptians อีกทีหนึ่ง ... แม้ในตอนแรกเข้าใจกันว่ายิปซีมีที่มาจากประเทศอียิปต์ แต่จากการศึกษาจากสรีระวิทยา, สำเนียง และการร้องเพลง กลับพบว่าแท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดของ ยิปซี คือชาว อินเดีย ที่พเนจรมาอยู่ทางตะวันตกมาเป็นเวลากว่าพันปี

ปัจจุบัน ชาวยิปซีที่แท้จริงได้ถูกนิยามใหม่ว่าเป็นชาว "โรมานี"... แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน "ยิปซี" จึงถูกเรียกแทนคนเร่รอน ที่ใช้ชีวิตสวนทางกับกระแสสังคมไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใดก็ตาม   

 2

และ ณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก มีกลุ่ม ยิปซี อีก 1 ประเภทซึ่งแตกต่างจากยิปซีในยุคโบราณนานมา พวกเขาคือชนเผ่าที่ชื่อว่า Bajau Laut หรือ Sama-Bajau ชนเผ่านี้ถูกเรียกว่า "ยิปซีแห่งท้องทะเล" พวกเขาสร้างบ้านและบางกลุ่มอาศัยบนเรือกลางทะเล ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำ กิจกรรมต่างๆ กว่า 60% หนีไม่พ้นทะเลเลย ซึ่งเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนที่พวกเขากิน-อยู่ และ อาศัย กันเช่นนั้น 

ปัจจุบันชาว Bajau Laut อาศัยอยู่บริเวณริมชายฝั่งของประเทศ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และ บรูไน โดยมีการประมาณจำนวนประชากรจากหลายแหล่งว่าชาว Bajau Laut มีจำนวนมากถึง 1.1 ล้านคนเลยทีเดียว

"มีความเป็นไปได้ว่า Bajau Laut มีอายุมากกว่า 1 พันปี อาศัยบนเรือและน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาจะเดินขึ้นแผ่นดินเป็นครั้งคราวเท่านั้น ดังนั้นทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการและใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถหาได้จากท้องทะเลทั้งหมด" เมลิสซา ยาร์โด้ จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้น กล่าวกับ BBC

 3

อาชีพหลักของพวกเขายังคงเป็นการหากินกับท้องทะเลเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายของพวกเขาได้ส่งผ่านสิ่งที่เรียกว่าพันธุกรรมมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านวิถีที่สืบทอดกันมายาวนานจนกลายเป็นพรสวรรค์ที่ยากจะหาใครเลียนแบบได้ นั่นคือการ "ดำน้ำ" 

ในขณะที่โลกตะวันตก หรือหลายๆ ประเทศที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาการ พยายามสร้างและผลิตอุปกรณ์มากมายขึ้นมาเพื่อเพิ่มขีดจำกัดให้กับนักดำน้ำของพวกเขา แต่ชาว Bajau Laut กลับดำน้ำได้ลึกกว่า 80 เมตรด้วยวิธีที่ง่ายดายกว่ากันเยอะ

ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ไม่มีถังอ็อกซีเจน และไม่มีเหล็กถ่วงน้ำหนัก... มีเพียงแว่นตาดำน้ำกับพลังที่ยากเกินหยั่งถึงเท่านั้นที่ทำให้ Bajau Laut ยิปซีแห่งท้องทะเลสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้พบเห็น

อุปกรณ์ที่ไม่มีใครสร้างได้ 

ว่ากันว่าหากคนเราทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ เป็นระยะเวลาติดต่อกันนาน เราจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และทำสิ่งๆ นั้นได้โดยสัญชาตญาณ ชนิดที่ว่าหลับตาทำก็ยังได้โดยที่เราเองไม่ทันรู้ตัว 

 4

Bajau Laut มีการบันทึกไว้เมื่อปี 1521 หรือเกือบ 500 ปีที่แล้ว โดยผู้บันทึกหลักฐานคือนักสำรวจชาวอิตาลี นามว่า อันโตนิโอ ปิกาเฟ็ตต้า เขาคือชายที่ตั้งใจจะเดินเรือไปรอบโลกและได้พบกับชาว Bajau Laut พร้อมๆ กับพรสวรรค์ในการกลั้นหายใจที่เหนือมนุษย์

"เมื่อพวกเขากระโจนลงสู่ห้วงน้ำเมื่อนั้นคือจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม ชาว Bajau Laut ดำน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าวันละ 8 ชั่วโมง เวลาในชีวิตกว่า 60% ถูกใช้ไปกับน้ำทะเล พวกเขาสามารถเลือกได้ตามแต่ใจว่าจะดำสัก 30 วินาที หรือจะเอาหลายๆ นาทีเลยก็ได้ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาดำได้ลึกมากกว่า 70 เมตรแน่นอน" ดร. ยาร์โด้ กล่าว

ตามปกติแล้วการดำน้ำของมนุษย์โดยปกติ หากต้องการจะดำให้ลึกในระยะมากกว่า 50 เมตรนั้น จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยมากมาย แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับชาว Bajau Laut สิ่งต่างๆ และเทคโนโลยีนั้นไม่จำเป็น เพราะพวกเขามีอุปกรณ์หนึ่งที่แข็งแกร่งและเป็นกุญแจหลักของพรสวรรค์นี้ อุปกรณ์ดังกล่าวซ่อนอยู่ในช่องท้องของพวกเขา ... ซึ่งนั่นก็คือ "ม้าม" นั่นเอง

จุดเริ่มต้นของการตรวจม้ามของชาว Bajau Laut เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้น ได้พบเจอกับการดำน้ำที่เหนือมนุษย์ของ Bajau Laut พวกเขาจึงกลับมาที่หมู่บ้านนี้ใหม่อีกครั้งพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ แบบครบวงจร โดยเฉพาะเครื่องอัลตร้าซาวด์ เพื่อไขข้อสงสัยให้ได้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ Bajau Laut ดำน้ำได้ลึกขนาดนั้น

กลุ่มทีมสำรวจจากโลกตะวันตกเริ่มต้นด้วยการนำเครื่อง อัลตร้าซาวด์ มาสแกนร่างกายของชาวบ้าน Bajau Laut ทั้ง 20 ครัวเรือน จำนวนทั้งหมด 59 คน และพวกเขาก็ค้นพบว่าม้ามของชาว Bajau Laut ใหญ่ผิดปกติ

 5

คำว่าผิดปกติในที่นี้ไม่ได้เปรียบเทียบกับกลุ่มนักสำรวจจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้นเท่านั้น เพราะก่อนที่ทีมสำรวจจะมาสแกนม้ามของ Bajau Laut พวกเขาได้ไปพบกับชาว Saluan อีกชนเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเกาะระยะไม่ห่างจากพวก Bajau Laut มากนัก และถึงแม้ว่ากิจวัตรของชาว Saluan จะผูกพันกับท้องทะเล แต่เมื่อสำรวจม้ามแล้วกลับพบว่า ม้ามของชาว Saluan เล็กกว่าม้ามของชาว Bajau Laut ถึง 50% เลยทีเดียว

หากจะถามว่าการที่ "ม้ามใหญ่" ส่งผลต่อการดำน้ำลึกได้อย่างไร? ก็คงต้องบอกว่า ม้าม นั้นเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เหมือนโกดังเก็บเซลล์เม็ดเลือดแดง (ซึ่งเม็ดเลือดแดงมีอ็อกซิเจน) และโดยปกติแล้วหากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (รวมถึงมนุษย์) กลั้นหายใจเมื่อใด ม้ามก็จะทำหน้าส่งเม็ดเลือดแดงที่มีอ็อกซิเจนไปยังระบบไหลเวียนโลหิตเพื่อช่วยให้ยืดระยะเวลากลั้นหายใจได้นานขึ้นนั่นเอง

ม้ามของชาว Bajau Laut ไม่ได้ใหญ่เพราะการฝึกฝน แต่มันคือพันธุกรรมที่ส่งมาตามสายเลือด เพราะในการสแกนร่างกายของชาว Bajau Laut ที่ยังเด็กหรือคนที่ไม่เคยดำน้ำ พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีม้ามที่ใหญ่กว่าปกติอยู่ดี 

ความมหัศจรรย์ของร่างกายชาว Bajau Laut ยังไม่หมดแค่นั้น ซึ่งหลังจากมีการตรวจดู DNA ของพวกเขาพบว่าพวกเขามีฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอัตราการเผาผลาญในต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถสู้กับสภาวะอ็อกซิเจนต่ำได้ดีขึ้นไปอีก 

 6

ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่มีชนเผ่าใดสามารถเลียนแบบได้นี้ จึงทำให้ Bajau Laut กลายเป็นชนเผ่าที่ดำน้ำแบบไม่ใช้อุปกรณ์ได้ดีที่สุดในโลก พวกเขามีม้ามที่เป็นเหมือนห้องเครื่องที่ส่งพลังไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล และมีดีเอ็นเอชนิดพิเศษที่เป็นเหมือนเทอร์โบช่วยเสริมแรงในสภาวะที่ยากลำบาก ทั้งหมดคือความสุดยอดและคือที่มาของคำว่าวิวัฒนาการของมนุษย์อย่างแท้จริง

"Bajau Laut คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับวิธีการปรับตัวของมนุษย์ที่สามารถกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นของพวกเขา ต่อไปนี้อาจจะมีความสนใจทางการแพทย์มาถึงพวกเขาอีกมาก สำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับตัวของอ็อกซิเจนในร่างกาย" รัสมุส นีลเซ่น หนึ่งในทีมนักวิจัยกล่าว

การปรับตัวครั้งต่อไป... ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อดีต

แม้ Bajau Laut จะมีพันธุกรรม พรสวรรค์ และมีความพิเศษแบบที่โลกยากจะเลียนแบบ แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่มีเลยแม้สักวินาทีที่พวกเราไม่ต้องปรับตัว ... และพวกเขากำลังจะเจอความท้าทายครั้งใหญ่ ที่อาจจะมากกว่าการขยายม้ามเมื่อดำน้ำเสียอีก

 7

ปัจจุบันโลกหมุนไปตามวิถีและความเป็นไป ต่อให้ห่างไกลความเจริญมากแค่ไหน แต่สักวันความเจริญและเทคโนโลยีก็จะมาถึงในไม่ช้า ในยุคปัจจุบันที่ท้องทะเลโดนมนุษย์รบกวน สัตว์น้ำ, แนวประการัง และ น้ำจืด กลายเป็นของหายาก มันจึงส่งผลต่อการใช้ชีวิตของชาว Bajau Laut เป็นอย่างมาก จึงทำให้มีชาว Bajau Laut บางกลุ่ม แยกตัวออกมาและอาศัยอยู่ในพื้นที่ติดกับชายฝั่งมากขึ้นเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต  

เดิมทีพวกเขาไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา แต่ตอนนี้การขยับเข้าไปใกล้ชิดชายฝั่ง ทำให้เหล่ายิปซีได้เริ่มรู้จักสิ่งใหม่ๆ ที่เรียกว่าเทคโนโลยี นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่กันมาเป็นพันๆ ปีก็โดนรบกวนจากประชากรรอบข้างหรือคนนอกมากขึ้น และมันน่ากลัวว่าหากสักวันที่โลกสมัยใหม่เข้าใกล้วิถีโบราณมากขึ้น พรวรรค์และร่างกายที่สุดยอดของชาว Bajau Laut อาจจะหายไปก็เป็นได้  

ตอนนี้ชาว Bajau Laut อาจจะอยู่ตามชายฝั่งของหลายประเทศ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับการยอมรับว่ามีสัญชาติใดที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามพวกเขากลับไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องพวกนี้ แต่กลับกลายเป็นการขับไล่เสียมากกว่า 

 8

"พวกเราชาว Bajau Laut คุ้นเคยกับชีวิตบนท้องทะเล บางครั้งก็ยากที่พวกเราจะปรับตัวเข้ากับการไปเรียนโรงเรียนปกติ" โรเซียห์ ครูใหญ่ของโรงเรียนเรือนแพสำหรับชาว Bajau Laut ในทะเลตอนใต้ของ มาเลเซียกล่าว 

"เราสอนเด็กๆ ที่นี่เกี่ยวกับธงชาติและธงประจำรัฐ รวมถึงทุกๆ เทศกาลราวกับว่าพวกเขาเป็นพลเมือง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็ต้องพยายามบอกให้พวกเขารู้ว่า 'ชาวมาเลเซียเป็นแบบนี้นะ'" 

"เราต้องการให้พวกเขารู้ว่าพวกเรามีคุณค่าและได้รับการดูแลโดยรัฐบาล เราต้องการให้พวกเขาส่งเสริมบ้างและทำให้พวกเราไม่ต้องดูถูกตัวเอง” เธอกล่าวทิ้งท้าย 

ขณะที่ชาว Bajau Laut ฝั่งอินโดนีเซีย ก็ประสบพบเจอกับเรื่องที่ไม่แตกต่างกัน แต่ถึงแม้จะโดนบีบแค่ไหน จุดเด่นของชาว Bajau Laut ก็ยังเป็นเรื่องของการยินดีกับชีวิตที่ลืมตาตื่นขึ้นมาและพบกับท้องทะเลเหมือนเช่นเคย 

"พวกเขาเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างสังคม แม้จะดูยากลำบาก แต่พวกเขากลับเป็นกลุ่มคนที่มีความยินดีกับชีวิตความเป็นอยู่มากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียที่ผูกพันกับชาว Bajau Laut กล่าว

 9

แม้จะมีความสุขและยินดีกับสิ่งที่มีขนาดไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้คือ พวกเขาจะสามารถอยู่บนรอยเส้นแบ่งของวัฒนธรรมได้อีกนานสักเท่าไร ปัจจุบันโครงการของรัฐบาลหลายๆ ที่ บังคับให้คนเร่ร่อนต้องขึ้นฝั่ง และบ้านกลางทะเลของพวกชาว Bajau Laut ก็เป็นหนึ่งในโครงการนั้นด้วย

"ชาว Bajau Laut เคยทำบ้านจากต้นไม้เนื้ออ่อนตามท้องถิ่น แต่ตอนนี้ต้นไม้ชนิดดังกล่าวก็ใกล้ที่จะสูญพันธุ์ ต่อจากนี้พวกเขาอาจจะต้องถูกบังคับให้เจอ หรือต้องใช้อะไรที่ไม่เคยเจอทั้ง เครื่องจักร, แก๊ส ซึ่งแน่นอนว่ามันมีราคาแพง และมันจะบีบให้พวกเขาเข้าไปใกล้ชิดกับแผ่นดินทีละน้อยอย่างช้าๆ แม้ตอนนี้จะเหลือบางกลุ่มที่สร้างบ้านกลางทะเลเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับท้องสมุทรก็ตาม" ยาร์โด้ กล่าว

การสร้างม้ามที่ใหญ่กว่าคนปกติ การสร้างดีเอ็นเอที่สามารถเอาชนะพื้นที่ที่ไร้อ็อกซิเจน และทักษะการดำน้ำลึกในแบบที่ใครก็ยากจะสู้ได้ ที่ถูกส่งผ่านมาหลายชั่วอายุคน จะต้องสู้กับสิ่งที่เรียกว่า โลกาภิวัฒน์ ... ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น หากพวกเขาหมดทางเลือกและไม่สามารถรักษาขนบเดิมไว้ได้ Bajau Laut ชนเผ่า 500 ปี อาจจะเหลือแค่ชื่อและคำกล่าวในฐานะตำนานเท่านั้น ... ก็เป็นได้  

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "Bajau Laut" : ชนเผ่ายอดนักดำน้ำผู้รับขุมพลังลิมิเต็ดที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook