อสส.ยื่นคำร้องยุบปชป.ศาลรธน.แล้ว

อสส.ยื่นคำร้องยุบปชป.ศาลรธน.แล้ว

อสส.ยื่นคำร้องยุบปชป.ศาลรธน.แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการ ฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ หนึ่งในทีมอัยการคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นสำนวนคำฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์
โดยนายวินัย กล่าวว่า ได้นำเอกสาร สำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จำนวน 9,678 แผ่น คำให้การของพยานบุคคล 60 ปาก คำฟ้อง และเอกสารประกอบรวม 89 หน้า นำมามอบให้กับศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ในคำร้องได้มีการขอให้เพิกถอนสิทธิ์ คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 40-50 คน ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปลายปี พ.ศ. 2547 ถึงต้นปี พ.ศ.2548 ซึ่งในขณะนั้นมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรคด้วย นอกจากนี้ นายวินัย ได้กล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า ไม่ได้มีความกดดันแต่อย่างใด ซึ่งพนักงานอัยการทุกคนก็ได้ทำงานอย่างเป็นกลาง และปฏิบัติไปตามกฎหมาย ซึ่งจากนี้หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็จะต้องยอมรับในคำตัดสินด้วย


ทั้งนี้ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้ลงนามในคำสั่งให้ นายวินัย ดำรงมงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย นายภาณุพงศ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นายกิตินันท์ ธัชประมุข อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 และนายสุกิจ นาพุก อัยการจังหวัดประจำกรมคดีพิเศษ 5 เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีรับเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เข้าข่ายกระทำนิติกรรมอำพรางผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พร้อมขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 5 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook