ติดเครื่องตรวจบึ้ม-คุ้มกันวันเด็กทำเนียบ

ติดเครื่องตรวจบึ้ม-คุ้มกันวันเด็กทำเนียบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อยากได้ของขวัญ ผู้ใหญ่สามัคคีกัน

ตำรวจตรวจละเอียดยิบทั่วทำ เนียบรัฐบาล ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ใช้เครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดพิเศษ เน้นตามพุ่มไม้ โคนต้นไม้ ท่อระบายน้ำ ไม่พบระเบิด มั่นใจปลอดภัย มูลนิธิกระจกเงาขึ้นบัญชีดำพื้นที่ค้าเด็กหน้าห้างดัง 10 แห่ง ทั้งเดอะมอลล์ เซ็นทรัล คาร์ฟูร์ สะพานลอยบีทีเอส สถานีกลางกรุง เด็กโวยนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ยอมให้พบอย่างทั่วถึงระหว่างเข้ารับรางวัลเด็กดีเด่นที่ทำเนียบ มาร์คเตรียมส่งจดหมายขอโทษเด็กทุกคน เด็กสถานสงเคราะห์อยากได้อุปกรณ์การเรียน และความรักจากครอบครัวและสังคม เครือข่ายเด็กอยากให้ผู้ใหญ่สามัคคีกัน พ่อแม่เลิกดื่มเหล้า เป็นของขวัญ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ม.ค. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น. 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (บก.ตปพ.191 บชน.) จำนวน 8 นาย และเจ้าหน้าที่สำนักงานระบายน้ำกทม. จำนวน 15 คน เดินตรวจหาวัตถุระเบิดทั่วบริเวณทำเนียบ รัฐบาล หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. โดยเจ้าหน้าที่เปิดท่อระบายน้ำทั้งหมดตั้งแต่ตึกสันติไมตรี ตึกไทยคู่ฟ้า และตึกนารีสโมสร ด้วยเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิด ADE 101 หรือ CT 200 ซึ่งมีคุณสมบัติตรวจหาดินปืน แอมโมเนียมไนเตรต ระเบิดซีโฟร์ และวัตถุระเบิดโดยเฉพาะ

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักงานระบายน้ำจะตรวจพื้นที่โดยรอบทำเนียบ เน้นตามพุ่มไม้ โคนต้นไม้ และท่อระบายน้ำ นอกจากนั้นจะเน้นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี และตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะเปิดให้เด็กเข้าเยี่ยมชมในวันเด็ก จึงต้องตรวจตราเป็นพิเศษ โดยใช้เครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดที่ได้ผล 100% ซึ่งใช้ในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากตรวจพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะส่งพื้นที่ทำเนียบให้ตำรวจสันติบาลดูแลรักษาความปลอดภัยต่อไป ในวันที่ 10 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ ตำรวจจะติดตั้งเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดและตรวจสอบสัมภาระ อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังเป็นพิเศษ เพราะทำเนียบเป็นพื้นที่ปิด คนภายนอกไม่ได้เข้ามาอยู่แล้ว ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานข่าวอะไร

ด้านพ.ต.อ.นิตินัย ไชยพิเดช ผกก.4 บก.ส. 3 กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบเพื่อเตรียมรับวันเด็กแห่งชาติว่า ภายในทำเนียบจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 นาย ส่วนบริเวณรอบนอกจะมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบของพื้นที่ต่างๆ ดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ปกครองและเด็กที่จะมาร่วมกิจกรรมจะต้องเข้าทางประตู 2 ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เชิงสะพานชมัยมรุเชษเพียงประตูเดียว ประตูดังกล่าวจะติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและจะรับฝากสิ่งของสัมภาระ ส่วนกิจกรรมต่างๆ นั้น ตำรวจสันติบาลจะนำรถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ซึ่งใช้นำขบวนบุคคลสำคัญที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยมาแสดงเพื่อให้เด็กถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะเปิดให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 น. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมาร่วมกิจกรรมและพบปะกับเด็กๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำเด็กเยี่ยมชมห้องทำงานบริเวณชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร

ทั้งนี้ภายในทำเนียบยังจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ ที่ตึกสันติไมตรี มีการจัดกิจกรรมแต้มสีสันบนผืนผ้า ร่วมสร้างต้นไม้ของความตั้งใจดี นิทรรศการลูกปัด เด็กหัวแหลม โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น ที่ตึกไทยคู่ฟ้า จะเปิดห้องต่างๆ ที่นายกฯ ใช้เป็นที่ประชุมและรับรองแขกของรัฐบาล เช่น ห้องสีงาช้าง ห้องทำงานนายกฯ ห้องสีเขียว ห้องสีม่วง ส่วนตึกนารีสโมสรซึ่งเป็นศูนย์แถลงข่าวของรัฐบาล จะมีกิจกรรมให้เด็กฝึกอ่านข่าว นิทรรศการนโยบายด้านการศึกษาและเยาวชนของรัฐบาล เป็นต้น

วันเดียวกัน น.ส.มาลิสา พรหมโคตร์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากประชาชนมายังศูนย์และการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในกทม. พบว่าเด็กยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการขอทานจำนวนมาก ศูนย์ขึ้นบัญชีดำพื้นที่ค้าเด็กซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการค้ามนุษย์ขอทาน ได้แก่บริเวณประตูน้ำ-แยกราชประสงค์ โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าห้าง จุดเชื่อมต่อการเดินทาง สะพานลอย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เข้าช่วยเหลือเด็กได้หลายสิบคน เมื่อเดือนก.ย.51 ทำให้กลุ่มขอทานหายไป แต่ไม่กี่วันมีขอทานกลับมาอีก นอกจากนั้นยังพบมากบริเวณสะพานลอยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสย่านกลางเมือง คือสถานีสยาม สนามกีฬาแห่งชาติ ชิดลม เพลินจิต นานา อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ศาลาแดง ซอยละลายทรัพย์ และสะพานลอยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช

เด็กจะถูกนำมาขอทานตามสะพานลอย และทางเดิน ในบริเวณพื้นที่ที่ถูกแบ่งกันรับผิดชอบ จากการสังเกตพบว่าเป็นเด็กจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมีคนคอยยืนเฝ้าขณะขอทานตลอดเวลา หากผิดสังเกตจะมีการส่งสัญญาณเตือนกัน การทำงานเป็นขบวนการ มีการพาเด็กมาขอทานและเปลี่ยนย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ ในบริเวณใกล้เคียง น.ส.มาลิสา กล่าว

น.ส.มาลิสา กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังพบขอทานเด็กหน้าห้างสรรพสินค้าแม็คโคร จรัญสนิทวงศ์ หน้าห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางแค หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 หน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน หน้าห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ รัชดาฯ หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง บริเวณตลาดนัดปัฐวิกรณ์ บริเวณตลาดสดมีนบุรี ถนนรามอินทรา ก.ม.4 สะพานลอยหน้าร้านเจ้เล้งวิภาวดี ตลาดจตุจักร ตลาดนัดนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บริเวณวังหลัง โรงพยาบาลศิริราช วงเวียนใหญ่ บริเวณตลาดคลองถม สะพานพุทธ

พื้นที่ที่ถูกขึ้นบัญชีดำทั้งหมดนี้ ยังคงมีเด็กที่นั่งรอความช่วยเหลือ เพราะไม่อยากเป็นเครื่องมือในการขอทาน ซึ่งผู้ปกครองควรระวังลูกหลานตัวเองตกเป็นเหยื่อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนผู้มีหน้าที่รับผิดชอบควรเร่งทำพื้นที่สีดำให้เป็นพื้นที่สีขาว โดยลงมือแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก ปี 2552 ให้กับเด็กในพื้นที่สีดำเหล่านี้ น.ส.มาลิสากล่าว

น.ส.ไจตนย์ ศรีวังพล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท วิไลเซ็นเตอร์ แอนด์ ซันส์ จำกัด ผู้ร่วมดำเนินงานสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM 91 Traffic Pro คลื่นเพื่อข่าวสารความปลอดภัยและจราจร กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ข้อมูลสถิติการรับแจ้งข้อความประชาสัมพันธ์คนหายจากประชาชน ผู้ฟังรายการ ผ่านทางหมายเลข 1644 โทรฟรี 0-2562-0033-4 และ 0-2941-0847-50 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค. 2551 และวันที่ 1-8 ม.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวน 336 คน พบว่าบุคคลที่หายตัวไป จนกระทั่งทำให้คนในครอบครัวเกิดความห่วง กังวลใจ เป็นผู้ชาย 182 คน หรือร้อยละ 54.17 และผู้หญิง 154 คน หรือร้อยละ 45.83

จากข้อมูล สถิติ รับแจ้งคนหายทั้งหมดที่ทางสถานีรับแจ้งจากพ่อ แม่ ผู้ปกครองและญาติ ร้อยละ 27.98 หรือจำนวน 94 คน เป็นกลุ่มเด็ก และเยาวชน อายุระหว่าง 10-20 ปี จำนวนนี้เป็นเด็กผู้หญิง 70 คน หรือร้อยละ 74.47 เป็นเด็กผู้ชาย ร้อยละ 25.53 เมื่อสอบถามถึงสาเหตุและแรงจูงใจที่ทำให้เด็กและเยาวชนหายตัวออกไปจากบ้านพัก จากผู้ปกครองที่โทรศัพท์เข้ามาแจ้งยังสถานี พบว่าเด็กและเยาวชน 19 คน หรือร้อยละ 20.21 หายตัวออกจากบ้านพัก มีปัจจัยมาจากการถูกพ่อแม่ ผู้ปกครองว่ากล่าวตักเตือน ส่วนร้อยละ 14.89 หรือจำนวน 14 คน ออกจากบ้านพักพร้อมเพื่อนสนิทโดยการขออนุญาต แต่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับบุตรหลานเป็นเวลาข้ามคืน จนกลายเป็นความห่วงใยที่จะพยายามติดตามหาตัวให้เจอ ขณะที่ร้อยละ 64.89 หรือผู้ปกครอง จำนวน 61 คนไม่ยอมเปิดเผยถึงสาเหตุที่เป็นปัจจัยทำให้เด็กและเยาวชนหายไปจากบ้านพัก น.ส.ไจตนย์ กล่าว

น.ส.ไจตนย์ กล่าวต่อว่า หลังปีใหม่ ระหว่างวันที่ 1-8 ม.ค. เพียงแค่ 8 วันที่ผ่านมา มีผู้ปกครองโทรศัพท์แจ้งเด็กและเยาวชน อายุระหว่าง 10-20 ปีหายออกจากบ้านพักแล้ว 7 คน เป็นเด็กผู้หญิง 5 คน และเด็กผู้ชาย 2 คน หลายคนมองว่าการแจ้งข้อความประชาสัมพันธ์ เด็ก และเยาวชน หายออกจากบ้านพักเป็นเรื่องปกติ ไม่นานเด็กก็จะกลับบ้านเอง แต่ในความเป็นจริง พ่อ แม่ ผู้ปกครองที่มีประสบการณ์ ลูกสาว ลูกชาย หายออกจากบ้านพักต่างคำนึงถึงความปลอดภัย และแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุตรหลานที่ไม่สามารถบรรยายและอธิบายได้ ดังนั้นวันเด็กแห่งชาติ ผู้ปกครองทุกท่าน ควรให้ความสำคัญ เด็ก และเยาวชนในความปกครองให้เต็มที่

วันเดียวกัน ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เดินทางไปมอบของขวัญวันเด็กประจำปี 2552 อาทิ ชุดนักเรียน ผ้าขนหนูและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กด้อยโอกาสทางสังคมกว่า 250 คน เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติปี 2552 พร้อมทั้งเชิญชวนเด็กเข้าร่วมงานวันเด็กที่กระทรวงจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สวนอัมพร

โดยด.ญ.วชิรา แซ่ตั้ง ตัวแทนเด็กจากสถานสงเคราะห์ กล่าวว่า ของขวัญวันเด็กที่อยากได้ คืออุปกรณ์การเรียน เนื่องจากไม่เพียงพอกับความต้องการของเด็กในโรงเรียนของสถานสงเคราะห์ และอยากได้ความรักจากครอบครัวและคนรอบข้าง

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า อยากให้เด็กจากสถานสงเคราะห์ พร้อมทั้งผู้ปกครองมีโอกาสพาเด็กไปเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติที่สวนอัมพรในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.นี้ ที่ประกอบด้วย 7 โซนมหัศจรรย์สำหรับเด็ก ขอรับรองความสนุกและความปลอดภัยได้ 100% ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายจะดูแลทรัพยากรเด็กอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ดูแลเด็กทั่วไปให้ได้รับโอกาสเรียนฟรี 15 ปีอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รับหน้าที่ดูแลเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิการ แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังดูแลได้ไม่ทั่วถึง จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชา ชน และเอกชน ร่วมกันดูแลเด็กที่ประสบปัญหาทางสังคมเหล่านี้ด้วย

กระทรวงเตรียมจะปรับแผนการบริหารงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิการให้ครอบคลุมกว่าในปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ 2553 คาดว่ารัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับดูแลทรัพยากรมนุษย์เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ได้รับการสนับสนุนปีละเพียง 10,000 ล้านบาท และกำหนดนโยบายแก้ปัญหาเด็ก ผู้สูงอายุได้เต็มรูปแบบในเดือนก.พ.นี้ นายวิฑูรย์กล่าว

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่มารับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีบางส่วนไม่ได้รับรางวัลและไม่ได้พบใกล้ชิดกับนายกฯ จนเกิดเหตุความไม่พอใจออกมา เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ไม่สบายใจและรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ทราบว่าเด็กทั้งหมดจำนวน 680 คนเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล แต่คิดว่ามีเด็กที่เป็นตัวแทนเพียง 60 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นเพียงผู้มาร่วมงาน ซึ่งนายกฯ มีแนวคิดและตั้งใจที่จะทำจดหมายด้วยตัวเองไปถึงเด็กทุกคนที่มาแล้วไม่ได้รับรางวัลจากนายกฯ เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจ เพราะความจริงนายกฯ ไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิเสธ ไม่ให้รางวัลด้วยตนเอง ซึ่งจดหมายดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้านายกฯ จะจัดส่งไปถึงเด็กๆ ทุกคน

เรื่องนี้นายกฯ ไม่ทราบ ท่านรู้สึกเสียใจที่อาจทำให้น้องๆ เสียความรู้สึกและเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ซึ่งท่านจะเขียนจดหมายและเซ็นด้วยตัวเองเพื่อส่งไปถึงน้องๆ ทุกคน ซึ่งคงจะเริ่มทยอยจัดส่งตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ม.ค.นี้ หลังจากเด็กๆ ได้รับจดหมายแล้วคงเข้าใจและดีใจขึ้น นายพุทธิพงษ์ กล่าว

วันเดียวกัน ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่ายเยาวชนเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ มูลนิธิเพื่อนเยาวชน เพื่อการพัฒนา ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กร งดเหล้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) แถลงผลสำรวจพฤติกรรมแบบอย่าง(ไม่ดี) ของผู้ใหญ่รอบตัวเด็ก เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 2552 นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบาย มูลนิธิเพื่อนเยาวชนฯ กล่าวว่า การสำรวจเด็กนักเรียน ป.6 ในโรงเรียนพื้นที่กทม. อายุ 11-12 ปี จำนวน 659 ตัวอย่าง วันที่ 5-7 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมแบบอย่างไม่ดีของผู้ใหญ่ที่กระทำอยู่รอบตัวเด็กใน 4 กลุ่ม คือ 1.คนในครอบครัว พบมีการดื่มเหล้าสูงถึงร้อยละ 66 โดยพ่อดื่มมากที่สุด ร้อยละ 54 รองลงมาคือน้า อา ลุง ป้า และแม่ รวมถึงการสูบบุหรี่ ที่เด็กเห็นพ่อสูบมากที่สุดเช่นกัน ขณะที่เด็กร้อยละ 61 เห็นการเล่นการพนัน อีกร้อยละ 46 บอกว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ร้อยละ 44 เห็นการทะเลาะวิวาทในครอบครัว และน่าตกใจว่าเด็กเกือบร้อยละ 6 เห็นการเสพยาเสพติดเช่นยาบ้า กัญชา ยาอี ยาเค

นายเจกะพันธ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 คนในโรงเรียน เด็กเห็นการแต่งกายผิดระเบียบของเพื่อนในกลุ่มถึงร้อยละ 61 ตามด้วยทะเลาะวิวาทร้อยละ 44 หนีเรียนร้อยละ 33 การสูบบุหรี่ของครู ภารโรง ร้อยละ 27 โดยเด็ก 90 คนเคยเห็นครูดื่มเหล้า และอีก 77 คน บอกว่าครูมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเรื่องชู้สาว 3.คนในชุมชน เด็กเห็นเพื่อนบ้าน รุ่นพี่สูบบุหรี่ร้อยละ 73 ดื่มเหล้าร้อยละ 51 เยาวชนทะเลาะวิวาทร้อยละ 49 เล่นพนันร้อยละ 48 4.คนในสังคมที่เด็กเห็นการดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ ของดารานักแสดงผ่านสื่อร้อยละ 40 ขณะที่เด็กเกือบ 30 คน เห็นภาพบุคคลระดับผู้บริหารประเทศดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ ซึ่งเด็กเกินครึ่งเห็นเยาวชนดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ และสิ่งที่น่าตกใจคือเด็กที่ตอบแบบสอบถามซึ่งมีอายุแค่ 11-12 ปี จำนวน 17 ใน 100 คน บอกว่าเคยลองดื่มเหล้าแล้ว

ด.ญ.รัชนิฎา ทิพย์เนตร อายุ 12 ปี เครือข่ายเสียงเด็ก กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็ก 2552 อยากขอสิ่งใดเป็นของขวัญจากผู้ใหญ่ 1.ขอเวลาความรักอบอุ่นในครอบครัวร้อยละ 54 2.ขอแบบอย่างที่ดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนันร้อยละ 34 และ 3.ขอให้ผู้ใหญ่ไม่ทะเลาะกัน มีความสามัคคี สร้างความสงบสุขแก่ประเทศชาติร้อยละ 23 ซึ่งเครือข่ายฯ ขอให้รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องเหล่านี้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กและเยาวชน โดยจะนำเสนอข้อมูลนี้ไปถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook