เสื้อแดงลั่นขวางประชุมอาเซียน เดินสายกล่อมทูตอย่ามา มิ้ง โวยถูกป้ายสีจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายปท.

เสื้อแดงลั่นขวางประชุมอาเซียน เดินสายกล่อมทูตอย่ามา มิ้ง โวยถูกป้ายสีจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายปท.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คนเสื้อแดง กร้าวขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิต ประกาศรับไม่ได้รบ.มีรมต.เป็นผู้ก่อการร้าย เตรียมแถลงสื่อต่างประเทศ เดินสายเกลี้ยก่อม 9 ทูตสมาชิกอาเซียนอย่างเดินทางร่วมประชุม หมอมิ้ง ลั่นไม่เคยจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติทำความความเชื่อมั่นปท. โวยปชป.ใส่ร้าย-ป้ายสี เทพเทือก ลุ้น แม้ว ให้โอกาสคุย เสธ.หนั่น เชื่อเจรจาไม่เป็นผล

สุเทพหวังแม้วให้โอกาสคุย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 มกราคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยว่า อะไรก็ตาม ที่เป็นเรื่องเสียหายกับประเทศไทยต้องหาทางแก้ไข กรณีดังกล่าวถ้าสามารถพูดจาทำความเข้าใจกันได้ก็ต้องทำ นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ตนตั้งใจว่าจะหาทางพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคิดว่าจะพูดคุยกัน ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณให้โอกาส

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ยังไม่สามารถติดต่อถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ติดอุปสรรคอะไร นายสุเทพกล่าวว่า ตอนนี้ผมติดต่อผ่านคนที่ผมเชื่อมั่นว่าเขาสามารถไปบอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ว่า ผมมีความตั้งใจที่จะไปปรึกษาหารือพูดคุยด้วย และถ้า พ.ต.ท.ทักษิณเห็นสมควรว่าจะต้องพบกัน ก็ต้องมีการนัดหมาย ผมเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ย่อมเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ชาติประชาชนเป็นอย่างดี และเชื่อว่าความที่เป็นนักการเมือง ต้องมีใจที่คิดเห็นแก่เรื่องส่วนรวมอยู่ ดังนั้น ถ้าเราพูดคุยกันด้วยเหตุและผลดีๆ น่าจะเข้าใจกันได้ ข้อสำคัญคือผมกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็เคยพุดคุยกันมา

นายสุเทพกล่าวว่า คนที่ตนติดต่อไม่ใช่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ขอไม่เปิดเผย ไม่เช่นนั้น คนที่ตนติดต่อจะถูกกดดันแล้วตนจะทำงานยากขึ้น นอกจากนี้ตนก็พยายามพูดคุยกับบรรดาแกนนำของคนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเราในทุกระดับ

มาร์ครับเป็นอุปสรรคทำงาน

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ ให้ข่าวโจมตีประเทศไทยว่า หากเป็นด้านการเมืองไม่เป็นอะไร แต่อย่าโจมตีประเทศโดยล่วงละเมิดสถาบันก็แล้วกัน เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานในเชิงรุกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกฝ่ายรวมถึงตนต้องทำงานเชิงรุกทั้งหมดเพื่อให้ทั่วโลกเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของไทย ที่ผ่านมารัฐบาลก็พบกับสื่อต่างประเทศและชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจ เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ที่เจอทั้งศึกในและนอกประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ห่วง เราเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ วันนี้เร่งรัดหลายเรื่องไปได้ด้วยดี เช่น เรื่องท้องถิ่น โดยภายในสัปดาห์หน้าสามารถอนุมัติเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชน อย่างเรื่องยางพารา นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็ไปดำเนินการแล้ว ตอนนี้ตนมุ่งแก้ปัญหาของประชาชนเป็นหลัก ส่วนปัญหาการเมือง ถ้ากระทบการทำงานก็แก้กันไป ถ้าไม่หนักหนาก็ต้องปล่อยไปบ้าง

บัวแก้วประเมินภาพลักษณ์ไทย

วันเดียวกันที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศว่า การว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เป็นเรื่องของธุรกิจที่ทำได้หากอยู่ภายใต้กฎหมายของพื้นที่ที่บริษัทนั้นตั้งอยู่ กระทรวงการต่างประเทศก็ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ และทำหน้าที่สร้างความเข้าใจอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เป็นตอบโต้กรณีใดกรณีหนึ่ง เราจะสร้างความเข้าใจหากมีการพาดพิงสถาบันใดที่ไม่ถูกต้อง อาทิ กระบวนการยุติธรรมของไทยถูกโจมตี หรือเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาก็มีการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ออกคำชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องไปยังทุกสื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะออกมาจากบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ กระทรวงเพียงแต่ตอบโต้ไปตามเนื้อหาข่าวที่ออกมาเท่านั้น

กระทรวงการต่างประเทศมีคำสั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกตรวจสอบภาพลักษณ์ของประเทศไทยในแต่ละประเทศเพื่อนำมาประมวลภาพรวม และจะนำเสนอต่อรัฐบาลใน 1-2 สัปดาห์เพื่อหามาตรการทั้งในภาพรวมและมาตรการในแต่ละพื้นที่ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศต่อสายตานักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ นายธฤตกล่าว

มิ้งซัดปชป.ป้ายสีจ้างล็อบบี้ยิสต์

วันเดียวกัน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) แถลงที่ห้องกำแพงเพชร 5 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว กรณี นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาพร้อมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษานายกฯ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในต่างประเทศเพื่อมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยว่า ได้หารือกับนายภูมิธรรมและนายพันศักดิ์แล้ว ทั้งหมดมอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนชี้แจงดังนี้ 1.พรรคประชาธิปัตย์ควรมุ่งแก้ไขปัญหาของชาติ และความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่ามุ่งกล่าวหา แพะทางการเมือง ด้วยการกล่าวร้ายว่าสาเหตุต่างๆ เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณหรือการล็อบบี้ของบริษัทใดๆ ในต่างประเทศ เพื่อโยนความผิดให้ผู้อื่นตามความถนัด

นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า 2.เหตุการณ์ต่างๆ ทางการเมืองของประเทศไทยตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ต่อเนื่องจนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิ ล้วนเป็นข่าวที่ตื่นเต้น น่าสนใจเป็นข่าวสำคัญต้นๆ ของโลก สั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของประเทศด้วยตัวของเหตุการณ์เอง โดยที่ไม่มีบริษัทล็อบบี้ใดในโลกทำได้ จึงเป็นหน้าที่ของนายกฯที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่าจะดำเนินการตามกฎหมายต่อการกระทำนั้น

ข้องใจจ้องกล่าวหาพวกซ้ายเก่า

นหมมินทร์กล่าวว่า 3.สื่อต่างประเทศยึดมั่นในเสรีภาพของสื่อมวลชนและหลักการประชาธิปไตย จึงไม่มีใครไปกำหนด หรือบอกให้สื่อมวลชนที่มีมาตรฐานและเชื่อถือได้ 4.ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับการจัดจ้างบริษัทต่างชาติ และไม่เชื่อว่ามีใครจ้างบริษัทเพื่อกระทำการตามที่ข้อกล่าวหาให้ร้าย 5.ที่ผ่านมาสังคมไทยมีความแตกแยก แตกสามัคคี เนื่องจากการกล่าวหาและให้ร้ายผู้อื่นของคนบางกลุ่มโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือความจริงบางส่วน ผสมความเท็จหรือนิทานเผยแพร่ปลุกเร้าให้คนเกลียดชัง จนถึงการปลุกเร้าให้คนเกลียดชังและทำร้ายกัน

นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า คงจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีคดีเก่าที่เคยฟ้องร้องไว้อยู่แล้ว คิดว่าการทำความเข้าใจเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เมื่อถามว่า ช่วงนี้สื่อต่างประเทศพาดพิงสถาบันเบื้องสูงบ่อยครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ที่จะสอดคล้องกับกรณีบริษัทล็อบบี้ยิสต์ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า สถาบันหลักของชาติ คือชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ นั้นอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ตนเชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนความรู้สึกของคนไทย ข้อกล่าวหานั้นเป็นแบบฮาร์ฟทรูต คือพูดข้างบนนิดหนึ่งแล้วมาหยอดข้างล่างมาผูกกัน

ผมไม่ได้ติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ มาเกือบ 2 เดือนแล้ว ท่านอยู่ที่ไหนผมยังไม่รู้เลย ก็ไม่ทราบว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงเลือกที่จะกล่าวหาพวกผม หรืออาจเป็นเพราะเป็นพวกซ้ายเก่า จึงกล่าวหาเพื่อให้เรื่องดูน่าเชื่อถือน.พ.พรหมมินทร์ กล่าว

รบ.ไม่หวั่นแผนโลกล้อมไทย

ขณะที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ว่า คิดว่าสาระสำคัญอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าบุคคลทั้งสาม (นพ.พรหมมินทร์ นายภูมิธรรม และนายพันศักดิ์ ) รับทราบหรือไม่ว่าเคยมีและยังมีการว่าจ้าง 3 บริษัทเดิมอยู่หรือบริษัทใหม่ ตนไม่เคยกล่าวว่าบุคคลทั้งสามเป็นผู้ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ การแถลงข่าวของนพ.พรหมินทร์ก็ไม่ปฏิเสธถึงการรับรู้แต่อย่างใด แต่ยังหวังอยู่ว่านพ.พรหมมินทร์ จะช่วยยุติการดำเนินการดังกล่าวได้

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการว่าจ้างบริษัท ล็อบบี้ยิสต์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อประเทศไทยว่า การที่นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็เพื่อแสดงเห็นว่า ขบวนการเหล่านี้ยังมีอยู่ เรื่องโลกล้อมประเทศไม่เป็นไร รัฐบาลก็ต้องชี้แจงกับโลกใหม่ ซึ่งในเดือนมกราคมนี้ นายกฯก็จะไปชี้แจงกับต่างประเทศอยู่แล้ว

เสธ.หนั่นเชื่อเจรจาแม้วยาก

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เคลื่อนไหวทางการเมืองต่อประเทศไทย ว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงต้องทำ เพราะต้องการต่อสู้เพื่อเรียกความเป็นธรรมคืน

เราๆ ก็รู้นิสัยพ.ต.ท.ทักษิณดีอยู่แล้วว่า ไม่ยอมใครง่ายๆ ส่วนการเจรจาความกับนายสุเทพ คงเป็นเรื่องยาก ถ้าทำได้ก็ดี แต่ความสำเร็จมันอยู่แค่ปลายอุโมงค์ ริบหรี่ ให้ดูว่าตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา พ.ต.ท.ทักษิณเคยหยุดหรือไม่ ก็เห็นต่อสู้มาเรื่อย ดังนั้นการเจรจาความหวังจึงน้อย รัฐบาลต้องบริหารราชการให้ดี ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชนดีกว่าพล.ต.สนั่นกล่าว

เสื้อแดงลั่นขวางประชุมอาเซียน

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวถึงผลการประชุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชั้น 6 อาคารอิมพีเรียลเวิร์ล ลาดพร้าว ว่า จากการหารือกันของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ทุกอย่างยังคงอยู่ในจุดยืนเดิมคือการเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน รวมทั้งรูปแบบการเคลื่อนไหวชุมนุมก็ยังคงมีอยู่ แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นทางแกนนำจะกำหนดอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวเพื่อประกาศไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้ที่จะเป็นเจ้าภาพในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียน ซัมมิต) เนื่องจากรัฐบาลมีที่มามิชอบ และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินแห่งชาติ ซึ่งคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับได้ หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน การชุมนุมจะเกิดขึ้นแน่นอน เราต้องการแสดงให้อาเซียนทุกประเทศเห็นว่าคนไทยไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล ที่อาจจะทำให้ผู้นำบางประเทศถอนตัวออกจากการประชุมเลยก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกัมพูชา ที่นายกษิตเคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับผู้นำประเทศกัมพูชา จนอาจจะกระทบความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ นายณัฐวุฒิกล่าว

กล่อมฑูตอาเซียนอย่ามาประชุม

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะแถลงข่าวครั้งใหญ่กับสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อชี้แจงว่าคนไทยไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล จากนั้นจะเดินสายพบเอกอัคราชฑูตอาเซียนทุกประเทศเพื่อชี้แจงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและเห็นด้วยกับการพัฒนาอาเซียน แต่เรารับไม่ได้กับมุมมองของรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำที่มีต่อประชาชนคนไทย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะไปชี้แจงและยื่นเอกสารกับประเทศอาเซียน 9 ประเทศ ในสัปดาห์หน้าว่าอย่ามาร่วมประชุมอาเซียน ซัมมิต ที่ไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีผู้ก่อการร้ายมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นายจตุพรกล่าวว่า จะไม่ยอมให้นายอภิสิทธิ์ใช้ทำเนียบบริหารประเทศ เพราะ คนไทยรับไม่ได้ที่คนสร้างความเสียหายให้ประเทศยังลอยนวล ถ้ารัฐบาลไม่ยอมใช้กฎหมาย สุดท้ายจะไม่ได้ใช้กฏหมาย เพราะประชาชนจะจัดการกันเอง และหากขืนจะประชุมอาเซียน คนไทยจะมาปิดล้อม เพราะไม่ยอมรับรัฐบาลที่ไปสมคบกับผู้ก่อการร้าย รัฐบาลต้องจัดการเรื่องนายกษิต เรื่องคดีพันธมิตร ขอพยากรณ์ว่ารัฐบาลนี้อยู่ไม่เกินอายุรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

บัวแก้วยังไม่เคาะวันถกอาเซียน

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกำหนดการจัดการประชุมอาเซียนครั้งที่ 14 ว่า ต้องขอบคุณทุกรัฐบาลที่พยายามปรับกำหนดการเพื่อร่วมประชุมกับสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาทั้ง 16 ประเทศ ขอยืนยันว่าทุกรัฐบาลมีเจตนาปรับกำหนดการที่ดีที่สุดแล้ว แต่กำหนดการใหม่อาจจะกระชั้นชิด จึงย่อมทำให้มีบางประเทศอาจจะยังไม่สามารถปรับให้สอดคล้องได้ ซึ่งทางรัฐบาลไทยเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับกำหนดวันเพื่อให้กับทุกประเทศลงตัวที่สุด

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงกรณีนายกฯหรือรัฐมนตรีถูกคนเสื้อแดงตามขับไล่ในสถานที่ต่างๆ ว่า อาจเป็นแฟชั่นของบ้านเรา ก็กลัวเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะมีวิธีใดที่จะป้องกัน อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะปิดล้อมสถานที่การประชุมอาเซียนซัมมิทนั้น เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะเกี่ยวกับชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดให้ชี้แจงกับประชาชนว่าอย่าทำเลย

ชัยยันสัปดาห์นี้ไม่มีประชุมรัฐสภา

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงอาเซียนจำนวน 13 ฉบับในวันที่ 7 มกราคมว่า ในสัปดาห์นี้ยังไม่มีการเรียกประชุมใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากยังไม่ได้รับการประสานงานจากรัฐบาล เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้องศาลปกครองว่าการเปลี่ยนสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายเป็นโมฆะ นายชัย ตอบว่าปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วยืนยันว่าทำได้ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า หารือร่วมกับนายกฯ และมีความเห็นตรงกันว่า จะเลื่อนการพิจารณากรอบข้อตกลงในการประชุมอาเซียนซัมมิต ไปพิจารณาในการประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 21 มกราคมนี้ เดิมกำหนดว่าจะมีการพิจารณาช่วงวันที่ 7-8 มกราคม แต่หลังจากประสานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว อาจดำเนินการไม่ทัน เพราะสมาชิกรัฐสภาหลายคนไปต่างประเทศและติดภารกิจอื่น

มาร์คปัดใช้รถกันกระสุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปทำงานยังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 07.30 น. โดยมีกำหนดจะไปตรวจอาคารเสือป่าพลาซ่าหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ และเข้าเยี่ยมอาการผู้ป่วยที่โรงพยาบาลกลาง ปรากฏว่าเวลาประมาณ 12.00 น.ก่อนออกเดินทาง ทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ นำรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ เอส 600 สีดำ ทะเบียน ชพ-1420 กทม. สีดำ ซึ่งเป็นรถกันกระสุน โดยเป็นรถประจำตำแหน่งผู้นำที่อยู่ในการดูแลของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) ขึ้นมาจอดตรงประตูหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ทั้งนี้ รถคันดังกล่าวมักถูกนำมาใช้ในช่วงที่มีข่าวความไม่ค่อยปลอดภัยของผู้นำ ผู้ที่เคยใช้อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อช่างภาพจำนวนมากเข้าไปถ่ายภาพรถคันดังกล่าว ทำให้ต่อมาได้ยกเลิกการใช้รถกันกระสุน โดยนำรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 สีดำ ทะเบียน ศฮ-9201 กทม. ซึ่งเป็นรถที่นายอภิสิทธิ์ใช้อยู่ปกติมาแทน

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า พอดีรถกันกระสุนคันดังกล่าวเพิ่งออกจากอู่ เจ้าหน้าที่ก็อยากให้ตนทดลองใช้ แต่คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยน คิดว่าคันที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็ไม่มีปัญหาอะไร จึงเห็นว่าไม่ควรเปลี่ยน เมื่อถามว่า กลัวการลอบทำร้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ไม่มีประเด็นอะไรตอนนี้ ดังนั้น ไม่ต้องเปลี่ยน เมื่อถามว่า การเตรียมจัดงานวันเด็กจะเปิดทำเนียบหรือไม่ นายภิสิทธิ์ กล่าวว่า เปิด และจะให้เด็กนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่กำหนดแนวคิดไว้ว่าก่อนนั่งต้องเขียนว่า ถ้าอยากนั่งจะทำอะไรให้กับส่วนรวม โดยให้เด็กเขียนกันตรงนั้นเลย

สันติบาลเตรียมทีมเสริมรปภ.นายกฯ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสันติบาลได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯ ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแก่นายกรัฐฯมาหลายสมัย เพื่อไปเสริมทีมรปภ.นายกฯชุดปัจจุบันที่เป็นของทหารจาก ศรภ. หลังจากที่ตำรวจสันติบาลชุดนี้ถูกพักการทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯชั่วคราว เนื่องจากเมื่อมารับตำแหน่งนายอภิสิทธิ์ และทีมงานแสดงความจำนงว่าสะดวกใจที่จะใช้กำลังของทหารมากกว่า อย่างไรก็ตามคาดว่ากำลังของสันติบาลจะเป็นกำลังเสริมรักษาความปลอดภัยรอบนอก เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้นให้ห้วงที่มีข่าวลอบทำร้ายนายกฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook