ปลาโบราณชนิดนี้ ปรากฏบน "เครื่องสังคโลก" แหล่งโปรตีนเลิศรส ตั้งแต่สมัยสุโขทัย
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/ns/0/ud/1972/9864802/new-thumbnail1200x720_v2-20.jpgปลาโบราณชนิดนี้ ปรากฏบน "เครื่องสังคโลก" แหล่งโปรตีนเลิศรส ตั้งแต่สมัยสุโขทัย

ปลาโบราณชนิดนี้ ปรากฏบน "เครื่องสังคโลก" แหล่งโปรตีนเลิศรส ตั้งแต่สมัยสุโขทัย

แชร์เรื่องนี้

"ปลากา" ถูกวาดบนเครื่องสังคโลก สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีการกินอยู่สมัยสุโขทัย

ปลาเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงพบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ยังเป็นอาหารสำคัญที่หล่อเลี้ยงผู้คนในทุกยุคทุกสมัย ในสมัยสุโขทัย หลักฐานทางโบราณคดีและนิเวศวัตถุจำนวนมากสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “ปลา” คือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในอาณาจักรแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกตุ้มถ่วงแห กระดูกปลาชนิดต่าง ๆ หรือเครื่องมือจับปลา สิ่งเหล่านี้ล้วนยืนยันบทบาทของปลาในฐานะแหล่งอาหารหลักของชุมชนสุโขทัย

สัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์บนถ้วยชามสังคโลก

ความสำคัญของปลายังปรากฏอยู่ในวรรณกรรมและความเชื่อของคนสมัยนั้นอย่างเด่นชัด ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือข้อความจากศิลาจารึกหลักที่ 1 หรือศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่กล่าวว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง และกลายเป็นสุภาษิตที่คนไทยใช้สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน 

ในด้านศิลปกรรม ปลาปรากฏอยู่ในงานตกแต่งศาสนสถาน เช่น ลวดลายปูนปั้นปลาที่โผล่ออกจากปากมกร สัตว์สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงลวดลายปลาบน “เครื่องสังคโลก” เครื่องปั้นดินเผาสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย นักวิชาการสันนิษฐานว่าปลาที่ปรากฏบนเครื่องสังคโลกเหล่านี้คือ “ปลากา” ปลาพื้นถิ่นที่พบในแม่น้ำยม และยังพบภาพปลาร่วมอยู่ในภาพสลักหินชนวนสมัยสุโขทัยที่วัดศรีชุมอีกด้วย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก : Sawanvoranayok National Museum

รู้จัก "ปลากา" ยอดปลาเนื้อดีจากลำน้ำธรรมชาติ

ปลากา หรือ ปลากาดำ เป็นปลาน้ำจืดตระกูลเดียวกับปลาตะเพียน มีลักษณะเด่นคือเกล็ดขนาดใหญ่สีม่วงเข้มจนเกือบดำคล้ายสีของขนนกกา ลำตัวเรียวยาว ครีบหลังสูง และมีริมฝีปากเป็นหยักสำหรับแทะเล็มอาหารตามโขดหิน พบได้ในแหล่งน้ำจืดทั่วประเทศไทย

โครงการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในท้องที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรีปลากาดำ

นอกจากรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ปลากายังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น โดยทางภาคเหนือจะนิยมเรียกว่า ปลาเพี้ย ส่วนทางภาคอีสานมักเรียกว่า ปลาอีตู๋ หรือ ปลาอีก่ำ ซึ่งไม่ว่าจะเรียกชื่อใด ปลาก็ยังคงเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการนำมาปรุงอาหารจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

เมนูเด็ดรสล้ำและคุณค่าทางโภชนาการสูง

ในแง่ของรสชาติ ปลากาขึ้นชื่อเรื่องเนื้อที่แน่น นุ่ม และมีสีเหลืองอ่อนชวนรับประทาน เมนูยอดสมัยโบราณที่สืบทอดมาถึงตอนนี้คือ ลาบปลา และการนำเนื้อมาทำ น้ำยาขนมจีน ที่ให้รสสัมผัสเข้มข้น

ด้านโภชนาการ ปลากาเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยง่าย อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นและโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงร่างกาย อีกทั้งยังมีไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยในระบบเผาผลาญและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด ถือเป็นอาหารสุขภาพที่คนโบราณคัดสรรมาอย่างดี