อภิสิทธิ์ยํ้าไทยทำตามมติยูเอ็น

อภิสิทธิ์ยํ้าไทยทำตามมติยูเอ็น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เล็งใช้ประโยชน์ขีปนาวุธที่ยึดได้

ไม่หวั่นไทยตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย อภิสิทธิ์ ยันไม่คิดเอาไทยเข้าไปเสี่ยง ย้ำทำหน้าที่สมาชิกยูเอ็น เผยยังไม่ชี้ชัดว่าอาวุธเป็นของชาติใด อาจไม่ทำลายทั้งหมด เพราะบางส่วนใช้ประโยชน์ได้ สุเทพ เผยอีก 2-3 วันรู้รายละเอียดเรื่องเครื่องบินที่ขนอาวุธสงครามร้ายแรงผ่านไทย ย้ำต้องแจ้ง ยูเอ็น ให้ทราบเพราะเป็นผู้ออกมติให้ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการกับประเทศที่ค้าอาวุธ ที่ไม่ถูกกฎหมาย ระบุทำตามกฎเกณฑ์กติกา ทั้งกฎระหว่างประเทศ ยันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนของเรา ด้าน กองปราบฯ เร่งสืบสวนหาความเชื่อมโยงกับ วิคเตอร์ บูธ นักค้าอาวุธสงคราม ขณะที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยัน 5 นักค้าอาวุธ และวิกเตอร์ บูธ ไม่มีโอกาสได้เจอกันในคุกแน่ กำลังตรวจสอบว่าทั้งหมดมีส่วนเชื่อมโยงกันในขบวนการค้าอาวุธหรือไม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 16 ธ.ค. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง ทั้งนี้คาดว่าอาจเป็นการรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ของไทยจับกุมเครื่องบินขนอาวุธสงคราม 30-40 ตัน มูลค่าเกือบ 600 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 5 คน ผ่านเข้ามาในประเทศไทย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินหน้าตรวจสอบอาวุธ คาดว่าคงได้รับรายงานที่ สมบูรณ์ภายใน 2-3 วัน จากนั้นรัฐบาลต้องรายงานให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับทราบ เนื่องจากเป็นผู้ออกมติให้ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการกับประเทศที่ค้าอาวุธที่ไม่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อถามว่าอาวุธที่จับกุมได้นั้น ยืนยันหรือไม่ว่ามาจากเกาหลีเหนือ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่อธิบายให้ฟังว่า มติของสหประชาชาติมีมติว่าการค้าขายอาวุธกับเกาหลีเหนือประเทศที่ตรวจพบ จะต้องปฏิบัติอย่างไรเท่านั้น

ต่อข้อถามว่ามีข่าวว่า เราพยายามประสานเครื่องไม่ให้เขาบินผ่านบ้านเรา ถึงขนาดเราเอาเครื่องเอฟ 16 เข้าไปประกบ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาอีกแล้ว ตนบอกไปแล้วว่าไม่ใช่ เรื่องนั้นมันนิยายเก่า อย่าเอามาผสมกัน ขอเรียนว่าตอนที่ได้ข่าว เราก็หลีกเลี่ยงปัญหา เพราะกรณีอย่างนี้เกี่ยวพันหลายประเทศ ซึ่งไม่อยากให้มีปัญหากับประเทศเรา แต่กฎเกณฑ์การใช้น่านฟ้าบินผ่านมีข้อบังคับอยู่ ตราบใดที่เขายังไม่ได้ทำผิดกฎหมายต้องให้เขาบินผ่าน กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันที่เมื่อรับแจ้งเราอยากให้เขาบินไปทางอื่น ไม่อยากให้มาแวะบ้านเรา แต่เมื่อ เขาบอกมาแวะเติมน้ำมันจึงต้องยอม เพราะเป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับนักค้าอาวุธชาวรัสเซียหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ คนละอย่าง เมื่อถามว่าการที่เขามาขอแวะเติมน้ำมัน เป็นไปได้หรือไม่ที่คนของเราให้การรับรอง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวกับคนประเทศของเรา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคงเสนอเป็นการชักศึกเข้าบ้าน นายสุเทพ กล่าววคิดกันแล้ว แต่ว่าขอให้ตนได้ชัดเจนก่อน และจะเรียนให้ทราบว่าคิดอะไรอย่างไร และเราพยายามจะไม่ให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมือง เราทำตรงไปตรงมา ทำเปิดเผยและแถลงให้เขาทราบว่า เป็นภาระหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเพราะความชอบใครหรือไม่ชอบใครหรือเข้าข้างข้างหนึ่งข้างใด

ที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมผลการปฏิบัติงานประจำปี 2552 ของกอง อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณา จักร (กอ.รมน.) ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบอาวุธที่ถูกจับกุมได้บนเครื่องบินต่างชาติว่า เป็นการทำงานของหน่วยงานที่เป็นเครือข่ายหลายประเทศ ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง และไทยก็ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องดำเนินการและเป็นการกระทำที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเราเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิจารณ์และเป็นห่วงว่าไทยอาจตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว เคยเกิดขึ้นในหลายที่ และเราไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความขัดแย้ง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามมติของยูเอ็น ทุกประเทศ ที่เกี่ยวข้องเข้าใจดี เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนคือไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นคงต้องมีการประสานงานกับยูเอ็นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเรามีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว ขณะนี้ค่าใช้จ่ายหลักคือค่าขนส่ง สำหรับอาวุธนั้นคงมีการทำลายน้อยมาก และอาวุธบางส่วนที่ยึดมาได้อาจจะนำมาใช้ ประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่าอาวุธนี้เป็นของประเทศใด

ต่อข้อถามว่า มีการรายงานว่าการปฏิบัติการครั้งนี้เกี่ยวข้องกับนายวิคเตอร์ บูท นายหน้าค้าอาวุธชาวรัสเซียที่เคยถูกจับกุมก่อนหน้านี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน และเท่าที่ดูมายังไม่มีอะไรเชื่อมโยงถึงกัน ขณะนี้มีความพยายามทำให้เรื่องนี้ถูกขยายวงออกไป แต่สิ่งที่เราทำคือมุ่งสกัดกั้นไม่ให้อาวุธเหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือมีการค้าขาย สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนนั้นต้องว่าไปตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายไทยที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่

ที่ บก.ป. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ป.ร่วมกับทหาร และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบอาวุธสงครามของกลางทั้งหมดที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 กองทัพอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า อาวุธสงครามทั้งหมดที่ยึดมาได้นั้น เป็นเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER1985 (M1985) 2 ชุด ชุดละ 12 ท่อ รวม 24 ท่อ หัวจรวด แท่นเหล็กไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด และเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี โดยทั้งหมดมี การแยกส่วนประกอบเก็บไว้ในลังไม้ กล่องเหล็กขนาดต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 145 กล่อง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงแหล่งผลิต และประเทศปลายทางที่มีการติดต่อซื้อขายอาวุธสงครามดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ารตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาวุธสงครามที่บรรจุอยู่ในกล่องจะมีหมายเลขกำกับสินค้า หรือซีเรียลนัมเบอร์ ที่เรียงติดกัน ซึ่งมี 1 หมายเลขที่สูญหายไป จึงต้องตรวจสอบต่อไปอีกว่า มีการนำสินค้าในหมายเลขดังกล่าวไปส่งให้กับใครก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับเครื่องบินที่ถูกใช้ในการลำเลียงอาวุธสงครามดังกล่าวนั้นก็มีข้อสังเกตว่าเหตุใดเครื่องบินลำนี้จึงไม่มีตราสัญลักษณ์ หมายเลขหรือเครื่องหมายใด ๆ ที่พอจะบ่งบอกว่าเป็นเครื่องบินบริษัทใด ซึ่งการนำเครื่องบินมาลงจอด จึงต้องตรวจสอบว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎการบินหรือไม่ เครื่องบินนี้ลงมาจอดได้อย่างไร ด้วยเหตุใด มีเจ้าหน้าที่รายใดเกี่ยวข้องหรือไม่ และเป็นไปได้ว่ามีการใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ติดต่อซื้อขาย และขอดูสินค้ากันหรือไม่

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมีข่าวว่า อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับ นายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท เจ้าของฉายาพ่อค้าแห่งความตายชาวรัสเซีย ที่กองปราบฯ จับกุมตัวได้ ทางพนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอทราบที่คุมขัง และตรวจสอบข้อมูลประวัติของนายวิคเตอร์ นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลประวัติการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยของกลุ่มผู้ต้องหา ทั้ง 5 และตรวจสอบว่ามีรายใดเคยติดต่อสัมพันธ์กับนายวิคเตอร์หรือไม่

นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง 5 นักค้าอาวุธสงคราม ที่ถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าทั้ง 5 คน อาจมีความเชื่อมโยงกับ นายวิคเตอร์ บูท นักค้าอาวุธรายใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเช่นเดียวกันว่า ในส่วนกรมราชทัณฑ์ ยังไม่ได้มีการสั่งการใด ๆ เป็นพิเศษ หลังเกิดกระแสดังกล่าว เนื่องจากการดูแลผู้ถูกคุมขังนั้น มีมาตรฐานดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะ นายวิคเตอร์ บูท ที่ถูกคุมขังอยู่ในแดน 8 หรือแดนความมั่นคงสูง ในขณะที่อีก 5 ผู้ต้องขังนักค้าอาวุธ ก็ถูกจับแยกแดนขังตั้งแต่วันแรก ถือเป็นมาตรการที่เรือนจำเตรียมการป้องกันไว้ดีแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีโอกาสที่ทั้งหมดจะได้เจอกันแน่นอน ทั้งนี้ย้ำว่าการดูแลขณะนี้ เป็นไปอย่างเข้มงวดแน่นอน

นายวิคเตอร์ บูท ถือเป็นผู้ต้องขังรายสำคัญ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็น ผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมา นายวิคเตอร์ บูท ก็อยู่ในเรือนจำปกติเหมือนผู้ต้องขัง ทั่วไป ไม่ได้มีการรายงานว่ามีการเคลื่อนไหว ใด ๆ ผิดปกติ ส่วนความเป็นอยู่ของ 5ผู้ต้องขังค้าอาวุธ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในเรือนจำ ก็ไม่ได้ร้องขอสิ่งใดเพิ่มเติมจากที่จัดไว้ให้ ผู้ต้องขังทั่วไป.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook