คนไทยจากยูเครนกลุ่มที่ 2 ถึงไทยเพิ่ม 58 คน ขณะที่ กลุ่มแรกตรวจโควิดเป็นบวก 3 ราย

นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวภายหลังจากให้การต้อนรับ คนไทยชุดที่สอง ที่เดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 384 ออกจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์มาถึงประเทศไทย เวลา 12.05 น. ว่า หลังจากนี้จะมีการให้คนไทยทั้งหมดไปกักตัวและรอฟังผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่สถาบันบำราศนราดูร ฃายใน 24 ชั่วโมง หากพบว่าไม่ติดเชื้อสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมได้ และต้องมีการตรวจแบบ ATK ซ้ำภายใน 5 วันด้วยตนเอง หากผลออกมาเป็นบวกจะมีการดูแลรักษาต่อ ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

พร้อมยืนยันว่าผู้โดยสารในกลุ่มที่ 2 ปลอดภัยจากเชื้อ โควิด-19 ทั้งหมด ซึ่งทุกคนมีอาการเป็นปกติ และไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไปที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามหากผลตรวจ RT-PCR ออกแล้วสามารถเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกับสถานทูตที่ยูเครนพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ โควิด-19 ไม่ได้น่าเป็นห่วงและไม่มีความเสี่ยงระดับรุนแรง ทำให้การรับคนไทยกลับมาเสมือนประชาชนทั่วไปที่กลับจากต่างประเทศ

สำหรับบรรยากาศของประชาชนที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยมีสีหน้าที่ดีใจอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับยิ้มแย้มและกล่าวขอบคุณทางการไทยที่ดูแลอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับมาเป็นอย่างดี และยังไม่การเปิดเผยถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่ประเทศยูเครนว่า เป็นสงครามที่ดุเดือดมาก การเดินทางก็ไม่สามารถทำได้แล้ว และยังมีคนไทยที่ยังตกค้างอยู่จึงอยากให้ทางการไทยช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศยูเครน ซึ่งกำลังมีสถานการณ์สู้รบ โดยให้เข้ารับการดูแลที่ศูนย์กักตัว (Quarantine Center) สถาบันบำราศนราดูร

นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายและข้อสั่งการให้ช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศยูเครนกลับสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด ซึ่งทราบมาว่า มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในยูเครน 139 คน ชุดแรกเดินทางกลับมาถึงแล้ว 38 คน และช่วงบ่ายจะมาอีก 58 คน รวม 96 คน ส่วนที่เหลือจะทยอยเดินทางกลับมาครบภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งเป็นการเดินทางกลับในสถานการณ์เร่งด่วน จึงไม่สามารถลงทะเบียน Thailand Pass หรือเข้าระบบ Test &Go ได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดศูนย์กักตัวที่สถาบันบำราศนราดูรให้การดูแล โดยตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR พบเชื้อเพียง 3 คน เป็นกลุ่มสีเขียว คือ ไม่มีอาการ ได้ให้การดูแลรักษาตามแนวทางของกรมการแพทย์ต่อไป

สำหรับแรงงานที่ไม่ติดเชื้อจะให้กักตัวเฝ้าระวังอาการตามแนวทาง 7+3 โดยมีการตรวจ ATK ในวันที่ 5 หากผลเป็นลบ เมื่อครบวันที่ 7 สามารถเลือกที่จะอยู่สังเกตอาการต่อ หรือเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วเฝ้าระวังสังเกตอาการที่บ้านอีก 3 วันได้ และระหว่างกักตัวหากมีอาการป่วยสามารถแจ้งได้ทันทีผ่านระบบหมอชนะ นอกจากนี้ จากการสอบถามแรงงานไทยในยูเครนได้รับวัคซีนโควิด 19 มาแล้ว 2 เข็ม ดังนั้น ก่อนกลับภูมิลำเนาจะมีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ด้วยเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อกลับถึงภูมิลำเนา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงแรงงานติดตามดูแลช่วยเหลือต่อเนื่อง สำหรับเรื่องสภาพจิตใจ จากการสอบถามทุกคนมีขวัญกำลังใจดีและดีใจที่ได้กลับมาเมืองไทย