แม่น้ำ 3สายเอ่อ จ่อจมซ้ำนราฯ

แม่น้ำ 3สายเอ่อ จ่อจมซ้ำนราฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อพยพคนหนีตาย ปิดรร.ไม่มีกำหนด

น้ำจมชายแดนใต้ นราธิวาส-ยะลา อ่วมหนัก แม่น้ำ 3 สายหลัก มีระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง เร่งอพยพชาวบ้านในเขตอันตราย โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด ส่วนรถไฟ 14 ขบวน ที่วิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องจากสถานีรถไฟต้นทางสุไหงโก-ลก ถึงนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีและหัวลำโพง ยังคงหยุดให้บริการ

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ระลอก 2 บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงมีฝนตกกระจายแพร่ปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ปริมาณระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และแม่น้ำสายบุรี มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร รวมทั้งสถานที่ราชการโรงเรียนวัดและมัสยิดเป็นวงกว้าง จำนวน 50 ตำบล 283 หมู่บ้าน มีราษฎรรับความเดือดร้อน 7,186 ครัวเรือน รวม 32,584 คน โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงในภาพรวมโดยเฉลี่ย 80-100 ซ.ม. โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมือง ระแงะ และแว้ง น้ำท่วมหนักสุด เจ้าหน้าที่อพยพชาวบ้านไปอาศัยอยู่ตามสถานที่ราชการเป็นการชั่วคราวแล้วเบื้องต้นจำนวน 162 ครัวเรือน รวม 211 คน

นอกจากนี้ ภาวะน้ำท่วมยังส่งผลต่อคอสะพาน กระแสน้ำเชี่ยวกรากได้พัดคอสะพานได้รับความเสียหาย 5 แห่ง จนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถที่จะวิ่งสัญจรไปมาได้ ส่วนสถานที่ราชการและโรงเรียน จำนวนกว่า 10 โรง ประกาศงดให้บริการและหยุดทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวในเบื้องต้น จำนวน 2 วัน หากภาวะน้ำท่วมลดลงจนคลี่คลายไประดับหนึ่ง จะเปิดให้บริการและทำการเรียนการสอนตามปกติ

ส่วนกรณีขบวนรถไฟ จำนวน 14 ขบวน ที่วิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องจากสถานีรถไฟต้นทางสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ ธานีและหัวลำโพง ยังคงหยุดให้บริการประชาชนเป็นวันที่สองติดต่อกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่แขวงการทางสถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ ยังซ่อมแซมดินกันทางของรางรถไฟที่บริเวณหลักกิโลเมตร 1095 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 1098 ของสถานีรถไฟสะโลตราแดะ ม.1 ต.เฉลิม อ.ระแงะ คิดเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร ที่ดินกันทางเลื่อนไหลไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากในช่วงเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะซ่อมแซม เกรงจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จในเวลา 1-2 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้บริการ

วันเดียวกัน ศูนย์อำนวยการป้องกันอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จ.นราธิวาส รายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ทางจังหวัดนราธิวาสประกาศให้พื้นที่ใน 4 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจากเหตุอุทกภัย คือ อ.เมือง อ.แว้ง อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ระแงะ ล่าสุด ทางจังหวัดจัดข้าวสารอาหารแห้งออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ในพื้นที่ 4 อำเภอ ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในระลอกที่ 2 โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน รวมถึงถนนและพืชสวนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยหลายพื้นที่ยังอยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งหากฝนตกลงมาอีกอาจจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น

ที่ จ.พัทลุง สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจ.พัทลุงเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ในอ.ตะโหมด อ.ควนขนุน อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ศรีบรรพต และ อ.ป่าพะยอม เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลดน้อยลง ในขณะพื้นที่ อ.บางแก้ว อ.เขาชัยสน อ.เมือง อ.ควนขนุน น้ำยังคงท่วมขังในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มและริมทะเลสาบสงขลา ส่วนชาวบ้านที่อพยพมาอาศัยบนถนนสายโคกยา-เขาชัยสน อ.เขาชัยสนนั้น ขณะนี้บางส่วนสามารถกลับเข้าบ้านได้แล้ว

วันเดียวกัน รถเทรนเลอร์ของกองทัพเรือ บรรทุกถุงยังชีพพระราชทานของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จำนวน 1,000 ชุด เพื่อนำมาแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.พัทลุง โดยมีกำลังทหารจากกองพันทหารช่าง 401, 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ทยอยลำเลียง เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ตะโหมด และ อ.กงหรา ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมมากอีกแห่งหนึ่ง

นายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.พัทลุง เรียกประชุมด่วนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน พร้อมกันนี้กำชับให้ทางอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจความเสียหาย และผู้ประสบภัยที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นเป็นการด่วน รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยย้ำการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ทั่วถึง

ส่วนที่ จ.สงขลา ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 2 ร่วมกับกองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จ.สงขลา นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง บริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งประกอบด้วย อ.เมืองสงขลา สิงหนคร สทิงพระ ระโนด และกระแสสินธุ์ พบว่าในหลายอำเภอริมทะเลสาบสงขลา น้ำได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนรวมทั้งพื้นที่นาข้าว โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ระโนด ถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยและเรือประมง ระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงนี้ และขอให้เฝ้าติดตามการรายงานพยากรณ์อากาศ จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกอย่างใกล้ชิด

ส่วนที่ จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี ที่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน และพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยจังหวัดยะลา สรุปภาพรวมสถานการณ์จนถึงวันที่ 4 ม.ค. ว่า มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 3 อำเภอ 23 ตำบล 90 หมู่บ้าน มีราษฎรรับความเดือดร้อนแล้ว 18,939 คน 4,833 ครัวเรือน มีพื้นที่การเกษตรเสียหายจำนวน 1,750 ไร่ สะพานเสียหาย 2 แห่ง ถนน 40 สาย และโรงเรียนเสียหาย 1 แห่ง

นายเวโรจน์ สายทองแท้ หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยะลา เปิดเผยว่า สภาพน้ำท่วมของยะลาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมร้อยละ 23 ของหมู่บ้านทั้งหมด มีราษฎรเดือดร้อนจำนวนมาก รวมทั้งความเสียหายด้านต่างๆ ทางจังหวัดมอบหมายให้ทางท่านนายอำเภอของแต่ละอำเภอดูแลประชาชนในเบื้องต้น นอกจากนั้น นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา อนุมัติเงินฉุกเฉินให้กับนายอำเภอในวงเงิน 1 ล้านบาท ที่จะสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที

ด้านนายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลาเขต 1 เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.ยะลา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.รามัน ที่มีผลกระทบต่อโรงเรียนในพื้นที่จำนวนหลายแห่ง จากการตรวจสอบพบว่า มีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลาเขต 1 ถูกน้ำท่วมขังจนไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนจำนวน 7 โรง ได้แก่ ร.ร.บ้านสะโต ร.ร.บ้านกาเม็ง ร.ร.บ้านปาดาฮัน ร.ร.บ้านพรุ ร.ร.บ้านเกะรอ ร.ร.บ้านจาลังตาดง และ ร.ร.บ้านตาโล๊ะสะดา ส่วนพื้นที่ อ.เมือง มีโรงเรียนถูกน้ำท่วมขัง 1 แห่ง คือ ร.ร.บ้านทุ่งเหรียง รวมทั้งสิ้น 8 โรงในพื้นที่ ที่ถูกน้ำท่วมขัง และไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนในวันนี้ได้ ส่วนจะสามารถเปิดเรียนได้เมื่อไหร่นั้นคงจะต้องรอดูสถานการณ์น้ำท่วมอีกครั้ง

(กรอบบ่าย)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook