เก่งแต่...? : ชีวิตส่วนตัวของ "แกเรธ เบล" ที่ทำให้เขาไม่มีที่ยืน ณ มาดริด

เก่งแต่...? : ชีวิตส่วนตัวของ "แกเรธ เบล" ที่ทำให้เขาไม่มีที่ยืน ณ มาดริด

เก่งแต่...? : ชีวิตส่วนตัวของ "แกเรธ เบล" ที่ทำให้เขาไม่มีที่ยืน ณ มาดริด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรอัล มาดริด อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้ว แม้ว่าปีนี้พวกเขาจะเสียเงินมากกว่า 300 ล้านยูโร เพื่อเปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่เสริมทัพเอานักเตะดีๆ เข้าในทีม

การเข้ามาของแข้งหน้าใหม่ทำให้ แกเรธ เบล ที่ถูกมองว่าเป็นส่วนเกินถูกขับออกจากทีมอย่างเปิดเผย ซีเนดีน ซีดาน ไม่ใช้งานเขา และที่สำคัญแฟนๆ ของราชันชุดขาวก็โห่ใส่เขาแทบทุกวาระโอกาส

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่ มาดริด โคลงเคลง สุดท้ายแล้วก็เป็น เบล คนนี้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทีมและเริ่มทำให้ใครหลายคนต้องเสียหน้า

 

แกเรธ เบล ไปทำอะไรให้ผู้คนที่มาดริดไม่ชอบใจ และเขาเป็นนักเตะที่ไร้ความเป็นมืออาชีพตามที่ใครกล่าวถึงจริงหรือ? ติดตามได้ที่นี่

จุดเริ่มต้นของกระแสไล่ "เบล"

การพาทีมได้แชมป์สโมสรโลก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2017-18 ที่ แกเรธ เบล เป็นฮีโร่ของทีมในนัดชิงชนะเลิศดูเหมือนมันจะไม่มากพอ และเขาก็ยังไม่เป็นที่ต้องการของแฟนบอล แต่ทำไมล่ะมันจึงเป็นเช่นนั้น

 1

ที่ เรอัล มาดริด ไม่มีที่ว่างให้สำหรับความพ่ายแพ้ นี่คือสโมสรที่มีความสำเร็จมากที่สุดในยุโรป พวกเขาไม่เคยขาดนักเตะที่เป็น "เอซ" ของทีม ดังนั้นการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อำลาทีมไปในซัมเมอร์ปี 2018 ได้เปลี่ยนทุกอย่างทันที มาดริด ได้รู้จักความพ่ายแพ้ง่ายกว่าเดิม และรู้สึกว่าชัยชนะกลายเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินในวันที่ไม่มี โรนัลโด้ และ ซีดาน 

และเมื่อต้องพบกับความพ่ายแพ้บ่อยๆ เข้า แฟนบอลที่ มาดริด จะมองว่าคือเรื่องใหญ่ที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ความเข้มข้นและจริงจังของแฟนๆ สูงมาก แม้แต่ เอเด็น อาซาร์ ตัวรุกค่าตัวแพงที่สุดในสโมสรที่ย้ายมาเมื่อในซัมเมอร์นี้ยังสัมผัสได้ด้วยตัวเอง

"ที่เชลซีเมื่อเราแพ้ เราจะผิดหวังเหมือนกับแฟนบอล แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันคือหายนะ มันแตกต่างจากในสเปน" อาซาร์ กล่าว

"ผมคิดว่าที่นี่แฟนบอลคือแฟนบอลจริงๆ ฟุตบอลคือทุกอย่างสำหรับพวกเขา พวกเขาต้องการให้นักเตะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ในอังกฤษมีแฟนบอลไม่มากนักที่มีความคิดเช่นนี้"

"แน่นอนว่าแฟนบอลที่นั่นชอบฟุตบอล ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็ก, ผู้ใหญ่, วัยรุ่น ล้วนสนใจฟุตบอล แต่พวกเขาไม่ได้คลั่งไคล้ทีมของตัวเองมากนัก"

 2

อย่างไรก็ตามก่อนที่ อาซาร์ จะย้ายเข้ามานั้น แกเรธ เบล เป็นนักเตะที่มีราคาเทียบเท่าและอาจจะมากกว่า โรนัลโด้ ในวันที่ย้ายเข้ามา ซึ่งต้องตกเป็นความหวังใหม่ในวันที่ โรนัลโด้ จากไปโดยปริยาย 

เบล เริ่มฤดูกาลด้วยความร้อนแรง 4 นัดแรกในเกมลีกเขาทำไป 3 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ และ มาดริด ชนะรวดทั้ง 3 นัด ณ เวลานั้นถึงกับมีวลีที่ว่า "เมื่อไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมที่เล่นเป็นทีมกว่าที่เคยเป็นมา" เลยทีเดียว

ทว่าหลังจากนั้น ฆูเลน โลเปเตกี กลับถอดเบลนั่งสำรองในเกมกับ เอสปันญอล และนั่นทำให้เขาเริ่มหยุดยิงประตูไปยาวถึง 5 นัด ซึ่งท้ายสุดมันนำมาซึ่งฟอร์มย่ำแย่ของทีมที่ไม่สามารถเอาชนะใครได้ 4 นัดติดต่อกันและเป็นการพ่ายแพ้ถึง 3 เกม  

ปัญหาทุกอย่างดูจะได้คำตอบในเกมนัดที่ 10 ของฤดูกาล มาดริด เปิด เบอร์นาเบว พบกับ บาร์เซโลน่า โลเปเตกี ส่ง เบล ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ทว่าสุดท้ายเกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้คารังถึง 1-5 เมื่อนั้นก็วงแตกทันที ... โลเปเตกี ถูกปลด เรอัล มาดริด ไร้หางเสือต้องเอา ซานติอาโก โซลารี่ ขึ้นมาคุมทัพชั่วคราว

โซลารี่ ขึ้นมาจากทีมชุดบีของสโมสร ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้นักเตะดาวรุ่งหลายคนลงสนาม และเลือกที่จะเขี่ยแข้งตัวเก๋าออกจากทีมตัวจริงหลายคน ทั้ง มาร์เซโล่ และรวมถึง แกเรธ เบล ด้วย โดยเฉพาะรายของเบลนั้นได้ลงเต็มเกมเพียงแค่ 2 นัดตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ โซลารี่ เข้ามาคุมทีม

 3

สิ่งที่แย่กว่าคือ เรอัล มาดริด หมดลุ้นแชมป์ลีกตั้งแต่หัววัน ตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการแพ้เละเทะให้กับ อาหยักซ์ ที่ถือว่าเป็นทีมนอกสายตาในเวลานั้น นี่คือความผิดหวังที่ร้ายแรงมากสำหรับสโมสรแห่งนี้ และแฟนบอลของพวกเขาต้องการใครสักคนที่ต้องรับผิดชอบสำหรับเรื่องนี้

โลเปเตกี โดนปลด! โซลารี่ โดนปลด! และเมื่อนั้น แกเรธ เบล จึงกลายเป็นเป้าสุดท้ายที่เหลืออยู่... 

ทำไมต้องเป็น เบล 

เหตุผลง่ายนิดเดียว เพราะ เบล ในมุมมองของแฟนบอล เรอัล มาดริด นั้นเปรียบเหมือนกับคนนอกโดยกลายๆ เบล เป็นแข้งตกสำรวจในโพลล์ของ มาร์ก้า มาตลอดว่าใครคือขวัญใจของแฟนบอล โรนัลโด้, มาร์เซโล่, เซร์คิโอ รามอส, ลูก้า โมดริช และ คาริม เบนเซม่า คือแข้งขวัญใจระดับท็อป 5 ขณะที่ เบล มักจะติดโพลของนักเตะที่ทีมควรขายออกเสมอ ซึ่งนั่นก็เพราะการปฎิบัติตัวของเขาเอง

 4

นอกจากนี้แม้แต่สำนักข่าว มาร์ก้า เองก็มักจะหาเรื่องเล่นงาน เบล อยู่บ่อยๆ อาทิในวันที่เขาย้ายทีมมาในปี 2013 ซานติอาโก้ โซโรล่า นักเขียนของ มาร์ก้า อธิบายคุณสมบัติของเบลหลังจากเข้าไปดูในสนามซ้อมว่า

“แกเรธ เบล หมอนี่วิ่งเป็นอย่างเดียว” ซานติอาโก้ โซโรล่า อธิบายไว้เช่นนั้น

เอาล่ะ เบล อาจจะไม่เก่งเท่ากับ โรนัลโด้ แม้ความจริงในโลกนี้คงจะหาใครมาเทียบกับ CR7 ยากเหลือเกิน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ เบล ไม่เป็นที่รักของแฟนๆ ไม่ใช่เรื่องในสนามอย่างเดียวเท่านั้น ...

เบล ถูกมองว่ามีพฤติกรรมและทัศนคติที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับทีม เขาไม่มีเพื่อนสนิทในทีมนอกจาก ลูก้า โมดริช ที่เป็นเพื่อนเก่ากันสมัยเล่นที่ สเปอร์ส นอกจากนี้การวางตัวนอกสนามของเขายังมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนบอลที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเขามักจะทำตัวเหมือนกับพนักงานออฟฟิศที่แค่ทำหน้าที่ในสนามของตัวเองให้จบ หลังจากนั้นก็ปลีกตัวออกห่างเพื่อใช้ชีวิตส่วนตัวเสมอ

 5

"มันยากที่จะอธิบาย แกเร็ธ เบล ด้วยคำเพียงคำเดียว ผมบอกได้ว่าเขาเต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่บางครั้งมันก็ถูกบล็อกเอาไว้ด้วยเรื่องบางอย่าง ผมใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่เกิดและหายใจเป็นชาว มาดริด ผมกินข้าวตอนสายๆ ผมนอนดึก มันคือวิถีชีวิตของคนที่นี่" นี่คือสิ่งที่ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารของทีมพูดถึง แกเรธ เบล ที่มีตารางชีวิตไม่สอดคล้องกับมาดริดิสต้าทั่วไป

นอกจานี้ มาร์เซโล่ ยังย้ำไปในทิศทางเดียวกันว่า การปฎิบัติตัวของ เบล ในห้องแต่งตัวแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาไม่ยอมพูดภาษาสเปนซึ่งเป็นภาษาที่ผู้เล่นในทีมทุกคนใช้สื่อสารกัน แม้แต่ตัวของ โมดริช ที่มาจากอังกฤษก่อนหน้าเขาไม่นานก็พูดสเปนได้อย่างคล่องปร๋อ 

"ผมนั่งติดกับเบลในห้องแต่งตัว แต่เบลไม่พูดภาษาสเปน เขาจะพูดแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น" 

"เราสื่อสารกันผ่านการแสดงท่าทาง ผมใช้ภาษาสเปนกับเขาแค่ว่า 'สวัสดี (Hi), สวัสดี (Hello) และ ไวน์ชั้นดี'" มาร์เซโล่ กล่าวเช่นนั้นแล้วก็หัวเราะ 

 6

เบล เป็นคนเก่งแต่ว่าทำให้บรรยากาศในทีมไม่ดี อาทิในซัมเมอร์ที่ผ่านมาซึ่งแฟนบอลของ เรอัล มาดริด มารอต้อนรับนักเตะเข้าสู่สนามซ้อม แต่ เบล กลับเดินฝ่ากลุ่มแฟนบอลของมาดริดเข้าไปด้วยท่าทีที่เฉยเมย ไม่ยอมถ่ายรูปหรือแจกลายเซ็นเหมือนกับผู้เล่นคนอื่นๆ จนทำให้แฟนบอลไม่พอใจและรุมโห่ขณะที่ทีมลงซ้อมจนทำให้บรรยากาศมันอึมครึมไปโดยปริยาย 

มาถึงฤดูกาลนี้ ในระหว่างที่ มาดริด ไปแข่งรายการปรีซีซั่น ออดี้ คัพ ที่ประเทศเยอรมัน เบล ก็ไม่ถูกเรียกตัวติดทีมไปด้วย ทว่าช่วงเวลาที่เขาอยู่ สเปน ก็มีสื่อเผยภาพว่าเขาเอาเวลาไปตีกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาโปรดอีกชนิดของเขา นั่นทำให้แฟนบอล มาดริด มองว่า เบล ไม่ได้แยแสสถานการณ์ของทีมที่กำลังย่ำแย่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้น เบล จึงต้องโดนโห่ในทุกๆ ที่ไม่ว่าจะตอนแข่งขัน หรือแม้กระทั่งตอนขับรถไปซ้อมก็ตาม

 7

ที่ร้ายที่สุดคือการที่ เบล ต่อปากต่อคำกับ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือฮีโร่ขวัญใจแฟนบอล ดังนั้นมันยิ่งง่ายขึ้นไปอีกที่จะทำให้แฟนบอลเลือกอยู่ฝั่งใคร ซีดาน เป็นพระเอกเสมอจากผลงานแชมป์ยุโรป 3 สมัยติดต่อกัน ขณะที่ เบล ก็กลายเป็นผู้ร้ายไปโดยปริยาย 

เรื่องของเรื่องมันคือการกลับมาเข้าคุมทีมรอบที่ 2 ของ ซีดาน ซึ่งตัวของเขานั้นมีแผนจะผ่าตัดทีมครั้งใหม่ในซัมเมอร์ปีนี้ โดย เบล เป็นนักเตะคนแรกๆ ที่อยู่ในลิสต์ซึ่งจะโดนขายออกไป 

“เบล ไม่ได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องเพราะเขากำลังจะย้ายออกไปแล้ว เราหวังให้เขาย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด มันคงจะดีสำหรับทุกๆ คน” ซีดาน กล่าวในช่วงอุ่นเครื่องที่ไม่ใช้งาน เบล 

ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันส่อเค้าลางมาตั้งแต่ฤดูกาลปกติแล้วว่า ซีดาน กับ เบล มีปัญหาขัดแย้งกัน โดยครั้งหนึ่ง ซีดาน เคยให้สัมภาษณ์ว่าเบลไม่ดีพอจะเป็นตัวจริง และแม้กระทั่งตัวสำรองของทีม

“ไม่มีใครเปลี่ยนสิ่งที่นักเตะเคยทำเพื่อสโมสร แต่เราต้องอยู่กับปัจจุบัน แม้ห้ามลืมอดีต ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ผมเลือกใช้งานนักเตะคนอื่นๆ และต่อให้เปลี่ยนตัวได้ 4 คน ผมก็ไม่ส่งเขาลงสนาม” ซีดาน กล่าวในเกมพ่าย เรอัล เบติส 0-2 ในปลายฤดูกาล 2018-19

ความจริงฝั่ง เบล

เบล รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะโดนขับออกจากทีม แต่ในมุมมองของเขาคือเขาไม่ได้รับความเคารพจาก ซีดาน ซึ่งเรื่องนี้ เบล นั้นยอมรับไม่ได้ โจนาธาน บาร์เน็ตต์ เอเย่นต์ของเบล เปิดเผยว่าเขาและนักเตะของเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะทาง ซีดาน และ มาดริด พยายามจะบีบให้เบลหมดทางเลือกและย้ายออกไปเสียเอง

 8

“ซีดาน ทำเรื่องที่น่าอับอายมาก เขาพูดจาไม่ให้เกียรติคนที่เคยสร้างคุณงามความดีกับ เรอัล เลยแม้แต่น้อย ถ้าสุดท้ายแล้ว แกเร็ธ ย้ายออกไป เขาจะออกก็เพราะเขาได้ตัวเลือกที่ต้องการจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่เพราะว่าถูก ซีดาน กดดันข่มขู่” เอเย่นต์ของ เบล แสดงจุดยืนในการแข็งข้อและปฎิบัติตามสัญญาที่ มาดริด เป็นคนยื่นให้กับ เบล เซ็นสัญญาเองในปี 2018  

ส่วนเรื่องการปรับตัวกับชีวิตในสเปน ที่ว่ากันว่า เบล พูดภาษาสแปนิช ไม่ได้นั้นดูเหมือนกับมันเป็นการแซวกันขำๆ มากกว่า เพราะเบลอยู่กับ มาดริด มาแล้วถึง 6 ปี และโดยธรรมชาติของมนุษย์ การได้เจอกับสิ่งเดิมๆ ทั้งการกระทำและการใช้ภาษาย่อมต้องทำให้ เบล ซึมซับอะไรเข้ามาบ้าง

เรื่องนี้ คริส โคลแมน อดีตกุนซือทีมชาติ เวลส์ ก็ช่วยแย้งว่ามันไม่ใช่ความจริง เพราะเขามีประสบการณ์ในการไปเยี่ยมหา เบล ที่กรุง มาดริด มาแล้ว และพบว่า เบล ไม่ได้แย่เหมือนที่สื่อหรือใครหลายคนพยายาม "ขยี้"

โคลแมน บอกว่า เบล พูดภาษาสแปนิชได้ในระดับที่คล่องแคล่ว นอกจากนี้เขายังมองว่าการที่ เบล ไม่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมทีมก็ไม่ใช่ความผิดของเขาแต่อย่างใด เพราะที่สุดแล้วมันคือไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ทุกคนมีนิสัยแตกต่างกัน เบล ไม่ชอบปรากฎตัวในที่แจ้งและเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง

 9

"ผมเห็นที่ จอห์น โตแชค (อดีตโค้ชทีมชาติเวลส์) ตำหนิ เบล ว่าไม่พูดสเปน ทั้งที่ไปอยู่ที่นั่นหลายปี และไม่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะให้มากพอที่มาดริด ผมมองว่ามันไม่ยุติธรรมที่เขาจะโดนโจมตีในลักษณะนี้” โคลแมน กล่าว 

“เขามีบุคลิกเฉพาะตัว และไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ตอนกลับมาบ้านที่เวลส์ เขาก็เล่นแต่กอล์ฟ และใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เขาไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบงการ ว่าต้องทำแบบนั้น ต้องทำแบบนี้ จนสูญเสียการเป็นตัวเอง หากเขาโดนบังคับจนไม่มีความสุข มันจะส่งผลร้ายไปยังฟอร์มในสนามด้วยมากกว่า ผมเองเคยไปหา แกเร็ธ ที่มาดริด เราอยู่ในร้านอาหาร เขาพูดสแปนิชได้คล่องมาก สั่งอาหาร และทักทายผู้คนในร้านแบบเป็นกันเอง" 

แม้พฤติกรรมของ เบล จะผิดวิสัยของชาวสเปนและชาวเมืองมาดริด ทว่าในความจริงแล้วหน้าที่ของนักฟุตบอลอาชีพคือสิ่งที่ เบล ทำมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บนข่าวคราวความขัดแย้งนอกสนามมากมาย แต่เมื่อได้ลองค้นหาข้อมูลหรือแหล่งข่าวที่อ้างอิงได้ว่า เบล ไม่มีความเป็นมืออาชีพ อย่างเช่น ขาดซ้อมไปตีกอล์ฟ, ไม่มีวินัย, และไม่ปฎิบัติตามสัญญา เรากลับพบว่าไม่มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้พูดถึงเรื่องนี้เลย

แม้กระทั่งข่าวที่บอกว่าเขาหนีซ้อมไปตี กอล์ฟ นั้น ซีดาน เองก็ยังเคยออกมาบอกว่า เบล สามารถทำสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ไม่มีการสั่งห้ามตีกอล์ฟแต่อย่างใด ซึ่งในทางเดียวกันตอนนั้น มาดริด ก็พยายามจะขาย เบล ให้ เจียงซู ซูหนิง จากจีนอยู่แล้วด้วย 

 10

“ผมหวังว่าเขาจะกำลังฝึกซ้อมไปด้วย ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ และกำลังคิดถึงเรื่องทีม เราจะรอดูเมื่อกลับไปถึงสเปน ผมไม่ได้ห้ามใครจากการทำอะไรก็ตาม” ซีดาน กล่าวตอนพาทีมเล่น ออดี้ คัพ ที่เยอรมัน 

ขณะที่ เซร์คิโอ รามอส ก็บอกว่าการเล่นกอล์ฟไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่แฟนบอลและสื่อโจมตี เบล นักฟุตบอลก็เหมือนคนทั่วไป ทุกคนมีกิจกรรมที่ตัวเองชอบทั้งสิ้น

"นั่นคือชีวิตส่วนตัวของ เบล จงเคารพเขาซะและเลิกพูดถึงมัน เราทุกคนมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ในเวลาว่างของเรา" กัปตันทีมกล่าว

เมื่อการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น

เบล ลงซ้อมกับทีม เรอัล มาดริด อย่างไม่ขาดตกบกพร่องก่อนเริ่มฤดูกาล 2019-20 และสุดท้ายโอกาสของเขาก็มาถึง เมื่อนักเตะเกมรุกพร้อมใจกันบาดเจ็บทำให้ ซีเนอดีน ซีดาน ต้องเลือกใช้งาน เบล ซึ่งตอนนี้เขาทำไปแล้ว 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์จาก 3 เกมที่ลงสนาม และเป็นนักเตะที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดในช่วงเปิดฤดูกาลนี้

 11

"ผมพอใจกับประตูของเขา และเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปพร้อมกับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น" ซีดาน อดชมเบลไม่ได้ในเกมที่เสมอกับ บียาร์เรอัล 2-2 

อย่างไรก็ตามเมื่อฟุตบอลคือกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีม บรรยากาศภายในและการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญ เบล อาจจะเป็นคนเก่งแต่บางครั้งคนเก่งก็เป็นปัญหาขององค์กรเหมือนกัน 

แน่นอนว่าความอึมครึมจากเหตุการณ์หลายเรื่องเมื่อครั้งอดีตจะยังไม่หายไปไหน เบล ยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แฟนๆ คิด และตอนนี้เขากำลังได้โอกาสนั้นและจะพิสูจน์มันด้วยผลงานในสนามมากกว่าคำพูด

และถ้าหาก เบล ยังยิงประตูได้ต่อเนื่อง รวมถึงนำทีมพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์สักรายการได้สำเร็จ ก็เชื่อเหลือเกินว่าแฟนๆ ของมาดริดจะไม่สนใจว่าเขาสามารถพูดภาษาสเปนได้ดีแค่ไหนแน่นอน 

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เก่งแต่...? : ชีวิตส่วนตัวของ "แกเรธ เบล" ที่ทำให้เขาไม่มีที่ยืน ณ มาดริด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook