เสื้อแดงตามป่วนปชป. ปาไข่หยัด ขู่มาร์คมาอุบลเจอแน่

เสื้อแดงตามป่วนปชป. ปาไข่หยัด ขู่มาร์คมาอุบลเจอแน่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ลพบุรีตีนตบชวน ลำปางล้อมวิฑูรย์ เทือกงง-บี้ยศแม้ว

เทือกงงตร.เสนอถอดยศแม้ว ยอมรับทำให้การเจรจากับอดีตนายกฯ ลำบากขึ้นเหลิมซัดกลั่นแกล้งด้วยอารมณ์ ทักษิณออกจากราชการ 20 ปีแล้วจะตามราวีทำไม ทีชลอ เกิดเทศติดคุก 14 ปีไม่เห็นสนใจ นพดลยกคำโบราณคนล้มอย่าข้าม สากจองยื่นกระทู้ถามนายกฯ ทันทีที่เปิดสภา 21 ม.ค. ถึงคิวบัญญัติเจอปาไข่ที่ปทุมธานี ตร.ลพบุรี อารักขาชวนยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่โดนตีนตบไล่ตลอดทาง วิฑูรย์ลับลวงพรางหนีกว่าจะเข้าลำปางได้ ม็อบเสื้อแดงอุบลฯ แจ้งจับวิฑูรย์กล่าวหาล้อมร.พ.ที่รักษายายเนียม ชูวิทย์กุ่ยเตือนมาร์คมาอุบลฯ เจอแน่ยิ่ง กว่าปาไข่ปาอึ จวกพูดถึงยายเนียมทุกวันจนสิ้นลมเร็วขึ้น หนั่น-สุวัจน์ลุ้นเลือกตั้งซ่อมส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล ต้นก.พ.จัดทำบุญใหญ่ทั่วประเทศล้างเคราะห์กรรม เพื่อไทยฟุ้ง

โพลล่าสุดแซมทิ้งห่างทั้งสุขุมพันธุ์-ปลื้ม ได้ เป็นผู้ว่าฯ กทม.แน่ กกต.เตือนป่วนเลือกตั้งมีโทษทางอาญา คาดรู้ผลเลือกซ่อม 3 ทุ่ม ส่วนผู้ว่าฯ กทม. 4 ทุ่ม ไม่ห้ามทำโพลแต่ห้ามเผยแพร่ก่อนปิดหีบ โฆษกรัฐบาลเขมรแถลงฮุนเซนอาจไม่มาประชุมอาเซียน อ้างไม่มีวาระถก 3 ประเทศคู่เจรจาอย่างจีน เกาหลี ญี่ปุ่นแล้วจะมาทำไม หนุนย้ายไปจัดที่อินโดฯ ดีกว่า

มาร์คแก้ศก.ควบการเมือง

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 9 ม.ค. ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษเรื่องเศรษฐกิจกับการเมืองไทย ให้กับหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.รุ่นที่ 13) โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจและการเมืองมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ถ้าปัญหาการเมืองยังไม่สามารถคลี่คลายได้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งถ้าหากมีเหตุวุ่นวายทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจย่อมได้รับผลกระทบโดยปริยาย ในทางกลับกันถ้าเศรษฐกิจเกิดการ ถดถอยอย่างรุนแรง จะมีผลทำให้การบริหารงานทาง การเมืองยากขึ้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการแก้ปัญหาทางการเมืองว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองยังมีต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ตนจะพยายามขีดวงจำกัดในเรื่องความขัดแย้งและความแตกต่างทางการเมือง ต้องไม่ลากเอาองค์กรหรือสถาบันอื่นๆ เข้าไปอยู่ในวังวนความขัดแย้งทาง การเมือง ต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนกระบวนการยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งหลักของประชาชน จะต้องได้รับการยอมรับ ความเชื่อถือในความเป็นกลาง ตนยังเชื่อว่าความยุติธรรมคือหัวใจของการนำความสมานฉันท์ ความปรองดองที่จะกลับคืนมาสู่สังคม

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการปฏิรูปทางการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับหลายฝ่ายเพื่อให้ได้ตัวบุคคลหรือกลไกเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมากที่สุด เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลจะเน้นให้ความยุติธรรมในเรื่องคดีความต่างๆ ซึ่งมีเยอะมาก จุดยืนของรัฐบาลคือทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือละเว้น ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสร้างความยุติธรรมขึ้นได้

ให้ความยุติธรรมทุกคนไม่แบ่งฝ่าย

นายกฯ กล่าวว่า ความผิดหรือเหตุการณ์ที่วุ่นวายช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบริบทหรือมูลเหตุทางการเมือง ฉะนั้นการพิจารณาเรื่องเหล่านี้ต้องมีความละเอียดอ่อน เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ได้คุยกับฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะตำรวจ ชัดเจนว่าหลักที่ควรทำก่อนคือการแยกลักษณะความผิด เช่น การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลแล้วมีปัญหาเรื่องสถานที่ มีการขึ้นเวทีปราศรัยด่าทอหมิ่นประมาทคนในรัฐบาล เรื่องแบบนี้ตนให้นโยบายว่าให้ใช้ความอดทนให้ใช้สิทธิเสรีภาพกันไป แต่ถ้ามีกรณีขว้างไข่ ทุ่มหิน ทำร้ายร่างกายคน ถือว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง จะอ้างการเมืองไม่ได้ ใครทำร้ายร่าง กายผู้อื่นถือเป็นความผิดชัดเจน ตนให้นโยบายว่ากรณีอย่างนี้ต้องดำเนินการโดยเร็วและเด็ดขาด ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตต้องเดินหน้าดำเนินการโดยเด็ดขาด ถือเป็นความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจจะช่วยคือเราจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของกระ บวนการยุติธรรม แต่จะมีกลุ่มบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยสรุปให้เห็นภาพรวมของปัญหาที่เป็นมูลเหตุของความผิด

รัฐบาลจะให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่แบ่งฝักฝ่าย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนใส่เสื้อสีอะไร ผมถือว่ารัฐบาลมีหน้าที่ทำงานให้กับทุกคน เป็นกระบวนสร้างเสถียร ภาพทางการเมืองและทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ดังนั้นไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ผมบอกได้เลยว่าเป็นงานยาก ต้องอาศัยความแน่วแน่และทุ่มเท อาศัยการทำงานหนักและการสื่อสารที่ดีเพื่อสร้างความเข้าใจ อีกทั้งไม่มีทางสำเร็จหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลต้องปฏิบัติตนให้เป็นที่เชื่อมั่นและเชื่อถือให้ได้รับความร่วมมือ เพราะปัญหามันสะสมมานานและมาก โดยเฉพาะปัญหาทางสังคมที่เรื้อรังหมัก หมมมานาน ต้องเร่งรัดทำในทุกเรื่อง นายอภิสิทธิ์กล่าว

ตร.ถามเจอ 7 ต.ค.ทำตัวไม่ถูก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการบรรยายได้เปิดให้ผู้เข้ารับการอบรมซักถาม พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า ชื่นชมในนโยบายบริหารประเทศว่าจะไม่ดึงองค์กรต่างๆเข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมือง แต่ข้าราชการโดยเฉพาะตำรวจตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง กรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 ไม่มีตำรวจคนใดอยากทำร้ายประชาชน แต่ด้วยความจำเป็นและหน้าที่ก็ต้องทำ สุดท้ายมีตำรวจไม่น้อยกว่า 20 นายตกเป็นเหยื่อถูกคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีเช่นนี้ถ้าอนาคตเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ตำรวจควรต้องทำอย่างไร เพราะความรู้สึกของตำรวจคือไม่มีใครกล้าทำงาน

นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาในการแถลงนโยบาย รัฐบาลตั้งใจให้ตำรวจเปิดทางเพื่อเข้าสู่สภาให้ได้ แต่เพื่อไม่ให้ดึงตำรวจเข้าสู่ความขัดแย้ง เราบอกว่าตำรวจลองใช้เฉพาะโล่และพลังของกำลังพล แต่เมื่อไม่สำเร็จประธานสภาก็ย้ายที่ประชุม เป็นตัวอย่างของวิธีการที่รัฐบาลบริหารคือไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าการสลายการชุมนุมจะไม่ทำเลย ต้องมี อย่างเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ปัญหาคือขั้นตอนการดำเนินการขาดความชัดเจน จนมีการร้องเรียนไปที่ป.ป.ช.และกรรมการสิทธิมนุษยชน ถึงการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมนั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบผลสอบ ยกเว้นกรรมการสิทธิฯ ที่ชี้เบื้องต้นมาแต่ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการ

นายกฯ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. มีบางเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด คือเมื่อช่วงเช้ามีคนบาดเจ็บ ขาขาด แต่ไม่มีใครเสียชีวิต ซึ่งสังคมยอมรับได้ยากคือเมื่อเกิดเหตุนี้ขึ้นกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือนโยบายการปฏิบัติในช่วงบ่าย ช่วงเย็น ทำให้ทุกอย่างบานปลาย จนเกิดความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น เชื่อว่าถ้าฝ่ายนโยบายมีหลักคิดที่ต้องการปกป้องรักษาทั้งชีวิตของประชาชนและความถูกต้อง รวมถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ มีความตื่นตัว ไม่ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย คนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อ นายอภิสิทธิ์กล่าว

ไม่ทำให้ซ้ำรอยเหมือนในอดีต

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ถึงการดำเนินคดีกับผู้ก่อความไม่สงบหรือมีคดีความต่างๆ ช่วงที่ผ่านมาว่า ให้หลักการทำงานว่าให้แยกคดีทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์ออกมาดำเนินคดีอย่างจริงจัง ดำเนินการกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ทำเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนชี้ให้ตำรวจเห็นว่ามีการทำร้ายร่างกายจากกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดงด้วย แต่ถ้าความผิดใดเกี่ยวเนื่องกับการเมือง ต้องมาไล่ดูด้วยความเข้าใจของสภาพแวดล้อมของปัญหาก่อนตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงตำรวจบอกตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 แล้วประชาชนที่สูญเสียจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกัน แต่ประชาชนสูญเสียแน่นอน ตนเชื่อว่าป.ป.ช. ที่สอบสวนเหตุการณ์ 7 ต.ค.จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าชี้ว่าผิดก็คือผิด เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ตำรวจมีค่านิยมที่ไม่ทำตามคำสั่งนายแต่เพียงอย่างเดียว นายกฯ กล่าวว่า ตนทำได้คือรัฐบาลนี้จะดำเนินนโยบายโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนในอดีต และได้พิสูจน์มาแล้วจากการล้อมรัฐสภา ทั้งนี้เราคงไม่กดดันให้ตำรวจทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าเจ้าหน้าที่คนใดไม่ดำเนินการตามนโยบายก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนแนวคิดของตำรวจต้องค่อยๆ ปรับ เริ่มจากฝ่ายที่เป็นผู้นำและฝ่ายนโยบายก่อน ซึ่งรัฐบาลกำลังทำอยู่

ไปช่วยหาเสียงปากน้ำไร้เสื้อแดงป่วน

ก่อนหน้านั้นเวลา 06.20 น.ที่ จ.สมุทรปราการ นายอภิสิทธิ์ไปช่วยน.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 สมุทรปราการ พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง โดยออกเดินพบพ่อค้า แม่ค้า ภายในตลาดตำหรุ ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งการมาช่วยลูกพรรคหาเสียงวันนี้ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มนปช. กลุ่มปากน้ำมาขับไล่

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการหลบไปหาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ ว่า ไม่ได้ไปเงียบๆ แต่ต้องดูว่าไปช่วงไหนได้ เพราะตนใช้เวลาราชการไม่ได้ ต้องใช้เวลาช่วงเช้ามืดหรือหลังเลิกงานไปช่วยหาเสียง ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากับม็อบเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงไม่ได้มีปัญหา เพราะเมื่อลงพื้นที่ได้พบประชาชนตามเป้าหมายและตนเห็นสื่อมาทำข่าวเช่นกัน เมื่อถามถึง นปช.จะเปิดทีวีผ่านดาวเทียม นายกฯ กล่าวว่า ถ้าไม่ขัดกฎหมายก็ทำได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจสมุทรปราการเตรียมกำลังชุดปราบจลาจลไว้ 1 กองร้อย เพื่อเตรียมพร้อมควบคุมสถานการณ์หากมีกลุ่มมาขับไล่ หรือก่อกวนนายกฯ ขณะช่วยลูกพรรคหาเสียง ทั้งนี้ นายกฯ มีกำหนดมาช่วยผู้สมัครส.ส.เขต 1 สมุทรปราการ ตั้งแต่ 2 วันที่แล้ว แต่เกรงว่าหากลงพื้นที่จะถูกม็อบเสื้อแดงตามมาป่วน จึงเลือกมาหาเสียงช่วงเช้าของวันนี้แทน โดยปกปิดกำหนดการเป็นความลับและไม่มีการแจ้งให้สื่อมวลชนทราบเหมือนการหาเสียงครั้งที่ผ่านมา

เทือกแปลกใจตร.ชงถอดยศแม้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีกองวินัย สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ เสนอให้ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากต้องคำพิพากษาให้จำคุกว่า แปลกใจมาก ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งทราบประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 8 ม.ค. ผู้สื่อข่าวโทร.มาถามความเห็น วันที่ 8 ม.ค. ตนประชุมร่วมกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. แต่ผบ.ตร. ไม่ได้เล่าให้ฟัง ตั้งใจว่าวันนี้จะสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ทราบว่าเป็นตำรวจระดับไหนที่ทำอยู่ ขอตรวจสอบก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นแล้วการเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณจะยากขึ้น นายสุเทพยอมรับว่า คงมีปัญหากับผมบ้างในการไปเจรจา ถ้าหากมีการเจรจา แต่ขณะนี้คุณทักษิณยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะเจรจากันหรือไม่ เมื่อถามว่ามองว่าเรื่องนี้กระทำรุนแรงเกินไปหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ารุนแรงหรือไม่ เพราะเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ไปผลักดันหรือบอกให้ดำเนินการ และไม่ใช่งานระดับนโยบาย นายกฯ ไม่เคยมีนโยบายให้ไปดำเนินการกับใคร ในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ส่วนตนไม่มีเรื่องโกรธเคืองพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว หากดำเนินการอะไรตามกฎเกณฑ์กติกาของตำรวจ ต้องไปดูว่าการดำเนินการนั้นถูกต้องชอบธรรมหรือไม่

ยอมรับทำให้การเจรจาลำบากขึ้น

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะยิ่งไปเพิ่มความเห็นใจให้กับกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณและทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลยังจะเดินแนวทางสมานฉันท์ต่อไป แต่เรื่องที่ต้องเกิดขึ้นตามกฎหมายหรือระเบียบก็ต้องว่ากันไป เช่น กรณี พ.ต.ท. ทักษิณต้องคำพิพากษาของศาล ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องที่ต้องพูดคุยเจรจากันเป็นเรื่องของวันข้างหน้า

เรื่องที่คุณทักษิณคิดว่าถูกกระทำ ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาลนี้ นายกฯ หรือการกระทำของผม เพราะผมไม่ได้ทำอะไร แม้รัฐบาลเป็นผู้คุมกลไกรัฐ แต่ต้องคุมด้วยความถูกต้องชอบธรรม รองนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบพ.ต.ท. ทักษิณ รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าคนที่มองอย่างนั้นเป็นคนที่ตนรู้จัก จะไปกราบเรียนว่ามองผิด ตนไม่มีเจตนาบีบคั้นพ.ต.ท.ทักษิณเรื่องอะไรทั้งสิ้น มีแต่ไมตรีที่จะไปพูดคุยกัน เมื่อถามว่าจะสั่งตำรวจระงับเรื่องนี้ไว้ก่อนหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าที่ทำถูกต้องตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ จะผลีผลามสั่งระงับก่อนคงไม่ได้ ถ้าทำถูกต้อง คงสั่งระงับไม่ได้ แต่ยอมรับว่าจะทำให้การเจรจาทำได้ลำบากขึ้น

ผบ.ตร.ชี้ละเอียดอ่อนต้องรอบคอบ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาทุกแง่ทุกมุมให้เกิดความชัดเจน ต้องดูเจตนาของระเบียบ รวมถึงพิจารณาว่ารายละเอียดของระเบียบดังกล่าวเขียนไว้ว่าอย่างไร ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาอย่างรอบ คอบมากที่สุด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทเลี่ยงตอบคำถามนี้

ผบ.ตร.กล่าวถึงมาตรการดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้งซ่อมส.ส.วันที่ 11 ม.ค.ว่า ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในการเลือกตั้งเป็นหลัก โดยวางกำลังไว้ประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย หน่วยละ 2 นาย สำหรับการแข่งขันที่คาดกันว่าจะรุนแรงเนื่องจากฝ่ายค้านกับพรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวน ส.ส.ใกล้เคียงกันนั้น เท่าที่ตรวจสอบทุกจังหวัดไม่น่าจะรุนแรง เป็นการเลือกตั้งปกติ อย่างไรก็ตามที่เป็นห่วงบ้างคือจังหวัดภาคอีสานซึ่งมอบหมายพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ทำหน้าที่รองผบ.ตร.มก.1 ไปดูแล ขณะที่ตนจะดูแลพื้นที่ภาคกลางเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามถึงการป้องกันเหตุก่อกวนการเลือกตั้ง เช่น ปาไข่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า เรื่องนี้ ผบก.ภ. จังหวัด ในฐานะผู้รับผิดชอบ จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการกับฝ่ายไหน อย่างไร ขณะที่จ.บุรีรัมย์ที่เกิดความขัดแย้ง เข้าใจว่าคนเหล่านี้เคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อน เมื่อเกิดความไม่พอใจ จึงกระทบกระทั่งกันขึ้น ตำรวจต้องดำเนินคดี ซึ่งตนกำชับผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ไปแล้วว่าให้พยายามแยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน ตำรวจจะยึดแนวทางการเจรจาเป็นหลัก แต่หากกระทำผิดกฎ หมายต้องดำเนินคดี

นพดลป้องนายคนล้มอย่าข้าม

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อยากถามพล.ต.อ.พัชรวาทและตำรวจว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะถอดยศพ.ต.ท. ทักษิณขณะนี้หรือไม่ เพราะเวลานี้บ้านเมืองและประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนมาก แต่ตำรวจกลับมีข้อเสนอเช่นนี้ออกมา ทั้งที่ควรเอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชนมากกว่า การเสนอเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าต้องการไล่บดขยี้พ.ต.ท.ทักษิณให้หมดหนทางต่อสู้ ซึ่งไม่เหมาะสม เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเป็นถึงอดีตนายกฯ ทำคุณประโยชน์มากมายให้บ้านเมือง จึงไม่ควรปฏิบัติลักษณะนี้ แต่ในทางกฎหมาย ไม่ทราบว่าระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้หรือไม่

การกระทำของตำรวจและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองขณะนี้ ผมขอฝากคำโบราณว่าไว้ว่า คนล้มอย่าข้าม เพราะการถอดยศตำรวจของพ.ต.ท.ทักษิณ มีความยุติธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าตำรวจที่ได้กระทำความผิดต้องติดคุกขณะนี้ จะดำเนินการถอดยศเช่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายนพดล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณทุ่ม 50 ล้านบาทตั้งทีวีดาวเทียม ดีทีวี ว่า ขณะนี้มีความพยายามทำให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ร้าย ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินหรือทราบว่ามีการทุ่มเงินเพื่อตั้งสถานีดาวเทียมดังกล่าว การก่อตั้งทีวีดาวเทียมดังกล่าวน่าจะมีผู้สนับสนุนจำนวนมากที่เคยเป็นผู้สนับสนุนรายการความจริงวันนี้ เมื่อรัฐบาลชุดนี้กีดกันไม่ให้ออกอากาศประชาชนจึงผลักดันให้ทีวีช่องนี้เกิดขึ้นได้

แม้วฝากสวัสดีปีใหม่คนไทย

ส่วนนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยถึงการตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องใหม่ดีทีวีว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังดีทีวี แต่ยอมรับว่าได้รับทาบทามจากแกนนำนปช.ให้ตนเป็นพิธีกร โดยรูปแบบคงไม่เหมือนกับเอเอสทีวี อย่างไรก็ตามอยากบอกว่าไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ รูปแบบรายการยังไม่ชัดเจน ต้องหารือกันอีกครั้งก่อน

นายพงศ์เทพกล่าวถึงเรื่องการถอดยศว่า หากเรื่องเสนอถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณที่เกิดขึ้นเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของตำรวจ และบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันว่า หากใครทำผิดลักษณะเช่นนี้ ต้องถูกถอดยศทุกคน ถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณยอมรับได้ แต่ปัญหาคือระเบียบของตำรวจเรื่องนี้มีการบังคับใช้อย่างเสมอภาคหรือไม่ ที่ผ่านมาไม่เห็นเคยมีข่าวการถอดยศตำรวจ ทั้งที่บางคนกระทำผิดร้ายแรงกว่าพ.ต.ท.ทักษิณอีก ซึ่งเป็นคำถามคาใจ หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นประเด็นการเมือง เพราะขณะนี้มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องทำมาก โดยเฉพาะการเอาผิดกับเหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิที่สร้างผลกระทบกับประชาชนมากมาย แต่คดีเหล่านี้ไม่มีความคืบหน้าเลย

โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณฝากให้ตนสวัสดีปีใหม่คนไทยทั้งประเทศด้วย สำหรับการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ใช่เพื่อเป็นตัวแทนพ.ต.ท. ทักษิณ เพราะนายพานทองแท้โตแล้วคิดเองได้

เหลิมย้ำใช้อารมณ์กลั่นแกล้ง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เคยรับราชการตำรวจมาก่อนและรู้กฎหมายดี เห็นว่าการขอถอดยศพ.ต.ท. ทักษิณตามกฎระเบียบสามารถกระทำได้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีมาก่อน เพราะจะกระทำกับตำรวจที่รับราชการอยู่ เป็นเรื่องทุจริตและประพฤติชั่วร้ายแรงเท่านั้น กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณออกจากราชการมากว่า 20-30 ปีแล้ว ที่สำคัญคำสั่งของศาลฎีกาฯ คดีที่ดินรัชดาฯ นั้น คำสั่งศาล 5 เสียงบอกว่าผิด 4 เสียงบอกว่าไม่ผิด ตนได้อ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียด คดีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องทุจริต ดังนั้น จึงไม่เข้าข่าย นอกจากนี้การขอถอดยศจะทำได้ก็ต้องเกิดจากบุคคลนั้นอยู่ในเรือนจำ หากรัฐบาลจะกระทำจริงถือเป็นการเลือกปฏิบัติและมีอคติ เพราะกรณีของพล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และตำรวจคนอื่นๆ ซึ่งถูกจำคุกในเรือนจำนานถึง 14 ปี แต่ยังไม่เคยมีใครเสนอถอดยศ

จึงเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการใช้อารมณ์กลั่นแกล้ง และตำรวจตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจะสร้างความแตกแยกในบ้าน เมืองได้ เพราะประชาชนที่มีใจเป็นธรรมไม่เห็นด้วย จะรู้สึกไม่ชอบรัฐบาลได้ จึงอยากย้อนถามรัฐบาลที่พูดอยู่เสมอว่าจะสร้างความสมานฉันท์จริงหรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าว

เด็กเนวินก็ไม่เห็นด้วยถอดยศ

นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณบริหารประเทศ ได้สร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองไม่น้อย คิดว่ารัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใดๆ เพราะรัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าจะใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติ คิดว่าอะไรที่ทำแล้วจะเกิดปัญหาตามมารัฐบาลควรหลีกเลี่ยง

นายศุภชัยกล่าวถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณสนับสนุนการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมให้กับนปช.ว่า นปช.ตั้งสถานีมาเพื่อตอบโต้กับเอเอสทีวี เป็นสิทธิทำได้ เพราะเอเอสทีวียังออกอากาศโจมตีคนเสื้อแดง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยอยู่ทุกวัน นปช.คงจำเป็นต้องมีกระบอกเสียงไว้ชี้แจงประเด็นต่างๆเช่นกัน ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือทุกฝ่ายควรหยุดวิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์อาจรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

นายศุภชัยกล่าวถึงความชัดเจนการเข้าสังกัดพรรคของกลุ่มว่า ขณะนี้ส.ส.ในกลุ่มสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว สำหรับหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ส.ส.ส่วนใหญ่สนับสนุนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เพราะผ่านการทำงานมาอย่างหลากหลาย ทั้งรองนายกฯ รมต. จึงเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว

สากจองยื่นกระทู้ถามทันที

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนจะยื่นกระทู้ถามด่วนถามต่อนายกฯ ในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไปวันที่ 21 ม.ค.นี้ กรณีเสนอถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีที่ดินรัชดาฯ โดยถาม 3 ประเด็นคือ 1.นายกฯ เคยอ่านคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ คดีดังกล่าวหรือไม่ 2.รัฐบาลมีส่วนรู้เห็นกับการออกข่าวของหน่วยงานรัฐทำนองว่า อดีตนายกฯ มีความผิดคดีทุจริตซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นการกล่าวที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวปรากฏชัดเจนในหน้า 37 ว่า อดีตนายกฯ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 142 และมาตรา 157 ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีส่วนรู้เห็นย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักความยุติธรรมที่รัฐบาลหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในคำแถลงนโยบาย และ 3.รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร หากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนที่ยังรักและศรัทธาต่อผลงานอดีตนายกฯ ออกมาประท้วงหรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของสตช.

ถึงคิวบัญญัติเจอปาไข่ที่ปทุมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปทุมธานี ว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สมาชิกสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค และคณะ มาช่วยนายอภินันท์ ช่วยบำรุง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงใน อ.เมือง อ.สามโคก และ อ.คลองหลวง โดยมีตำรวจคอยดูแลจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนรถหาเสียงของนายบัญญัติมาถึงหน้าศาลากลางจังหวัด ปทุมธานี รถขยายเสียงขนาดใหญ่ของนางชนากานต์ ยืนยง ผู้สมัครจากพรรคประชาราช และรถของกลุ่มเสื้อแดงขับตามประกบ กลุ่มเสื้อแดงได้ขว้างไข่ไก่ใส่รถหาเสียงของนายบัญญัติ แต่ไม่ถูกใครบนรถหาเสียง อย่างไรก็ตามกระจกด้านหน้ารถเปื้อนไปด้วยไข่ ทั้งนี้รถหาเสียงของนายบัญญัติขับหนีรถของกลุ่มเสื้อแดงไปหาเสียงต่อที่ อ.สามโคก และ อ.คลองหลวง แต่รถของผู้สมัครจากพรรคประชาราช และรถของกลุ่มเสื้อแดงขับตามไล่ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น โดยมีตำรวจดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายบัญญัติเดินหาเสียงในตลาดปทุมธานีได้เข้าไปทักทายแม่ค้าที่นำสุนัขมาช่วยขายของ จังหวะที่นายบัญญัติกำลังจะใช้มือลูบหัวสุนัขปรากฏว่าสุนัขหันหน้ามาจะงับมือ นายบัญญัติรีบดึงมือพ้นคมเขี้ยวได้ทัน นอกจากนี้ยังมีหญิงชราเข้ามาต่อว่านายบัญญัติและพรรคประชาธิปัตย์ด้วย แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ

ตร.อารักขาเข้มชวนไปลพบุรี

ขณะเดียวกันนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่วัดโคกหม้อ ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปรวมตัวกันหน้าวัดโคกหม้อ ประมาณ 60-70 คน ชูป้ายและตีนตบ ขับไล่นายชวนและต่อต้านรัฐบาล ตำรวจต้องอารักขานายชวนอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย

เมื่อนายชวนเดินทางออกจากวัดโคกหม้อ ตำรวจนำกำลังนับร้อยนายยืนเป็นแผงกั้น ไม่ให้คนเสื้อแดงก่อเหตุ ทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจใช้ตีนตบตบเสียงดัง ขบวนรถของนายชวนออกจากวัดมุ่งหน้าไปศาลาประชาคมเทศบาลเมืองลพบุรี เพื่อเป็นประธานงานมงคลสมรสของน.ส.ดวงกมล ธาราภูมิ หลานสาว น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 กับนายประเทศ หลิ่นอำนวยชัย

ปชป.ฟุ้งยิ่งป่วนคะแนนยิ่งเพิ่ม

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงตามขัดขวางแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไปช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ว่า ทำให้คนที่ไม่อยากเลือกตั้งออกมาลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น และสถานการณ์ดังกล่าวอีกไม่นานคงดีขึ้น หากรัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงปัญหานี้คงคลี่คลายไปเอง ทั้งนี้ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีหลายปัจจัยเป็นตัวเสริม อาทิ อารมณ์ของประชาชนที่คุกรุ่นและยังสนับสนุนพ.ต.ท. ทักษิณ คนที่อยู่เบื้องหลังและน้ำเลี้ยง คาดว่ารัฐบาลคงใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนทำความเข้าใจ

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า สำหรับพื้นที่ภาคกลางที่ตนรับผิดชอบ พรรคส่งผู้สมัครรวม 6 เขต มั่นใจว่าจะได้รับการเลือกเข้ามาคือ สระบุรี ราชบุรีและปทุมธานี มั่นใจมากกว่า 50% ส่วนสิงห์บุรี สมุทรปราการและนครปฐม ถ้าจะแพ้ชนะผลต่างของคะแนนไม่ห่างกันมาก

วิฑูรย์ลับลวงพรางเข้าลำปาง

เวลา 13.30 น. กลุ่มเสื้อแดงชมรมฮักลำปาง 51 กว่า 100 คน รวมตัวกันที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีนครลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง สถานที่จัดประชุมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เพื่อขับไล่นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จะมามอบนโยบายให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งนี้ บริเวณถนนประตูด้านหน้าของวิทยาลัยพยาบาล ตำรวจนำโดยพล.ต.ต.ชัชวาล สุคนธมาน ผบก.ภ.จว.ลำปาง ระดมกำลังกว่า 200 นาย นำแผงเหล็กมากั้นทั้งสองด้านของถนน และตรึงกำลังไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงผ่านแนวกั้นเข้าไปด้านในได้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ใช้แผนล่อลวง โดยให้ขบวนรถนำตำรวจทางหลวงขับเข้าประตูหน้าโดยมีรถตู้ของสำนักงานพัฒนาสังคมฯ ตามเข้ามา ทำให้กลุ่มเสื้อแดงต่างฮือตะโกนด่าไล่ทันที และพยายามปีนข้ามรั้วเข้ามาด้านใน แต่ปรากฏว่านาย วิฑูรย์ไม่ได้อยู่ในรถตู้คันดังกล่าว กลุ่มเสื้อแดงจึงกลับลงไปนั่งปราศรัยโจมตีตามปกติ

ในช่วงเดียวกัน นายวิฑูรย์พร้อมคณะผู้ติดตามเข้าทางประตูหลัง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ นายวิฑูรย์กล่าวระหว่างเปิดงานตอนหนึ่งว่า ตนมาครั้งนี้ลำบากมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไปไหนมาไ หนได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามหลังเปิดงานเสร็จ นายวิฑูรย์ใช้แผนเดิมโดยออกทางประตูหลัง เพื่อเดินทางไปยัง จ.ลำพูน ส่วนกลุ่มเสื้อแดงหลังจากทราบข่าวว่า รมต.เดินทางกลับไปแล้วจึงสลายตัว โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ

ลำพูนปิดถนนไม่ให้เข้าเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ข้างถนนสายลำพูน-ป่าซาง หน้าโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 150 คน รวมตัวกันขับไล่นายวิฑูรย์ ที่จะมามอบผ้าห่มกันหนาวให้กับกลุ่มผู้สูงอายุใน จ.ลำพูน จำนวน 650 คน ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดขึ้นที่หอประชุมโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน

กลุ่มผู้ชุมนุมผลัดเปลี่ยนกันโจมตีนานกว่า 2 ช.ม. แต่ไม่มีวี่แววว่านายวิฑูรย์จะเดินทางมา จ.ลำพูน กระทั่งเวลา 14.00 น. ตำรวจลำพูนกระจายข่าวว่า นายวิฑูรย์ไม่มา จ.ลำพูน โดยจะไป จ.ลำปาง ก่อนมา จ.ลำพูน เวลา 15.00 น. ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเลิกการชุมนุมที่หน้าโรงเรียนส่วนบุญฯ ยกไปปักหลักรอที่สามแยกดอยติ ถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง เพื่อปิดถนนไม่ให้นายวิฑูรย์เข้ามืองลำพูนได้

แห่ฟัง 3 เกลอเปิดปราศรัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง ตำรวจนำนายวิฑูรย์ เข้าไปพบกับกลุ่มคนผู้สูงอายุที่หอประชุมของโรงเรียนส่วนบุญฯ โดยไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวาง จากนั้นนายวิฑูรย์ไปช่วยนายขยัน พรหมชัย ผู้สมัครส.ส.เขต 1 ลำพูน หาเสียงที่ตลาดเย็นบ้านสบทา ก่อนกลับกทม.

ขณะที่ลานหน้าตลาดจตุจักรลำพูน เวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ไปพบคนเสื้อแดงที่มาฟังปราศรัยโจมตีรัฐบาลและเชิญชวนประชาชนช่วยกันประณามการทำงานของรัฐบาล ทั้งยังไม่ต้อนรับรมต.ทุกกระทรวง โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงมานั่งฟังปราศรัยจำนวนมาก

เทือกบี้ผู้ว่าฯ-ผู้การล่าปาไข่ชวน

สำหรับความคืบหน้าคดีกลุ่มเสื้อแดงปาไข่ไก่ใส่หน้านายชวนที่จ.ลำปา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook