จับมือยิงอาร์พีจีวงจรปิดมัด

จับมือยิงอาร์พีจีวงจรปิดมัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แดงงัดกลยุทธ์จี้นายกฯผวาหวัด 2009 ติดม็อบ

แกนนำ นปช.เปิดเกมใหม่ งัดกลยุทธ์ตาต่อตาระดมแนวร่วมตั้งเต็นท์ประกบทหารทุกจุดแถมจัดคนไล่บี้อภิสิทธิ์ขอตามไปกดดันทุกหนแห่ง ขณะที่ตำรวจได้เบาะแส มือยิงจรวดอาร์พีจีป่วนเมืองกรุง เป็นชายฉกรรจ์ 2 คน ตัดผมรองทรง ใส่กางเกงแบบทหาร ทิ้งรถปิกอัพหนีไปหวุดหวิด ในรถมีทั้งปืนกล-ระเบิดเพียบ ส่วนประธานสภา อบจ. ยันไม่เกี่ยวข้อง หลังพบเสื้อยืดอยู่ในรถ ด้าน ศอ.รส. ยังไม่ฟันธงฝีมือใคร ชี้ตอนนี้แกนนำเสื้อแดงไร้เอกภาพ สั่งเพิ่มจุดตรวจทั่วกรุงเพิ่ม 141 จุด นายกฯ ลั่น พ.ร.บ. มั่นคง ไม่ได้ล้มเหลว เตรียมเสนอขยายไปถึง 31 มี.ค. นี้ รองผู้ว่าฯ กทม. หวังดีตรวจสอบจุดชุมนุม ผวา ไข้หวัด 2009 ระบาด อ้างมีนักข่าวติดเชื้อ แต่ยังไม่รู้จากที่ไหนแน่ ด้าน จตุพร โวยแหลก สงสัย เหตุบึ้มรัฐจัดฉาก คณะสงฆ์ขึ้นเวที วอนอย่าใช้สื่อรัฐบิดเบือนความจริง

ภายหลังจากแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แสดงพลังเดินสายรณรงค์ขับรัฐบาลให้ยุบสภายกขบวนแห่ไปตามท้องถนนใน กทม. และฝั่งธนบุรี ตั้งแต่เช้าวันที่ 20 มี.ค. การเดินสายแบบ ดาวฤกษ์ จบลงด้วยดีไม่มีปัญหาวุ่นวาย แต่พอตกค่ำได้เกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองถึง 3 จุดด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ที่ทำการป.ป.ช.แห่งใหม่ อยู่ที่ จ.นนทบุรี ตามมาด้วยหลังซอยแพร่งภูธร ถนนอัษฎางค์ เขต พระนคร อีกจุดเป็นระเบิดซีโฟร์ถูกนำไปวาง เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า โชคดีเก็บกู้ทันหวุดหวิด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

* คลี่ปมปิกอัพบึ้มถล่มกรุง

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ภายหลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดได้มีการสนธิกำลังตำรวจ-ทหาร ตั้งด่านสกัดหลายจุดทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะบริเวณจุดเกิดเหตุ จนทำให้ตำรวจสายตรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้ตรวจพบ รถปิกอัพ โตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร ถูกนำมาจอดไว้ในซอยแพร่งสรรพศาสตร์ ห่างจากกระทรวงกลาโหมไม่ไกลเท่าไรนัก ภายในรถที่พื้นด้าน แค็บ พบเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 1 กระบอก, อาวุธปืนกล ขนาด .45 พร้อมกระสุน 54 นัด และระเบิดสังหารแบบ เอ็ม 67 (ลูกเกลี้ยง) 3 ลูก ทั้งหมดพร้อมใช้งาน

นอกจากนี้ยังพบว่ากระจกด้านแค็บหลุดออกมาคล้ายถูกแรงอัดเพราะบริเวณผนังประตูด้านในมีรอยฉีกขาด ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ พฐ.กำลังเร่งตรวจสอบขยายผลหลักฐานทั้งอาวุธและทะเบียนรถยนต์ ส่วนคนร้ายคาดว่าฉวยโอกาสจอดรถหลบหนีเพราะรู้ว่ามีด่านตรวจจำนวนมากหลังเกิดระเบิด

* ปทีปนำทีมลุยตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ สน.สำราญ ราษฎร์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น., พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเหนิด ผกก.สน.สำราญ ราษฎร์ และ พ.ต.อ.วรชิต กาญจนะเสน ผกก. งานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดี รวมทั้งยังร่วมกันตรวจสอบข้อมูลของรถปิกอัพ เพื่อขยายผลติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้

* เล่นงานด้วย อาร์พีจี

พล.ต.อ.ปทีป เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสรุปเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่ของการดำเนินการหลังเกิดเหตุจนถึงเวลานี้ตอบได้ว่า ตำรวจได้ตีวงแคบเข้ามาพอสมควรแล้วแต่ยังให้ข่าวใด ๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากอาจไปกระทบกับ แนวทางการสืบสวนสอบสวน ส่วนรถยนต์ต้องสงสัยขณะนี้ตรวจสอบแล้วว่า ป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร นั้นเป็นของปลอม แต่เรากำลังตรวจเช็ก เลขเครื่องเพื่อหาตัวเจ้าของรถอยู่ สำหรับของกลางที่ตำรวจยึดได้ภายในรถคือเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 พร้อมปลอกกระสุนอาร์พีจี 7 ที่ยิงแล้ว, ปืนกลมือทอมสัน เอ็ม 3 จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 20 นัด และระเบิดมือเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยนั้น จากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียงแล้วไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยรายใด เข้าไปรับการรักษาตัว

* พุ่งเป้ายิงถล่มกลาโหม

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าว ต่อว่า เท่าที่ดูทิศทางการยิงเชื่อว่าคนร้าย พุ่งเป้าไปที่อาคารของกระทรวงกลาโหม อย่างแน่นอน แต่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดที่ทำการ ป.ป.ช. จ.นนทบุรี ในเวลาไล่เลี่ยกัน และเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ยังไม่ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ได้กำชับมาว่าให้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท. สัณฐาน ผบช.น.ควบคุมดูแลติดตามผลความคืบหน้าคดีนี้โดยเฉพาะ

ขอยืนยันว่า ทางตำรวจยังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยหลังจากคืนนี้ไปคงจะมีการเพิ่มกำลังตำรวจ-ทหาร และเทศกิจมาประจำจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น

* สงสัยมือลั่นไกไม่ชำนาญ

จากนั้น พล.ต.อ.ปทีป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้ฯ ได้ร่วมกันตรวจสอบรถปิกอัพของกลาง โดยมี พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้ฯ นำเอาเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 ซึ่งเป็นของกลางคดีเก่า แต่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ยึดได้ภายในรถมาจำลองสถานการณ์ หลังทดสอบมีการสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมี 2 คน ขับนำรถไปจอดริมฟุตปาธบริเวณด้านข้างร้านชุบพรชัย ในซอยแพร่งภูธร ในลักษณะหันหัวเข้าไปในซอย ก่อนที่คนนั่งข้างกันจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปที่ท้ายรถ ส่วนความเสียหายของประตูและกระจกฝั่งซ้ายน่าจะเกิดจากระหว่างยิงได้เปิดประตูเอาไว้แล้วไปนั่งยิงด้านท้ายรถ แรงอัดท้ายเครื่องยิงจรวดซึ่งมีความแรงถึง 30 เมตร จึงไป ปะทะประตูจนทำให้กระจกแตก นอกจากนี้คนร้ายน่าจะบาดเจ็บด้วยและกระสุนก็ยังพลาดเป้าไปติดสายไฟฟ้าปากซอยแพร่งภูธร ที่ระโยงระยางกันอยู่จำนวนมาก

* อาวุธเก่า 30 ปีไว้ยิงรถถัง

สำหรับเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 (R.P.G. 7-Rocket Portable Grenade 7) เป็นอาวุธที่ผลิตในสหภาพโซเวียต ใช้หัวจรวดพีจี 7 ยิงใส่เป้าหมาย โดยประเทศไทยมีประจำการในกองทัพทั้งในส่วนของทหารและตำรวจมานานกว่า 30 ปีแล้ว อาวุธชนิดนี้ส่วนใหญ่จะใช้ในการต่อต้านรถถังและ รถหุ้มเกราะ เนื่องจากอำนาจของหัวจรวด สามารถทะลุทะลวงเกราะเหล็กได้หนา 11-13 นิ้ว มีระยะหวังผลที่ 500 เมตร ไกลสุด 1,000 เมตร และมีรัศมีการทำลายล้างในระยะ 50 ตารางเมตรโดยรอบ หากใช้ยิงจากเครื่องยิงแล้วจะไม่มีแรงรีคอยล์หรือแรงสะท้อนต่อตัวผู้ยิงเนื่องจากจะมีแรงอัดออกจากทางด้านหลังเครื่องยิงไปไกลถึง 30 เมตรทำมุมสะท้อน 80 องศา ที่สำคัญหากยิงไปแล้วหัวจรวดไม่กระทบเป้าหมายก็จะสามารถทำลายตัวเองได้ที่ระยะ 920 เมตร โดยสะเก็ดระเบิดจะกระจายไปทั่วในรัศมี 30-50 เมตรโดยรอบเช่นกัน

* พบเสื้อยืดระบุชื่อปธ.อบจ.

ภายในรถปิกอัพ นอกจากคนร้ายจะทิ้งอาวุธไว้จำนวนมากแล้ว ยังพบเสื้อยืดสีแดง 2 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีฟ้า ด้านหลังเสื้อสกรีนชื่อของ ประธานสภาอบจ. ทางภาคอีสาน 1 ตัว ถุงยางอนามัยยังไม่ได้ใช้งาน 1 กล่อง กระดาษเช็ดก้นเด็ก 1 กล่อง น้ำดื่ม 1 ขวด และใบเสร็จรับเงินจากการซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาหาดใหญ่ อีก 1 ใบ นอกจากนี้ผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบชายต้องสงสัย 2 คน ไว้ผมรองทรง คนแรกสูงประมาณ 170-175 ซม.ไว้ผมรองทรงสั้น สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงแบบทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ ถือหมวกแก๊ป อีกคนสูงประมาณ 175-180 ซม. สวมเสื้อโปโลแขนสั้นลายขวาง สวมหมวกแก๊ปไม่ทราบสี กางเกงแบบทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ และสะพายกระเป๋า 1 ใบ ทั้ง 2 รายเดินออกจากจุดจอดรถในเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุ

* เจ้าของเสื้อโต้ไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ผลการตรวจสอบหมายเลขเครื่องและแชสซีของรถปิกอัพ พบว่าทะเบียนจริงอยู่ จ.สงขลา มีชื่อผู้หญิง ภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นผู้ครอบครอง โดยรถยังติดหนี้บริษัทไฟแนนซ์อยู่ และยังเปลี่ยนมือผู้ครอบครองมาถึง 4 ราย แล้ว อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสัมภาษณ์ ประธานสภา อบจ.ที่มีชื่ออยู่ในเสื้อยืดดังกล่าวยืนยัน ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะไม่ได้เคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับกลุ่มพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น ที่สำคัญเสื้อที่แจกชาวบ้านไปก็มีจำนวนมาก เป็น ส.จ.มา 4 สมัยนาน 10 ปีจึงไม่รู้แจกเสื้อใครไปบ้างจึงอยากจะขอความเป็นธรรมด้วย

* แฉแผนเร่งสถานการณ์

ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะกรรมการ ศอ.รส. จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอ.รส. แถลงว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ รายงานที่ประชุมถึงการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมในเขตพื้นที่ กทม. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด ประมาณ 65,000 คน สูงกว่าที่ประมาณการไว้ นอกจากนี้ ศอ.รส.ได้หารือถึงการพยายาม สร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายแห่ง โดยที่ประชุม ศอ.รส.วิเคราะห์ว่าคงเป็นความพยายามของผู้ที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นเพื่อเร่งเร้า

* ชี้แกนนำแดงไร้เอกภาพ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ศอ.รส. รู้สึกไม่สบายใจและกังวล เพราะเป็นที่ทราบกันว่าบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่มีความเป็นเอกภาพ แต่มีความคิดที่แตกต่าง โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำในปัจจุบันได้ชี้แจงและยอมรับต่อสังคมว่าไม่สามารถควบคุมการปฏิบัติของแกนนำอื่น ๆ ที่เคยอยู่ร่วมกันได้ และด้วยความไม่เป็นเอกภาพนี้ก็มีแนวโน้มซึ่งสามารถเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการสร้างสถานการณ์ระเบิดอาจจะมีส่วนเชื่อมโยงหรือมีความเกี่ยวข้องกับความไม่เป็นเอกภาพของแกนนำ อย่างไรก็ตาม ผอ.ศอ.รส.ได้กำชับผู้บังคับหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ กำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการตั้งจุดตรวจ สายตรวจให้เข้มข้นขึ้น

* ยังไม่ฟันธงฝีมือฝ่ายไหน

เมื่อถามว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ไม่เป็นเอกภาพมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ ตอบว่า ศอ.รส.ไม่ได้ฟันธงว่าเป็นใคร เพียงแต่เป็นกังวลและไม่สบายใจกับภาพที่เกิดขึ้นว่าความไม่เป็นเอกภาพเกิดขึ้นในบรรดา แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม ก็เกรงว่าตรงนี้ อาจมีโอกาสและเป็นไปได้ที่จะมีส่วนต่อเหตุ การณ์ครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามเต็มที่ในการป้องกัน ตำรวจก็ต้องสืบสวนสอบสวน เพราะในที่เกิดเหตุก็พบวัตถุพยานหลายอย่าง ทั้งอุปกรณ์อาวุธวัตถุระเบิดที่ยึดได้ ว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง มีเบาะแสเชื่อมโยงได้ขนาดไหน

* สั่งเพิ่มจุดตรวจ 141 จุด

ต่อข้อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่าอาจเป็นฝีมือฝ่ายของรัฐสร้างสถานการณ์ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นแนวทางที่กลุ่มผู้ชุมนุมชี้แจง แต่สิ่งที่เรายืนยันคือเจ้าหน้าที่ของรัฐพยายาม ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ แต่เป็นความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ในสถานที่ที่เป็นสัญ ลักษณ์ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ช.แห่งใหม่ กระทรวงกลาโหม เป็นต้น เมื่อถามอีกว่าการก่อเหตุครั้งนี้ถือเป็นความล้มเหลวของฝ่ายรัฐบาล ในการตั้งด่านหรือไม่ พ.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นล้มเหลว เพราะ พื้นที่ใน กทม.กว้างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามอย่างถึงที่สุด โดยจะมีการเพิ่มจุดตรวจจากเดิม 50 กว่าจุด มาเป็น 141 จุด แต่เราไม่ได้ปัดความรับผิดชอบจะดำเนินการให้รัดกุมมากกว่านี้

* พ.ร.บ.มั่นคงฯไม่ล้มเหลว

ด้านนายอภิสิทธิ์ นายกฯให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุระเบิดว่า มีความคืบหน้าระดับหนึ่ง สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว มีรายงานเบื้องต้นทราบว่าถูกตะปูที่กระเด็น แต่จะตรวจสอบอีกครั้งเพราะต้องมีการเยียวยาอยู่แล้ว ส่วนการที่แกนนำนปช.สงสัยว่าเหตุดังกล่าวอาจเป็นการสร้างสถนการณ์โดยฝ่ายรัฐบาลนั้น ตนขอถามว่ามีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะทำเช่นนั้น เมื่อถามต่อว่าเพราะเหตุนี้เกิดในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีทหารและตำรวจจำนวนมาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราประกาศเป็นพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะมันเป็นพื้นที่เสี่ยง

เมื่อถามว่าการข่าวของรัฐบอกล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุตรงไหนแล้วก็เกิดเหตุเป็นไปตามนั้น ทำไมจึงป้องกันไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่ละเอียดขนาดที่บอกละเอียดว่าเกิดที่จุดใดได้เสมอไป ทั้งนี้ เรามีการดูในพื้นที่ที่คิดว่าเป็นเป้าหมาย แต่ไม่ได้แม่นย้ำตามนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ตนไม่คิดว่าการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ล้มเหลว มิฉะนั้น ตอนนี้อาจจะเกิดเหตุวุ่นวายไปแล้ว

* ปธ.ป.ป.ช.ตรวจที่เกิดเหตุ

ขณะที่กรณีคนร้ายใช้ระเบิดชนิด เอ็ม 26 ขว้างเข้าไปภายในที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช. แห่งใหม่ บริเวณสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ล่าสุดนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. พร้อมด้วยเลขาธิการป.ป.ช.ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับตำรวจ ซึ่งสำนักงานแห่งใหม่นี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ย้ายมาทำงาน โดยอยู่ระหว่างการดำเนิน

การก่อสร้างเสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะย้ายเข้ามาทำงานประมาณเดือน พ.ค. ทั้งนี้นายปานเทพ กล่าวว่า กรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานที่สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนพิษณุโลก ตามปกติแม้ช่วงนี้จะมีความไม่สะดวกบ้างในเรื่องการเดินทางเข้า-ออก อย่างไรก็ดี ทุกคนจะระมัดระวังมากขึ้นไม่ประมาท

* ขอกำลังคุ้มกันเพิ่มเติม

ด้านนายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์เชื่อว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองมากกว่า แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ หลังจากนี้ป.ป.ช.จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยสำนักงาน ป.ป.ช. ทั้งที่ถนนพิษณุโลก และที่ จ.นนทบุรี โดยจะประสานขอกำลังตำรวจ-ทหารมาช่วยดูแลความปลอดภัยเพิ่ม แม้ที่ผ่านมาสำนักงานป.ป.ช. ได้เตรียมการเฝ้าระวังความปลอดภัยในส่วนของสถานที่ไว้อย่างดีแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

* ประณามบึ้ม รร.ป๋าเปรม

ส่วนกรณีมือมืดวางระเบิดป้ายโรง เรียนเปรมติณสูลานนท์ บ้านหนองกุงขี้ควง หมู่ 5 ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า พ.ต.อ.ไผ่พนา เพ็ชรเย็น ผกก.สภ.น้ำพอง ได้ส่งชุดสืบสวนออกหาข่าว เบื้องต้นหลังจากสอบพยาน 8 ใน 10 ปากให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีรถเก๋งสีดำไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับเวียนวนอยู่ในช่วงหัวค่ำและช่วงเที่ยงคืน ซึ่งชุดสืบสวนกำลังติดตามรถต้องสงสัยดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ขณะเดียว กันได้จัดชุดสายตรวจออกเข้มงวดกับจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่คาดว่าผู้ไม่ประสงค์ดีจะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาอีก อย่างเช่นโรงแยกก๊าซของ ปตท. และโรงไฟฟ้าน้ำพอง เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่โรงเรียนเกิดเหตุมีการนำป้ายพลาสติกมาปิดร่องรอยความเสียหายจากระเบิด ขณะที่คณะครูนักเรียนได้จัดทำป้ายประณามการกระทำของผู้ สร้างสถานการณ์ พร้อมวิงวอนผู้ที่คิดสร้างสถานการณ์อย่านำนักเรียนครูอาจารย์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย สำหรับกองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ พบว่าบริเวณหน้าค่ายประตูทางเข้า ได้มีการเข้มงวดตรวจรถเข้าออกทุกคัน พร้อมจัดให้มีการลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง และติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าค่ายฯ เพื่อตรวจจับและบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ

* ปชป.แฉส.ก.-ส.ข.ช่วยขนคน

ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความวิตกต่อการก่อ วินาศกรรม ในกทม.และต่างจังหวัด ขอให้รัฐบาลเร่งขยายผลโดยด่วนและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชน นอกจากนี้พรรคได้วิเคราะห์เหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีการใช้ฐานของนักการเมืองท้องถิ่น ทั้ง ส.ก. และ ส.ข. โดยได้มีการประชุมก่อนเพื่อระดมประชาชนจากชุมชนเพื่อสร้างภาพให้เกิดว่ามีการต้อนรับนำไปสู่การดึงกระแสในการชุมนุมจากชนบทให้มากยิ่งขึ้น

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยขึ้นเวที นปช. มองได้ว่า จะมีการนำเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 35 กลับมา โดยในวันนั้น ส.ส.ก็ไม่ร่วมประชุมสภา และมีมวลชนมาปิดล้อมสภาไม่ให้การประชุมสภาเดินไปได้ พล.อ.ชวลิต มีบทบาทสำคัญในวันนั้น โดยมีเครือข่ายนิยมความรุนแรงอยู่รอบตัวจำนวนมาก ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อ พล.อ. ชวลิต เปิดหน้าเคลื่อนไหว บ้านเมืองอาจวุ่นวายได้ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเทพและมาร

* เชื่อนักท่องเที่ยวคุ้นเคยม็อบ

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรองรับสถานการณ์หลังการชุมนุม เพราะเห็นว่าเป็นการชุมนุมปกติตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะมาตรการด้านท่องเที่ยวเพราะนักท่องเที่ยวคุ้นเคยกับการชุมนุมอยู่แล้ว และมีสถานที่อื่นในประเทศไทยที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแทนได้ แม้ว่าจากรายงานล่าสุดจะมีผลกระทบบ้างที่ทำให้นักท่องเที่ยวหยุดชะงักไปก็ตาม แต่ตนมั่นใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจนเกินไป เพราะนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจเดินทางมาท่องเที่ยวจริง จะใช้วิธีการเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากเดิมที่เข้ามาทางกรุงเทพฯ โดยตรง จะเปลี่ยนไปลงที่จังหวัดอื่นแทน

* ยะใสจวกนปช.รุนแรง

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) ได้ออกแถลง การณ์ในนามศูนย์ติดตามและประเมินสถาน การณ์การชุมนุม หรือวอร์รูมของ กมม. ว่า ไม่เห็นด้วยกับ นปช. ที่ประกาศไล่คุกคามและต่อต้านการประชุม ครม.และการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ เพราะไม่ใช่แนวทางสันติวิธี และจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงและความตึงเครียดมากขึ้น ในช่วงพันธมิตรฯ ชุมนุมไม่เคยประกาศแนวทางไล่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของน ายกฯ และต่อต้านขัดขวางการประชุม ครม. หรือบุกรุกคุกคามบ้านพักส่วนตัวของนักการเมืองโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี

* จี้สอบสุเทพปูดข่าวดักฟัง

ที่พรรคเพื่อไทย นายวรพล พรหมิก บุตร อาจารย์ประจำคณะวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิ การการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบทางรัฐสภาต่อนายสุเทพ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กรณีให้สัมภาษณ์ กล่าวอ้างว่าได้รับ ข้อมูลหน่วยข่าวกรองจากซีไอเอของสหรัฐอเมริกา จากการดักฟังโทรศัพท์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการก่อวินาศกรรมในประเทศไทยระหว่างที่มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. ถ้านายสุเทพ ได้รับข้อมูลจริงก็ต้องเปิดเผยว่าใช้อำนาจตามกฎมายหรือระเบียบใด แต่ถ้าโกหกต้องถูกถอดถอนและเลิกเล่นการเมือง

* ตู่โวยรัฐสร้างสถานการณ์

ด้านความเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดง ในช่วงเช้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แถลงว่าปรากฏการณ์ที่คนเสื้อแดงออกรณรงค์ออกเคลื่อนขบวนทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 58 กม. ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับจากคนกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คำว่าฟีเวอร์ทางการเมืองก็ไม่ได้รับการตอบรับเท่าครั้งนี้ เป็นผลมาจากที่รัฐบาลนี้ทำงานแบบสองมาตรฐาน และรัฐบาลใช้สื่อของรัฐหลอกลวงประชาชน รวมทั้งคนกรุงเทพฯ ยอมรับแนวทางทางสันติอหิงสาของคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางคืนวันที่ 20 มี.ค. ได้เกิดระเบิดที่ใกล้กระทรวงกลาโหม และหน้าที่ตั้งของ ป.ป.ช. แห่งใหม่ที่สนามบินน้ำ ขอให้เข้าใจว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลที่สร้างสถานการณ์ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมผู้กระทำผิด เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ คนกรุงเทพฯ รับไม่ได้

* ชวนติดสติกเกอร์ยุบสภา

นายจตุพร กล่าวอีกว่า คนเสื้อแดง จะรณรงค์ให้ประชาชนทำสติกเกอร์ ให้รัฐบาล ยุบสภา เพื่อนำไปติดหน้ารถให้เป็นปรากฏการณ์ ดอกไม้หลากสี ให้เกิดเป็นกระแสสังคมกดดันรัฐบาลให้ยุบสภาให้ได้ ทั้งนี้จุดยืนของคนเสื้อแดง จะเปิดโอกาสให้นายอภิสิทธิ์ เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล แต่คนเสื้อแดงก็มีสิทธิ ที่จะเดินทางไปบอกให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภา แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ เป็นคนเลือกเองว่าจะไม่เข้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งที่ประตูทำเนียบเปิดอยู่ตลอดเวลา

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวว่า การเคลื่อนขบวนของคนเสื้อแดงเมื่อวานนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนเสื้อแดงสามารถปักหลักชุมนุมได้เป็นปี เพราะช่วงเวลากลางวันจะมีคนจากต่างจังหวัดมาสับเปลี่ยนกันทุก ๆ 3 วัน ส่วนเวลากลางคืนนั้นจะมีคนจากกรุงเทพฯ มาร่วมสมทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการชุมนุมแบบสันติ ทำให้การประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงของรัฐบาลไร้ความหมาย เพราะเราชุมนุมกันอย่างสันติ

* ขยับพื้นที่คืนงานกาชาด

ช่วงสาย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เข้าเจรจากับนายจตุพร แกนนำนปช. ด้านหลังเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อขอเปิดเส้นทางการชุมนุมบริเวณลาน พระบรมรูป เพื่อให้เริ่มการก่อสร้างซุ้มงาน กาชาด ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย. ซึ่งการเจรจาเป็นไปด้วยดี โดยนายจตุพร ระบุว่าผู้ชุมนุมจะเคลื่อนย้ายออกจากลานพระบรมรูปฯและถนนอู่ทอง ไปอยู่บริเวณถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาลยาวไปถึงสะพานนางเลิ้ง แต่จะไม่ปิดเส้นทางการจราจร โดยจะอยู่ 2 ฝั่งของถนน เชื่อว่าจะไม่กระทบกับประชาชนที่สัญจรทั่วไปและขบวนเสด็จฯ รวมทั้งจะย้ายมาชุมนุมอยู่ที่ข้างกระทรวงศึกษาธิการบริเวณเลียบคลองผดุงกรุงเกษมถึงแยกประชาเกษม โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

* ตรวจเข้มรถยนต์-อาวุธ

ที่ บช.น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุม นปช.ซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ว่าการเคลื่อนตัวไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วกทม. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ตร.สันติบาลรายงานมายังศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า บช.น. ว่า มีรถจยย. ไม่ต่ำกว่า 25,000 คัน รถยนต์ 2,000 คัน มีผู้ชุมนุมเข้าร่วม 6-7 หมื่นคน จากนั้นได้กลับเข้ามาฟังการปราศรัยที่ถนนราชดำเนิน ก่อนจะแยกกันกลับในเวลาประมาณเที่ยงคืน ตอนเช้าเหลือประมาณหมื่นกว่าคน นอกจากนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ผบช.น. มีคำสั่งปฏิบัติการเร่งด่วนที่สุดถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เน้นตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยอาวุธเพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม พร้อมได้เน้นย้ำว่า ตำรวจหน่วยอื่นที่ไม่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมห้ามพาอาวุธเข้าไปในสถานที่ชุมนุมใหญ่อย่างเด็ดขาด

* ทหารราบ 11 สำรวจชุมชน

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า ที่บริเวณหน้าร้านอาหารสวนบัว ฝั่งตรงข้ามกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ถนนพหลโยธิน พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ร.11 รอ. ได้เป็นประธานปล่อยแถวคณะเจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยงาน ลงพื้นที่พบประชาชนตามชุมชนใกล้กับ ร.11 รอ. ได้แก่ 1.ชุมชน บางบัว 2.ชุมชนสุขสันต์พัฒนา 3.ชุมชนรุ่นใหม่พัฒนา 4.ชุมชนร้อยกรอง 5.ชุมชนร่วมใจพัฒนาและชุมชนวรวีพัฒนา เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการช่วยสอดส่องความผิดปกติต่าง ๆ และสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับผลจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่มีการตั้งจุดตรวจ ทั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการเมือง

ขณะเดียวกัน ได้มีนายจำรัส อินทุมาร ประธานสมาพันธ์ชุมชนแห่งประเทศไทย ได้นำสมาชิกสมาพันธ์ฯประมาณ 70-100 คน สวมเสื้อสีขาวมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกฯขอให้ช่วยสะสางปัญหาหนี้สินนอกระบบอย่างครบวงจร นายปณิธาน รองเลขา ธิการนายกฯ ออกมารับหนังสือร้องเรียน

* ฉีดพ่นละอองน้ำคลายร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงช่วงบ่าย ยังคงมีการปราศรัยสลับการแสดงดนตรีอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมาก จนในช่วงบุ่่มผู้ชุมนุมก็ได้หลบไปอยู่กันตามร่มใต้ต้นไม้ อย่างไรก็ดีได้มีการนำน้ำใส่รถปิกอัพมาฉีดขึ้นบนอากาศให้เป็นละอองน้ำเพื่อคลายความร้อนให้แก่ผู้ชุมนุม ส่วนบริเวณด้านหลังเวทีที่ป้อมพระกาฬ นายวิสา คัญทัพ นักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ พร้อมด้วยเพื่อนศิลปินร่วมกันนำเลือดที่เหลือมาเขียนบทกวีและวาดภาพลงบนผืนผ้าใบ โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนมาร่วมทำกิจกรรมลงชื่อด้วย เตรียมนำผ้าไปขึงไว้บนรอบป้อมพระกาฬเพื่อให้คนทั่วไปได้เห็น

* กทม.ตรวจไข้หวัด 2009

ต่อมาได้มี พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากสำนักอนามัยและสำนักการ แพทย์ กทม. จำนวน 6 จุด รอบพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ภายหลังได้รับรายงานว่ามีผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พญ.มาลินี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับทราบผลการตรวจโรคพบว่า มีผู้สื่อข่าวป่วยเป็นไข้หวัด 2009 แต่ขณะนี้ได้รับการรักษาจนหายปลอดภัยแล้ว ทาง กทม. กำลังสืบสวนโรคว่ามีการติดเชื้อมาจากที่ใด เนื่องจากผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามทำข่าวหลายที่จึงยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าติดเชื้อมาจากที่ใดแน่ กทม. จะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีเปอร์ เซ็นต์ของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่า 1 รายจึงจะเป็นที่ชัดเจนว่ามีการติดเชื้อจากพื้นที่ชุมนุม แต่เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่พบว่าในสถานที่ชุมนุมมีการแพร่เชื้อ

แต่หากพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า เชื้อมีการแพร่ระบาดในพื้นที่ชุมนุม ทาง กทม. ก็จะดำเนินการตามมาตรการป้องกัน รวมทั้งให้ผู้ชุมนุมมีการใช้หน้ากากอนามัย เราจะไม่ประสานไปยังแกนนำผู้ชุมนุม เพราะ กทม. อาจถูกกล่าวหาว่าปล่อยข่าว

* นพ.เหวงโต้ไม่มีใครติดเชื้อ

ขณะที่ นพ.เหวง ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ชุมนุมป่วยเป็นโรคไข้หวัด 2009 และเรายินดีที่ทาง กทม.จะเข้ามาสุ่มตรวจโรคในพื้นที่ชุมนุม แต่ขอให้ประสานงานเข้ามาที่แกนนำก่อน อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้มีอาการเพลียแดดและป่วยเป็นโรคท้องร่วง ถ้ามีผู้ชุมนุมคนใดป่วยและมีอาการหนัก เราก็จะส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่า มีผู้ชุมนุมป่วยเป็นโรคไข้หวัด 2009 เราคงยังไม่มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ชุมนุมเพราะจะทำให้ผู้ชุมนุมตื่นตระหนก

* พระสงฆ์จี้รัฐยุติใช้สื่อคุกคาม

ต่อมาเวลา 15.30 น. พระสงฆ์กลุ่มพระสังฆสามัคคี จำนวน 30 รูป ได้ขึ้นเวทีปราศรัย นปช. เป็นครั้งที่ 5 แถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยุติการใช้สื่อของรัฐสร้างความแตกแยกในสังคม โดยระบุว่า ในช่วงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของประชาชนที่ ถนนราชดำเนิน ปรากฏชัดเจนว่า รัฐบาลให้ใช้สื่อของรัฐ และวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ นำเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกในสังคม ซึ่งตรงข้ามกับถ้อยแถลงของรัฐบาลที่อ้าง ต้องการให้สังคมสงบและ สันติ เหมือนต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทย คณะสงฆ์จึงขอบิณฑบาตให้รัฐบาลยุติการกระทำดังกล่าว นอกจากนี้ องค์กรอุบาสกอุบาสิกาชาวพุทธแห่งประเทศไทย ยังได้ร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลคืนอำนาจให้แก่ประชาชน โดยการยุบสภาเพื่อนำประเทศชาติกลับคืนสู่ภาวะปกติ

* จ่อขยายพรบ.มั่นคง31มี.ค.

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม ศอ.รส. มีการเตรียมเสนอขยายเวลาในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ออกเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่วันที่ 24-31 มี.ค. และอีกช่วงคือ ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.-7 เม.ย. โดยทาง กอ.รมน. ได้เสนอว่าควรขยายเวลา ไปจนถึงวันที่ 7 เม.ย. และควรลดพื้นที่ เหลือเพียง 2 จังหวัด คือ จ.สมุทรปรา การ และ จ.นนทบุรี เท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการหารือ ระหว่างนายกฯ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เห็นว่าเนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินในเรื่องระยะเวลาการ ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงได้อย่างชัดเจน หากขยายระยะเวลาการใช้กฎหมายความมั่นคงนานเกินไป อาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นเห็นควรว่าควรจะขยายการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ออกจะไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. แค่นี้ก่อน หากมีความจำเป็นต้องขยายเวลาเพิ่มเติมก็ค่อยนำมาให้ที่ประชุมครม.พิจารณาอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนสถานที่ประชุม ครม.ในวันที่ 23 มี.ค. นั้น เบื้องต้นได้จัดเตรียมไว้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook