ใครเป็น “แพะ” ?
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/20/101161/y.jpgใครเป็น “แพะ” ?

    ใครเป็น “แพะ” ?

    2014-09-23T10:12:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    เวลามีความผิดพลาดเกิดขึ้น การรับผิดชอบควรจะเกิดขึ้น และหลายๆ ครั้งที่เรามักจะตามหา "แพะ" มาบูชายัน ทดแทนสิ่งที่เสียไป แต่นั่นใช่คำตอบหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าหากต้องหาสักคนในเกมที่ "ปีศาจแดง" แพ้ "จิ้งจอก" มันผู้นั้นควรจะเป็นใคร

    ต้องยอมรับตามตรงว่า แม้ผมจะมีหน้าที่การงานเป็นผู้สื่อข่าวประจำการในศูนย์ข่าวของ 96 สปอร์ต เรดิโอ แห่งนี้ แต่ด้วยเวลาการเข้าเวรที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้แทบจะไม่มีโอกาสได้นั่งเชียร์ “ปีศาจแดง” เลย เพราะช่วงสุดสัปดาห์ตรงกับวันหยุดของผม แถมการต้องใช้ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าหอพัก ก็ไม่เอื้อให้ผมได้ติดจานดาวเทียมดูเองที่ห้อง แต่ในสุดสัปดาห์ล่าสุด ต้องขอบคุณฟรีทีวีที่เอื้ออำนวยให้ได้ยลฟอร์มแนวรุกระดับโลกของทีมอย่างชนิดติดขอบหน้าจอ
     
    อย่างที่ทุกคนทราบดี “ปีศาจแดง” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วง 60 นาทีแรก บรรดาแผงมิดฟิลด์และกองหน้าทำหน้าที่ได้อย่างสมราคาในเกมรุก การต่อบอลเข้าทำ การจบสกอร์ และการสร้างสรรค์เกม นักเตะใหม่อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา, ดาลีย์ บลินด์ และ อันเดร์ เอร์เรร่า ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าพูดกันอย่างไม่ลำเอียง แบ็กสองข้างทั้ง มาร์กอส โรโฮ และ ราฟาเอล ดา ซิลวา (นับเฉพาะเกมรุกน่ะนะ) ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

    2 แนวรุกหน้าใหม่ผีเปิดฉากช่วงต้นเกมได้สะเด่าไปเลย

    อย่างที่ทุกคนทราบดีอีกครั้งว่า “ปีศาจแดง” เดินออกจาก คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ในฐานะผู้ปราชัยด้วยสกอร์ 3-5 ทั้งที่ออกนำไปก่อนถึง 3-1 แต่กลับมาเสียประตูในช่วงเวลารวมๆ แค่ราว 20 นาทีถึง 4 ลูก เล่นเอากองเชียร์ที่ออกตัวแรงไปก่อนหน้านี้สะกดคำว่าเงิบยังแทบไม่ออก กับความจริงที่ว่านักเตะใหม่ที่ดึงเข้ามาด้วยสนนราคากว่า 150 ล้านปอนด์ แพ้ยับเยินให้กับทีมที่นักเตะค่าตัวรวมกันทั้งทีมถึง 50 ล้านหรือเปล่าก็ไม่รู้
     
    แล้วคำถามหลายๆ ข้อก็บังเกิดขึ้นหลังเกมการแข่งขัน และหนึ่งในนั้นคือ มันควรจะโทษใครกับการพลาด 3 แต้มอย่างน่าอับอายครั้งนี้
     
    ผู้ต้องหาคนแรก จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังที่ลงมาเล่นตั้งแต่ต้นเกม แต่เล่นไป 20 นาทีดันพาตัวเองไปให้อาการบาดเจ็บมาถามหา ทำให้กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องเปลี่ยนเอานักเตะที่เพิ่งหายจากอาการเจ็บอย่าง คริส สมอลลิ่ง ลงสนามมาแทน จนแนวรับมีปัญหา แต่ดูแล้วหลักฐานเอาผิดจะอ่อนสุดเพราะคงไม่มีใครอยากได้รับบาดเจ็บจนตัวเองเล่นต่อไม่ได้

    หลุยส์ ฟาน กัล ได้แต่นั่งอมทุกข์โดยไม่มีแม้แต่จะออกมาตะโกนสั่งลูกทีม

    ผู้ต้องหาคนที่สอง หลุยส์ ฟาน กัล ในฐานะกุนซือ คนวางแผน วางแท็กติก จัดตัวผู้เล่น และออกคำสั่งแก่นักเตะในทีม กลับไม่สามารถพาลูกทีมออกมาจาก คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยการมี 3 แต้มในมือได้ ทั้งที่นักเตะเหนือกว่าอย่างชัดเจนอยู่หลายขุม ซึ่งก็ถือว่ามีมูลความผิดอยู่บ้าง ในฐานะผู้อยู่เบื้องบน แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแผนการเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ ของ ฟาน กัล ก็ทำให้แนวรุกของ “ปีศาจแดง” แสดงประสิทธิภาพออกามาอย่างชัดเจน

    เวย์น รูนีย์ กับบทบาทกัปตันทีมที่หลายต่อหลายคนบอกว่าไม่คุ้มกับค่าจ้างถึง 3 แสนปอนด์/สัปดาห์

    ผู้ต้องหาคนที่สาม หลายคนก็โทษ เวย์น รูนีย์ ในฐานะกัปตันทีม ซึ่งสื่อบางสำนัก และแฟนบอลบางกลุ่มมองว่ากองหน้าร่างตันวัย 28 ปีรายนี้ ไม่ได้มีศักยภาพและวุฒิภาวะเพียงพอกับการเป็นผู้นำนักเตะอีก 10 คนในสนาม แม้ว่าจะมีคนไว้วางใจอย่างน้อยๆ ก็สองคน คือ หลุยส์ ฟาน กัล และ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ที่ยกปลอกแขนผู้นำทีมทั้งของ “ปีศาจแดง” และ “สิงโตคำราม” ให้ แต่ด้วยอารมณ์ และผลงานที่ไม่คงเส้นคงวา แถมการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมของรูนีย์ ยังไม่ชัดเจน และก่อให้เกิดคำถามตามมาว่าดีพอกับตำแหน่งผู้นำหรือยัง

    เปามาร์คถูกแฟนผีเหมาว่าเป็นกรรมการฝั่งหงส์ไปโดยปริยาย (ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เปาคู่ ผี-หงส์ ซะหน่อย)

    ผู้ต้องหาคนที่สี่ มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ผู้ตัดสินระดับแถวหน้าของเกาะอังกฤษ ที่ทำหน้าที่ในเกมนี้ได้อย่างย่ำแย่ และเป็นเครื่องหมายคำถามติดอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นจังหวะฟาวล์หลายๆ ครั้งที่ “ปีศาจแดง” ควรจะได้ รวมถึงจุดโทษที่ไม่ควรจะเสียในครั้งแรก ซึ่งพี่แกก็เป่าให้ ราฟาเอล ทำฟาวล์ ในเขตโทษซะอย่างงั้น ทั้งที่เกิดการแตะเนื้อต้องตัวเล็กน้อย ค้านสายตาคนดูหน้าจอมากมาย และนำมาซึ่งประตูตีตื้น 3-2 และส่งผลให้ลูกทีม หลุยส์ ฟาน กัล เสียสมาธิ และโดนยิงไส้แตก ในอีก 3 ประตูถัดมา
     
    ผู้ต้องหาคนที่สี่ ราฟาเอล ดา ซิลวา ที่ไปทำพลาดให้ “พี่มาร์ค” เป่าจุดโทษให้กับเจ้าบ้าน จนทำให้ทีมต้องเสียสมาธิและเสียประตูแบบติดๆ กันตามมา

    แฟนผีหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันช๊อตนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผีแดงเสียสมาธิไปเลย

    ผู้ต้องหาคนที่ห้า เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงจากระดับ คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่ดันเล่นดีในระดับ พรีเมียร์ลีก และป่วนแนวรับของทีมระดับยักษ์ใหญ่แบบไปไม่เป็น เอาไม่อยู่ แถมยังคว้าตำแหน่ง แมนออฟเดอะแมตช์ ประจำเกมนัดนี้ไปครอง

    ตัวเลขไม่เลยโกหกใครโดนยิงตรงกรอบ 5 ครั้งเป็น 5 ประตู

    ผู้ต้องหาคนที่หก ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตู เจ้าของตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่ฟอร์มไม่ดีในนัดนี้ จากที่เคยโชว์ฟอร์มเซฟอุตลุดเมื่อซีซั่นก่อน แต่มาเกมนี้ โดนยิงแบบไม่อาจปัดป้องได้ทุกลูก

    แบล็คเกตต์ กองหลังอนาคตไกลกลายร่างเป็นตัวตลกสำหรับทีมคู่แข่งไปแล้ว

    ผู้ต้องหาคนสุดท้าย ไทเลอร์ แบล็คเกตต์ และ คริส สมอลลิ่ง คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟในเกมนี้ ที่ทั้งช้า ทั้งไม่เข้าขา ทั้งโฉ่งฉ่าง ทั้งทำหน้าที่ไม่ดี ทั้งเสียสมาธิ สุดแล้วแต่จะยกข้อหามายำ เล่นกันแบบไม่ได้เรื่อง แถม แบล็คเก็ต ยังมาเน่าหนอนมากขึ้นเมื่อเข้าเสียบนักเตะ เลสเตอร์ แบบโง่ๆ จนมาเสียจุดโทษและโดนใบแดงอีกด้วย การประกบนักเตะก็ยังทำได้แย่ ซึ่งน้ำหนักคนผิดน่าจะตกไปทางดาวรุ่งระดับบ่อน้ำมันทองคำอย่าง แบล็คเก็ต มากกว่าเพราะความผิดชัดแจ้งกว่าเยอะ
     
    อย่างไรก็ตาม ผมไม่ขอฟันธงว่า ใครสมควรจะโดนสวมบท “แพะรับบาป” จับบูชายันประจำแมตช์นี้ แต่หวังว่าเกมต่อๆ ไปจะไม่ต้องมานั่งจมกับความห่วยแตกของทีมในระดับสมควรสังคายนาแบบนี้อีก แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับใครควรเป็นผู้รับผิดชอบในเกมนี้

    สุกรโลกันต์

    ติดตามไฮไลท์พรีเมียร์ลีกทุกคู่ได้ที่นี่ คลิ๊ก!