จ่อหมายจับแกนนำรักเชียงใหม่ขู่ฆ่านายกฯทางวิทยุ

จ่อหมายจับแกนนำรักเชียงใหม่ขู่ฆ่านายกฯทางวิทยุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มาร์คไปแน่ติงวุ่นก็ไม่ช่วยอะไรแดงเตรียมดาวกระจายทั่วกทม.

กลุ่มเสื้อแดงเผยแผนชุมนุมใหญ่ท้าทายอำนาจรัฐ แบ่งกำลังกันดาวกระจายเดินสายในถนนเส้นหลัก ๆ 2-3 หมื่นคนทั่วกรุงเทพฯ ถามรัฐบาลจะจัดการปัญหาอย่างไร แต่ไม่ปิดกั้นเส้นทาง นายกฯ และรัฐมนตรีเข้าทำงาน ยืนยันไม่กลัวคุก คุยมีคนเป็นล้านจะขังยังไง ส่วน สุเทพ ยอมรับยังไม่มีข่าวเขมรส่งอาวุธให้กลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมขู่ดำเนินคดี นายจ้าง-คนต่างด้าว เข้ามามั่วชุมนุมม็อบเสื้อแดง หวังป่วนสถานการณ์ ขณะที่ ตำรวจเชียงใหม่ เตรียมขออนุมัติหมายจับ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ขู่ฆ่าผู้นำประเทศ ผ่านทางวิทยุชุมชน รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ คาดน่าจะเป็นวันจันทร์ เผยได้หมายเมื่อไรจับทันที ด้าน อภิสิทธิ์ ยืนยันกำหนดการไปเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้ ไม่เปลี่ยนแปลง ระบุหากเกิดปัญหาความวุ่นวายไม่ได้ช่วยอะไร คนที่จะเดือดร้อนคือ คนเชียงใหม่ ชมคนเมืองเลย เป็นแบบอย่างความสมานฉันท์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปเยือนรัฐกาตาร์ เป็นการเดินทางครั้งแรกไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง หวังว่าจะเพิ่มพูนการค้าการลงทุนได้ และในช่วงสุดสัปดาห์หน้าตนก็มีกำหนดการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมประจำปีของสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น

* อภิสิทธิ์ ยกตัวอย่างที่ จ.เลย

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่ตนจะเดินทางไป ก็มีข่าวคราวต่าง ๆ เกิดขึ้น จึงอยากเรียนว่าขณะนี้มีตัวอย่างของจังหวัดที่ได้ทำงานกันอย่างดี มีการประสานงานกันระหว่างนักการเมืองทุกฝ่าย รวมทั้งท้องถิ่น คือ จ.เลย ซึ่งเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า จะเป็นแบบอย่างของความ สมานฉันท์ และเปิดโอกาสให้รัฐบาล หรือรัฐมนตรีไปทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะจะเป็นการช่วยพัฒนาศักยภาพของจังหวัดและประเทศ ส่วนความแตกต่างทางการเมือง ก็แสดงออกอยู่ในกรอบของระบบรัฐสภา และกฎหมาย ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร

ดังนั้นการที่ภาคเอกชนไปจัดงาน ที่ จ.เชียงใหม่ ผมก็หวังจะเห็นการสมาน ฉันท์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ผมตั้งใจไปร่วมงาน นี้และก็มั่นใจว่าพี่น้องชาวเชียงใหม่เกือบ ทั้งหมดต้องการที่จะลบภาพลักษณ์ของ จ.เชียงใหม่ที่มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากปัญหาในทางการเมือง ดังนั้นอยากจะให้ช่วยกันในการที่จะบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยของเราจะต้องเดินหน้าไป เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นมา และยังมีหลายปัญหาของประชาชนที่รอการแก้ไข นายอภิสิทธิ์ กล่าว

* ยันกำหนดการไปเชียงใหม่

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดการเดินทางไปราชการที่ จ.เชียง ใหม่ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ว่า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและที่ผ่านมาได้ไปหลายพื้นที่ ก็เรียบร้อยดี ไม่ได้เป็นอย่างที่หนังสือพิมพ์ บางฉบับนำไปพาดหัว แต่ที่เชียงใหม่เนื่องจากมีการไปประกาศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็อาจจะต้องเข้มงวดกวดขันมากขึ้น ซึ่งความจริงกลุ่มคนที่กล่าวออกอากาศเป็นกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องอยู่กับคดีอื่น ๆ และเป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องไปดำเนินการ เมื่อถามว่า ในพื้นที่เชียงใหม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงหรือไม่ เพราะตรงกับช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศเคลื่อนไหว ทั่วประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเสนอเรื่องนี้ แต่ในวันอังคารนี้ ครม.ต้องพิจารณาในภาพรวมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเสนอเข้ามาว่าจะมีการเสนอที่ไหนอย่างไรหรือไม่

* หากวุ่นวายไม่ได้ช่วยอะไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนอยากจะเชิญชวนทุกฝ่ายให้โอกาสกับจังหวัดเชียงใหม่ และประเทศไทย ที่จะสร้างความเชื่อมั่นตรงนี้ การที่จะทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้ช่วยอะไรใครเลยคนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือ คนเชียงใหม่ ใครที่คิดว่าจะไปทำอะไรต้องทบทวนอย่าให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าจะไปแสดงออกเฉย ๆ ก็ไปได้ ซึ่งเป็นของเรื่องสิทธิเสรีภาพก็ดำเนินการได้ เมื่อถามว่า มีการปลุกระดมประชาชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือให้ไปชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อฌาปนกิจนายกฯนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเราพูดถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยไม่มีนักประชาธิปไตยที่ไหนจะใช้วิธีการแบบนี้ จะเป็นเรื่องที่เสียหายกับทุกฝ่ายเอง เวลานี้ต้องเข้าใจว่า คนที่เคลื่อนไหวในลักษณะนี้เป็นคนกลุ่มหนึ่ง และมีเป้าหมายต้องการ ให้เกิดปัญหาความวุ่นวาย แต่เราก็บริหารจัดการกันไป

* ทำผิดกฎหมายไม่ใช่วิถี ปชต.

เมื่อถามต่อว่ากังวลกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงครั้งนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ ตนมีหน้าที่ทำงาน ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และจะเดินหน้าต่อไป เมื่อถามว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ออกมาระบุว่าใกล้ได้อำนาจคืนแล้ว ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงอดทนอีกนิดถือเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การพูดในกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวกันเอง ก็คงจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ แต่หน้าที่ของรัฐบาลคือดูแลความสงบเรียบร้อยให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย และแก้ไขปัญหาของประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าทำผิดกฎหมาย ทำผิดกฎหมายก็จะต้องเข้มงวดกวดขัน การเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมาย ไม่ใช่การเคลื่อนไหวในวิถีทางประชาธิปไตย

* ยังไม่มีข่าวว่าเขมรส่งอาวุธ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทางกัมพูชาได้ส่งอาวุธมาให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในการชุมนุมวันที่ 28 พ.ย. นี้ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เรื่องนี้ แต่มีรายงานว่าจะมีการนำคนกลุ่มอื่นมาร่วมชุมนุม ซึ่งตนได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ตนขอร้องว่าผู้ที่จัดการชุมนุมให้ระมัดระวัง อย่าปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ใช่คนไทยมาร่วมชุมนุม เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง และไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งอาจจะเข้ามาสร้างปัญหา โดยตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามาชุมนุมให้เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตามตนขอฝากไปถึงกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่คนไทยและจะเข้ามาชุมนุม ว่า การชุมนุมถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เฉพาะประชาชนคนไทยเท่านั้น ที่จะแสดงการชุมนุมหรือประท้วงโดยสันติวิธี แต่ถ้ามีคนต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องต้องถือว่าทำผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สกัดกั้นตามแนวชายแดนด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนติดตามข่าวอยู่ตลอด และ ถ้าตรวจสอบแล้วพบก็จะสกัดกั้นไม่ให้เข้ามาร่วมชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาปั่นป่วน ส่วนแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยนั้น ผู้ประกอบการต้องควบคุมและตักเตือนไม่ให้เข้ามาชุมนุมหากปล่อยปละและมีลูกจ้างมาร่วมชุมนุมก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เพราะถือว่าการชุมนุมไม่ใช่หน้าที่ของคุณ

* อย่าใช้ พ.ร.บ.-ถ้ากลัวก็อย่าไป

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง สุโขทัย พิษณุโลก ว่า มีการใช้เฮลิคอป เตอร์ 5 ลำ ตำรวจ ทหาร กว่าหมื่นนาย สิ้นเปลืองบุคลากร และเงินจำนวนมาก ส่วนที่วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร ในการลงพื้นที่ของ นายกรัฐมนตรีที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 29 พ.ย.นี้ว่า รัฐบาลอย่าบ้าจี้ทำตาม เพราะวันนี้ประชาชนมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ อีกทั้งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว หากนายกรัฐมนตรีไป จ.เชียงใหม่เพียง 1 วัน แล้วมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในเมืองท่องางความเสียหายเป็นอย่างมาก แล้วจะมีใครกล้าไปท่องเที่ยว

พรรคประชาธิปัตย์อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ วันนี้ประชาชนเขาจับตามองรัฐบาลว่า 2 มาตรฐานหรือไม่ หากการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในวันที่ 28 พ.ย.นี้รัฐบาลประกาศใช้กฎหมาย เท่ากับเป็นการท้าทายประชาชน เพราะกับคนเสื้อเหลืองชุมนุมรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ดังนั้นถ้านายอภิสิทธิ์กลัวแรงต้านที่ จ.เชียงใหม่ เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ชอบธรรมไปปล้นเก้าอี้นายกฯเขามา ก็อยากเสนอให้ไปใช้ระบบประชุมทางไกล (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) หรือโฟนอินแทนจะได้ไม่ต้องทำให้ใครลำบาก โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

* บิ๊กบัง หนุนรัฐให้ใช้ พ.ร.บ.

ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 28 พ.ย.นี้ว่า มองว่าจะเกิดความรุนแรงหรือความวุ่นวายหรือไม่ ตนคิดว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมาหลาย ๆ ครั้งดูแล้วยังไม่จุดประกายที่มีผลกระทบทั้งภาพของการเมือง และภาพของความมั่นคงเท่าไหร่ ถ้าถามว่าการชุมนุมในครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ตนตั้งสมมุติฐานว่า ถ้ากลุ่มเสื้อแดงยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดิมก็แน่นอนว่าคงไม่สามารถที่จะทำอะไรที่มีผลกระทบต่อทางด้านการเมืองได้ และขณะเดียวกันคงไม่ กระทบต่อความมั่นคง ฉะนั้นคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามว่า ท่านเห็นด้วยที่จะให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ พล.อ. สนธิ กล่าวว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใช้ได้ ใน 2 กรณีคือ เป็นมาตรการในการป้อง ปราม ก็สามารถป้องปรามการชุมนุมที่อยู่นอกกฎหมายให้อยู่ในกฎหมาย แต่ถ้าการชุมนุมใช้ความรุนแรง ตัว พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็สามารถนำไปใช้ในการบังคับทางกฎหมายได้อีกทางหนึ่ง

* เตือนระวังเครื่องยิง เอ็ม79

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงเรื่องของมือที่สามเข้ามาป่วนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มือที่สามตนมองไม่เห็นว่าจะมีใครเข้ามาทำอะไรได้ คงจะเป็นกลุ่มที่เคยปฏิบัติการอยู่คงมีไม่มาก แต่จริง ๆ แล้วเรื่องของการรบกวนด้วยการใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงเข้ามา ตนคิดว่าถ้าจะมีก็คงจะมีอาวุธชนิดนี้ คงจะไม่ขว้างระเบิด เพราะมันสามารถจับได้ง่ายกว่า แต่เอ็ม 79 สามารถยิงจากระยะไกลได้ซึ่ง ไม่เกิน 400 เมตร และเมื่อยิงแล้วผู้ยิงสามารถหลบหนีได้ก็มีเอ็ม 79 อย่างเดียว ฉะนั้น ถ้าจะป้องกันจริง ๆ ก็ต้องอยู่ในระยะ 400 เมตร ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมก็ต้องมอง ดูทิศทาง ให้ดีว่าคนร้ายจะตั้งยิงได้ตรงไหน

* เทพไท ชี้ลางบอกเหตุรุนแรง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค.นี้ว่า มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทุกครั้งที่ ผ่านมา และเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมการชุมนุมครั้งนี้ก็น่าที่จะได้รับการสนับสนุนจากคน ไทยทั้งประเทศ ที่ไม่อยากให้บ้านเมือง เกิดความวุ่นวายอีกครั้งซ้ำรอยเหตุการณ์สงกรานต์เลือด และในขณะนี้ได้มีปรากฏ การณ์หลายอย่างเป็นลางบอกเหตุว่าน่าจะ เกิดความรุน แรงขึ้น คือ 1. มีการยิงเอ็ม 79 ใส่การชุมนุมรวมพลังแผ่นดินของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงอาจจะทำให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงในม็อบของคนเสื้อแดงได้ 2. อาจจะเป็นเรื่องของการสร้างสถานการณ์ของคนเสื้อแดงขึ้นมาเพื่อปลุกปั่นกระแสและ ให้เกิดเหตุลุกลาม 3.เป็นเรื่องของมือที่ สามฉกฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายและโยนความผิดให้รัฐบาลหรือแม้กระทั่งอาจ จะมีปฏิบัติการทวงคืนความรุนแรงที่เครือ ข่ายของคนเสื้อแดงได้เคยก่อไว้กับกลุ่ม พันธมิตรฯ

* จี้เสื้อแดง หยุดพาดพิงสถาบัน

ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค.นี้อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ให้เกิดความวุ่นวาย มุ่งปลุกระดมให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ 1. กระทบความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนลดลง 2. กระทบความเชื่อมั่นในประเทศจะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง 3. หนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะหนี้สินภาคเกษตรกร 4. การว่างงานของภาคอุตสาหกรรมจะมากขึ้นโดยต้นปีมีการคาดการณ์ว่าจะมีการว่างงาน 1 ล้านคน โดยคาดว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ โดยมี การสร้างงานไปแล้ว 4 แสนตำแหน่ง และตั้งเป้าว่า 2 ปี จะสามารถสร้างงานได้อีก 1 ล้านตำแหน่ง รวมเป็น 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่หากเกิดการชุมนุมก็จะทำให้การสร้างงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ 5. กระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขลดลงไปร้อยละ 20 แต่ภายหลังมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน ทำให้ตัวเลขบวกขึ้นร้อยละ 18 แต่หากเกิดความวุ่นวายในช่วงเดือน ธ.ค.จะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมาอีก 4 แสนคนไม่ตรงไปตามเป้า

* แผนเสื้อแดงปิดถนนป่วนกรุง

พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ จ.พิษณุโลก ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และบุคคลในรัฐบาล ออกมาระบุถึงรายงานข่าวการลอบทำร้าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อประชาชนรู้ทันกับการจุดประเด็นขายชาติและความไม่จงรักภักดี ที่หยิบยกขึ้นมาโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง วันนี้รัฐบาลเลยออกมาปล่อยมุกลอบฆ่านายกฯ ซึ่งตนอยากบอกว่าคงไม่มีใครคิดทำ เพราะคนอย่างนายอภิสิทธิ์ต้องปล่อยให้ตายทั้ง เป็น เดินทางไปไหนก็มีคนตำหนิว่าบริหารประเทศล้มเหลว

* จัดดาวกระจายเดินไปตามถนน

พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังกล่าวว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งนัดรวมพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นวันที่ 29 พ.ย. จะเคลื่อนขบวนมา ยังบริเวณรอบนอกทำเนียบรัฐบาล และวันที่ 30 พ.ย. จะเดินไปตามถนนต่าง ๆ ทั่ว กรุงเทพฯ เพื่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ ฟ้อง คนทั้งประเทศและชาวต่างชาติให้ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ก่อนจะกลับมาปักหลักชุมนุมต่อที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลอยู่ไม่ถึง ปีใหม่ เพราะเมื่อมีคน 8 แสน-1 ล้านคนมาชุมนุม แล้วรัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ ถามว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร แค่แบ่งกันเดินสายในถนนเส้นต่าง ๆ ในกรุงเทพฯเส้นหลัก 20,000-30,000 คน แค่นี้รัฐบาลจะจัดการปัญหาอย่างไร ทั้งนี้การชุมนุมในบริเวณทำเนียบรัฐบาลจะไม่ปิดกั้นเส้นทางนายกฯและรัฐมนตรีในการเข้าไปทำงาน

* ไม่กลัวคุกอ้างมีคนเป็นล้าน

พ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามได้มีแกนนำเสื้อแดงในต่างจังหวัดเสนอให้มีการเคลื่อนขบวนรถอีแต๋นและรถปิกอัพ จังหวัดละ 200-300 คัน ทั้งจากเหนือและอีสานก่อนมารวมตัวกันที่กรุงเทพฯ แต่ที่ประชุมของแกนนำก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯนั้น ขอ บอกว่าคุกไม่ได้มีไว้ขังหมา ถ้าคิดจะขังคนเป็นล้านคนไหวก็ไม่เป็นไร สำหรับกรณีที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเนื่องจากอยู่ในช่วงวันพ่อแห่งชาตินั้น ตนไม่อยากให้ผูกขาดความจงรักภักดี คนเสื้อแดง ก็มีสิทธิแสดงความจงรักภักดีด้วยการจุดเทียนชัยถวายพระพรและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในช่วงดังกล่าวถึง 1 ล้านคน

* สาทิตย์ เร่งจัดการวิทยุชุมชน

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีวิทยุชุมชนใน จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาระบุว่าไม่ได้ต้องการจะทำร้ายนายกรัฐมนตรีในช่วงลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และระบุว่าหากมีเหตุเกิดขึ้นจริง ก็เป็นฝีมือของมือที่สาม ว่า ประเด็นอยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้เรามีเทป การออกอากาศทั้งหมดแล้ว และได้ประสานกับตำรวจแล้ว ดังนั้นจะต้องดำเนินการตาม พยานหลักฐาน แต่การออกมาพูดใักษณะนี้ โดยหลักการแล้วไม่สามารถกระทำได้ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่หลายสถานีที่มีคดีติดตัวอยู่แล้ว รวมทั้งตัวดีเจเองก็มีคดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องจัดการแน่ ส่วนเขาจะแก้ตัวอย่างไรก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ตนได้ให้อนุ กทช.ตรวจสอบว่าวิทยุชุมชนเหล่า นี้ได้มีการจดทะเบียนหรือไม่ ถ้ายังไม่จดทะเบียนก็จะระงับการออกอากาศทันที ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในสัปดาห์หน้านี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามกลุ่มคนเสื้อแดงจะปฏิเสธความรับผิดชอบแล้วโยนให้มือที่สามไม่ได้

* ระบุชัดเป็นเกมของ ทักษิณ

เมื่อถามว่า ประเมินการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงครั้งนี้เป็นอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า เกมครั้งนี้เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนเดียว ที่ต้องการทำเพื่อตัวเอง เพราะคดียึดทรัพย์จะสืบพยานครบในสิ้นเดือน ม.ค.ที่จะถึงนี้ จึงจะต้องเร่งเกม โดยใช้วิธีตั้งแต่นอกประเทศถึงในประเทศ ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ประมาท ตั้งใจว่าจะควบคุมดูแลให้ได้ เพราะเคลื่อนไหวอย่างไร ถ้าประชาชนไม่สนับสนุนหรือให้การยอมรับ ก็ไม่มีผล ส่วนกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดว่าใกล้ได้อำนาจคืนแล้วนั้น ซึ่งนายสมชายก็เป็นหนึ่งในเบี้ยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนใช้เบี้ยเปลืองที่สุด แต่ก็แปลกมีคนส่วนหนึ่งยอมที่จะขายวิญญาณให้กับทักษิณ แต่ทักษิณจะเอาคนไทยทั้งประเทศ และวิญญาณความเป็นคนไทยไปจากพวกเรา ไม่ได้

เมื่อถามความคืบหน้าในการขอเทปสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากไทม์ส ออนไลน์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เขาตอบมาอย่างไม่เป็นทางการว่า เขาไม่สามารถให้ได้ ซึ่งไม่ได้มีการชี้แจงเหตุผล โดยเขาระบุว่าเป็นสิทธิของเขา แต่ตนได้ทำหนังสือไปอีกครั้ง ว่าขอให้ทำหนังสือตอบมาอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องนี้กระทบความรู้สึกของคนไทย ซึ่งหากไทม์สมีความบริสุทธิ์ใจไม่ได้สมคบกับ พ.ต.ท.ทักษิณในการโจมตี และจาบจ้วงสถาบันสูงสุดของไทย ซึ่งในส่วนของรัฐบาลจะไม่จบอย่างง่าย ๆ เราต้องทำหนังสือเพื่อให้เขายืนยันว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถให้เทปได้

* โพลไม่อยากให้มีการชุมนุม

สำนักวิจัยเอแบคโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัด 1,290 ครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 82.2 ไม่เห็นด้วยที่จะมีการนัดชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลายเดือนนี้ เพราะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบ โดยร้อยละ 17.8 เห็นด้วย เพราะอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ส่วนความเหมาะสมที่จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ร้อยละ 83.6 เห็นว่าไม่ เหมาะสม เพราะอยากให้บ้านเมืองสงบและใกล้วันพ่อ ไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนร้อยละ 16.4 เห็นว่าเหมาะสม เพราะทำให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ส่วนร้อยละ 97.3 อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกกับกลุ่มคนที่สนับสนุนให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มากกว่าให้ชุมนุมกัน

* ระดมตำรวจคุ้มกัน พธม.

ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดย นายสุริยัน ต์ ทองหนูเอียด ที่ปรึกษากลุ่มพันธมิตรเชียงใหม่ พร้อมแกนนำ 17 จังหวัด มาร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อม เพื่อจัดคอนเสิร์ตเพื่อประชาธิปไตยของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกว่า 500 นาย พร้อมชุดปราบจลาจล เข้ามาเฝ้าจุดต่าง ๆ และตั้งจุดตรวจรอบบริเวณ เพื่อป้องกันเหตุปะทะกับกลุ่มเสื้อแดงหรือมือที่สามแต่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น

* ออกหมายจับขู่ฆ่า อภิสิทธิ์

ทางด้าน นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีกลุ่ม คนรักเชียงใหม่ 51 ออกประกาศผ่านวิทยุชุมชนเนื้อหาลักษณะข่มขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีในระหว่างเดินทางมาประชุมหอการค้าทั่วประเทศว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อออกหมายจับแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีใครเข้าแจ้งความ เพราะ ถือว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เจ้าพนักงานสามารถจับกุมได้ทันทีหลังศาลอนุมัติหมายจับ แต่ในส่วนของการสั่งปิดวิทยุชุมชน นั้น คงทำได้ยาก เพราะจังหวัดไม่มีอำนาจ หรือยังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจน คงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำที่ไม่สมควร

ส่วนการชุมนุมประท้วงนั้น ได้มีการเปิดพื้นที่ข่วงประตูท่าแพ ให้ใช้ทำกิจกรรมในการประท้วงอยู่แล้ว หากไม่ใช้และออกไปเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความปั่นป่วนแบบผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยตำรวจมีแผนกร กฎและแผนอื่นควบคู่กันมากกว่า 100 แผน

* กกม.แฉบันได 5 ขั้นม็อบแดง

ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) นายสำราญ รอดเพชร ว่าที่โฆษกพรรค กมม. กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 28 พ.ย.นี้ว่า จำนวนผู้ชุมนุมนั้นไม่น่าจะถึงตามเป้าที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบอกเอาไว้ แต่เป้าหมายของการชุมนุมคือ การล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้การกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งหากไม่เกิดผลจะยกระดับความรุนแรงเป็นการก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ว่าที่เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า นปช.มีแผนบันได 5 ขั้น เพื่อกำจัดรัฐบาลและระบอบอำมาตย์ คือ ขั้นตอนที่ 1.เป็นการชุมนุมในสัปดาห์หน้านี้มีการวางแผนหลอก มีผู้ชุมนุมเป็นล้านคน 2.การชุมนุมจะแบ่งออก 2 รอบ รอบแรกวันที่ 28 พ.ย.-วันที่ 3 ธ.ค. เป็นการต่อรองให้มีการกำหนดวันยุบสภารอบ 2 เป็นหลังวันที่ 5 ธ.ค. ที่จะทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น และ 3.การชุมนุมจะมีการไต่ระดับจากเบาไปหนัก เพื่อจุดหมายปลายทาง ในการตั้งรัฐบาลแห่งชาติส่วนกลางทางอาจจะมีการก่อจลาจลคล้าย ๆ กับเหตุการณ์ช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจะใช้กลุ่มคนขับแท็กซี่ประมาณ 400 คัน ปิดการจราจรให้เป็นอัมพาต หรือการทำร้ายบุคคลสำคัญ แม้จะเคยผิดพลาดจะนำกลับมาใช้อีก 4.ถ้าต่อรองกับรัฐบาลไม่ได้ จะมีการสร้างความรุนแรงในหมู่ผู้ชุมนุมเอง และขั้นตอนที่ 5. การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook