รบ.เล็งตั้งองค์กรใหม่ดับไฟใต้ รองฯสุเทพนัดหารือประวิตร-ผบ.เหล่าทัพ ประชุมครม.ครั้งหน้า

รบ.เล็งตั้งองค์กรใหม่ดับไฟใต้ รองฯสุเทพนัดหารือประวิตร-ผบ.เหล่าทัพ ประชุมครม.ครั้งหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกฯเรียกรมว.กลาโหม-ผบ.เหล่าทัพถกไฟใต้เน้นตั้งองค์กรใหม่ หลังประชุม ครม.อังคารหน้า สุเทพชี้ปรับแผนให้เกิดความสมดุล อนุพงษ์สั่งเตรียมข้อมูลพ.ร.บ.ด้านความมั่นคง-โครงสร้าง กอ.รมน.ไว้แจง มท.3นัด 9 ม.ค.เคาะรูปแบบองค์กรแก้ ยันใช้การเมืองนำทหาร ยังคง กม.ฉุกเฉิน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 13 มกราคม จะมีการนำเรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าหารือ หลังจากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ประชุมหารือถึงกรอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะการหารือถึงประเด็นการจัดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมากำกับดูแลงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ก่อนจะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะให้อำนาจการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ. ) เหมือนเดิมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแล มีนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. ในการกำกับดูแลนโยบาย ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เป็น รอง ผอ.รมน. จะเป็นผู้กำกับดูแลในการปฏิบัติในพื้นที่ การหารือน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม แต่จะไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมาก เพียงแต่การปรับครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น

แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะ รอง ผอ.รมน. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. จัดทำเอกสาร และข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของ กอ.รมน. รายละเอียด พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีให้ได้รับทราบถึงความคืบหน้า รวมถึงการจัดอัตรากำลังพลใน กอ.รมน. 977 อัตรา โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนสายงานหลัก คือ ส่วนการบังคับบัญชา ส่วนอำนวยการ ส่วนประสานงานการปฏิบัติ และ ส่วนปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมแผนการปฏิบัติงานในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานในปี 2552 ที่จะต้องปฏิบัติในการแก้หาภาคใต้ต่อไป

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงอยากเห็นการแก้ไขปัญหาเป็นเอกภาพ โดยเบื้องต้นทหารอาจจะมีการเสนอนายกรัฐมนตรี คือ ทหารจะรับผิดชอบในการดูแลงานการปฏิบัติรักษาความปลอดภัย ส่วนงานด้านกิจการพลเรือนจะให้ฝ่ายพลเรือนเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลงานหลักนิติธรรม กฎหมาย และดูแลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่ที่ผ่านมา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ที่ดูแล ทั้ง กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนล่วงหน้า (ศปก.ตร.) ก็ทำให้งานแก้ไขปัญหาราบรื่นดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.20 น. นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดภาคใต้ว่า กำชับนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัย และ 2 วันที่ผ่านมาได้เชิญผู้ช่วย ผบ.ตร. รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานรักษาดินแดนมาหารือถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รวมถึงชายแดนภาคใต้ ส่วนรูปแบบการแก้ไขปัญหาในอนาคตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำรูปแบบของศอ.บต.และสำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบ.ชต.) ที่ขณะนี้ได้เสนอร่างกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภาแล้ว มาบูรณาการกัน โดยเฉพาะปัญหาเชิงเทคนิค เช่น ข้าราชการของหน่วยงานดังกล่าวจะขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงมหาดไทยตามเดิม ซึ่งในวันที่ 9 มกราคมจะประชุมเพื่อหาข้อสรุป แต่เบื้องต้นคิดว่าเลขาธิการหน่วยงานใหม่จะต้องเป็นข้าราชการซี 10 ระดับรองปลัดกระทรวงมหาดไทยตามเดิม

หน่วยงานที่ตั้งใหม่จะต้องมีรัฐมนตรีจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานด้านความมั่นคงมานั่งทำงานอยู่ด้วย และยังอาจจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้อยู่ แต่ยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาในอนาคตจะต้องใช้การเมืองนำการทหาร นายถาวรกล่าว

ส่วนการก่อเหตุในพื้นที่ยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 02.30 น. เกิดเหตุยิงปะทะกันที่ฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4308 ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่2 บ้านจางา ต.ปะกาฮารัง จ.ปัตตานี ต่อมา พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังตำรวจ ทหาร พร้อมรถหุ้มเกราะ เข้าไปที่เกิดเหตุอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเส้นทางมีน้ำท่วม และเกรงคนร้ายจะซุ่มยิงระหว่างทาง เมื่อไปถึงพบทหรพรานกว่า 50 นายตรึงพื้นที่เกิดเหตุ ห่างจากฐานประมาณ 20 เมตร พบศพ อส.ทพ.อาทร สุขแก้ว อายุ 43 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม กระสุนเข้าศีรษะ 1 นัด และพบปลอกกระสุนปืนสงครามกว่า 20 ปลอก และร่องรอยคนร้ายในป่าด้านหลัง

สอบสวนทราบว่า ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งพักผ่อนภายในฐาน มีชุดเฝ้าเวรยามอยู่บริเวณด้านหน้าและด้านข้างอย่างเข้มงวด ปรากฏว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนพร้อมอาวุธสงครามลอบเข้ามาด้านหลังฐานซึ่งเป็นที่มืด จากนั้นยิงถล่มใส่เกิดการยิงปะทะกันประมาณ 10 นาที ระหว่างนั้นผู้ตายเห็นตัวคนร้ายที่กำลังถอยร่นหนีจึงวิ่งไล่ติดตามไป แต่ถูกคนร้ายยิงสวนจนเสียชีวิต เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่สร้างสถานการณ์ โดยใช้จังหวะที่เกิดน้ำท่วมมาก่อเหตุ

เวลา 11.30 น.ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.)นราธิวาส พล.ต.ต.สุระชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นราธิวาส แถลงข่าวว่าเวลา 05.30 น.ที่ผ่านมา สนธิกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง 600 นายปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายใน 13 อำเภอ ผลคุมตัวผู้ต้องหาได้ 8 คน แยกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา 3 คน ผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 คน และผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด 2 คน โดยสภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ คุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา คนสำคัญได้ 1 คน คือนายบูรฮา ลอแมง อายุ 32 ปี ข้อหาก่อการร้าย คดีร่วมกับพวกที่กำลังหลบหนีใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.อับดุลปาลิก สาและ ผบ.หมู่งานป้องกัน สภ.ปะลุกาสาเมาะ เสียชีวิตในตลาดนัดบ้านแบรอ หมู่ 4 ต.ปะลุกาสาเมาะ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ส่วน สภ.ตากใบ คุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีก่อเหตุความไม่สงบได้ 3 คน คือนายมัตกือตา อาแซ, นายอายาฮ่า อาแซ และนายศาลาวเด็ง เจ๊ะดือราแม จึงคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์พิทักษ์สันติ จ.ยะลา ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook