Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060//s.isanook.com/ns/0/ud/1972/9861266/ntf.jpg
"ไฝบนอวัยวะเพศ" หมอเตือนอย่ามองข้าม เผยวิธีสังเกตและการดูแล
ไฝบนอวัยวะเพศ หรือจุดสีคล้ำที่ปรากฏบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ อาจมีสาเหตุหลากหลาย ตั้งแต่ไฝธรรมดาจนถึงภาวะก่อนมะเร็งหรือมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา
หากสังเกตความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะการตรวจเจอตั้งแต่ระยะแรกเพิ่มโอกาสรักษาหายได้มากขึ้น
สาเหตุที่พบบ่อย
จุดสีคล้ำบริเวณอวัยวะเพศอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ไฝหรือปานธรรมดา (nevus)
- เนโวเมลาโนไซต์ (melanocytic nevus) — บางชนิดอาจมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็ง
- ภาวะก่อนมะเร็ง เช่น โรคผิวหนังแบบโบเวน (Bowen’s disease)
- หูดจากเชื้อ HPV, การเสียดสี หรือการอักเสบของรูขุมขน
แม้ไฝบนอวัยวะเพศส่วนใหญ่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ตำแหน่งดังกล่าวทำให้การสังเกตด้วยตาเปล่าเป็นเรื่องยาก จึงต้องให้แพทย์ประเมินเพื่อแยกแยะความเสี่ยงและวางแผนการตรวจเพิ่มเติมหากจำเป็น

สัญญาณที่ควรรีบพบแพทย์
แพทย์มักแนะนำให้ใช้แนวทางใกล้เคียงกับหลัก ABCDE / Evolving สำหรับสังเกตไฝ ดังนี้
- A — รูปร่าง (Asymmetry) : ไฝที่เดิมสมมาตรเปลี่ยนเป็นไม่สมมาตร
- B — ขอบ (Border) : ขอบไฝไม่เรียบ เบลอ หรือขรุขระ
- C — สี (Color) : มีหลายสีหรือสีผิดปกติในเม็ดเดียว
- D — ขนาด (Diameter) : โตขึ้นหรือเกินประมาณ 6 มิลลิเมตร หรือขยายเร็วผิดปกติ
- E — การเปลี่ยนแปลง (Evolving) : มีอาการคัน เจ็บ เลือดออก หรือแผลที่ไม่หาย
หากไฝหรือจุดสีคล้ำตรงอวัยวะเพศมีลักษณะตามข้างต้น หรือรู้สึกผิดปกติจากเดิม ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง สูตินรีแพทย์ (กรณีผู้หญิง) หรือแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะทันที

การตรวจและการรักษา
การวินิจฉัยเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย แพทย์อาจใช้เครื่องมือ dermoscopy เพื่อตรวจลักษณะไฝอย่างละเอียด และถ้าสงสัยจะมีการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อตรวจทางพยาธิวิทยาอย่างแน่นอน
หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น รอยโรคมักรักษาได้ด้วยการจี้ด้วยเลเซอร์หรือการผ่าตัดเอารอยโรคออก และติดตามผลเป็นระยะ แต่หากปล่อยให้ลุกลาม อาจต้องรับการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การผ่าตัดขนาดใหญ่ รังสีรักษา หรือการรักษาแบบระบบ ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิต
คำแนะนำ
- อย่าปล่อยให้ความอายเป็นอุปสรรค หากสังเกตไฝบนอวัยวะเพศที่เปลี่ยนไป ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
- สังเกตตัวเองเป็นประจำ หากพบจุดใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงให้ถ่ายรูปเก็บไว้เทียบเป็นระยะ
- ผู้หญิงที่มีจุดบริเวณแคม หรือผิวรอบ ๆ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังเช่นกัน
สรุป: ไฝบนอวัยวะเพศ ไม่ได้แปลว่าเป็นมะเร็งเสมอไป แต่การสังเกตการเปลี่ยนแปลงและการตรวจเร็วมีความสำคัญ หากสงสัยต้องพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
แชร์เรื่องนี้