2 ขาโจ๋เหิมซิ่ง จยย.ปาบึ้มป่วนเวที พธม.

2 ขาโจ๋เหิมซิ่ง จยย.ปาบึ้มป่วนเวที พธม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เจ็บ 5 ราย วิ่งหนีตายกันโกลาหล!ตร.เต้นสั่งไล่ล่าตัวด่วน''สุเทพ''รับยังเข้าไปช่วยหนุ่ม''วิศวกร''ไทยไม่ได้

รัฐบาลไทยยังไม่ถอย พยายามหาช่องเจรจาช่วยวิศวกรไทย หลังยังเดียวดายในคุกเขมร เทพเทือก ยอมรับยังไม่มีช่องเจรจา มั่นใจ บ.ต้นสังกัดเตรียมข้อมูลชี้แจงเขมรเคลียร์ วอนอย่าไปสนข่าวลือเขมรจับตัวศรภ.ได้ สับปูดแผนล้มรัฐบาลในเดือน ก.พ. 53 เรื่องขี้โม้ เห็นพูดมาตั้งแต่ ปชป. เป็นรัฐบาล อภิสิทธิ์ ถกชาติอาเซียน ปธน. อินโดฯ เป็นห่วงสัมพันธ์ไทย-เขมร นั่งคุย ทั้ง 2 ฝ่าย เก็บข้อมูล 2 ด้าน นายกฯ ชี้ ทักษิณ ตัวต้นเรื่องสร้างความวุ่นวายและหนักใจให้ 2 ชาติ หวังเขมรยึดกติกาสากลสานสัมพันธ์แก้ปัญหา กษิต ลั่นล่าตัว ทักษิณ ให้ได้ โอบามาร์ค ได้พบ โอบามา ประชุมร่วมอาเซียน-มะกัน ปชป. ไล่บี้ จักรภพ ปูดแผนร้ายเร่งควานต้นตอ เพื่อไทย จี้นายกฯ ปลด กษิต ชี้สร้างแต่เรื่อง พันธมิตรฯ ชงตั้งเครือข่ายปกป้องคนไทยฯ คุมรากหญ้าไม่ให้เขว เสื้อเหลือง ชุมนุมสบายตัว รัฐบาลไม่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงควบคุม เสื้อแดงอุดร ไล่ภท.ลงพื้นที่

* ย้ำทักษิณต้นเหตุวุ่นวาย

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 17 และการประชุมสุดยอด ASEA*-US ที่ประเทศสิงคโปร์กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงปัญหาไทย-กัมพูชาว่า ตนขอย้ำว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นปกติจนกระทั่งก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนและหลังจากนั้นได้มีการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบในเรื่องผลประโยชน์ขัดกันในข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นทางกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและออกแถลงการณ์พาดพิงระบบยุติธรรมและการเมืองไทย ทั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินการตอบโต้ทางมาตรการทางการทูตและทบทวนโครงการความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อแสดงออกถึงการไม่พอใจโดยที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ปัญหาลุกลามไปสู่ความรุนแรง

* หวังเขมรยึดกติกาสากล

ผมยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำในขณะนี้เป็นไปตามกติกาและมาตรฐานของสากล เราเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพราะจุดเริ่มต้นของปัญหาคือไม่ปฏิบัติตามแนวทางตรงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่าปัญหาเกิดขึ้นจากคนไทยบางคนบางกลุ่มเท่านั้นเองที่ไปสร้างปัญหานี้ขึ้นมา วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคี ความอดทนอดกลั้น และการแสดงถึงความจริงใจว่าเราต้องการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีด้วยการเคารพกฎกติกา นายอภิสิทธิ์ ระบุ

นายกฯ ยังกล่าวในรายการอีกว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศอย่างถึงที่สุดบนมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาคมระหว่างประเทศ ขอเชิญว่าเรากันเองต้องสามัคคีและไม่ปล่อยให้คนบางคน บางกลุ่มไปสร้างปัญหาที่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

* ปธน.อินโดฯห่วงไทย-เขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายอภิสิทธิ์ ที่เข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 17 และการประชุมสุดยอด อาเซียน-สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย. ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า เมื่อเวลา 07.30 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังโรงแรมแชงกรี-ลา เพื่อพบปะและร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ นายอังเดรส์ ฟอกห์ ราสมุสเซน (A*ders Fogh Rasmusse*) นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ในฐานะประธานการประชุม U* Co*ve*ti*e o* Climate Cha*ge

ในเวลา 08.30 น. นายกฯหารือทวิภาคีกับนายซูซิโล บัมบัง ยุดโฮโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่โรงแรมมารีนา แมนดาริน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน และการเกษตร ซึ่งทางผู้นำอินโดนีเซียได้แสดงความต้องการให้มีการไกล่เกลี่ยปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาด้วย

* โอบามาร์คพบโอบามา

จากนั้นในเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปยังทำเนียบประธานา ธิบดีสิงคโปร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก Leaders'' Retreat Sessio* 2 ในหัวข้อ I*clusive Growth หรือ การเจริญเติบโต แบบมีส่วนร่วมและเท่าเทียมกันในทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกหยิบยกมาหารือกันในการประชุมครั้งนี้ โดยระหว่างการประชุมนายกฯ ได้พบปะหารือกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และนายสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาก่อนที่เข้าร่วมในพิธีแถลงปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก

และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ซึ่งนายกฯ ในฐานะประธานอาเซียน ได้ทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว นายกฯได้เดินทางกลับประเทศไทยทันทีโดยเดินทางถึงประเทศไทยในเวลา 18.30 น. ที่บน.6

* กษิตลั่นขอล่าตัวทักษิณ

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกฯ และประธานาธิบดีอินโดนี เซียว่า ทางประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และต้องการเข้ามาช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ซึ่งนายกฯได้ชี้แจงสาเหตุและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันไทยยังคงให้การช่วยเหลือและปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ

นายกษิต ระบุว่า ทั้งนี้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียจะพบกับ สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ในช่วงบ่ายวันเดียวกันเพื่อรับฟังปัญหา หากมีความคืบหน้า รมว.การต่างประเทศของอินโดนีเซีย จะประสานมายังตนเป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่า แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ยังไม่หมดไป เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามความเคลื่อนไหวในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีต่อไป

* บัวแก้วเร่งแจงปัดจารกรรม

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีของนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ เจ้าหน้าที่วิศวกรสัญชาติไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศกัมพูชา หน่วยจราจรอากาศบริษัทคุมการบิน บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) บริษัทในเครือบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นผู้โจรกรรมข้อมูลแผนการบินของ พ.ต.ท. ทักษิณว่า ฝ่ายไทยจะยื่นหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงกับรัฐบาลกัมพูชา ถ้าแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จกับนายศิวรักษ์ โดยอ้าง ว่าเป็นผู้จารกรรมข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดต่อให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์นั้น ยังไม่คืบหน้า เพราะทางการกัมพูชาไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของไทยเข้าพบกับนายศิวรักษ์ ขณะที่นายชโลธร เผ่าวิบูล อุปทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เดินทางไปพบกับนายศิวรักษ์ ที่เรือนจำเพซอ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบนายศิวรักษ์ แต่ทำได้เพียงฝากยารักษาโรคและเสื้อผ้าไปให้เท่านั้น ส่วนที่มีข่าวการจับกุมเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ของไทย ในข้อหาจารกรรมข้อมูลได้เพิ่มเติมนั้น เบื้องต้นขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปล่อยข่าวที่มุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้น

* สุเทพเชื่อต้นสังกัดชี้แจงได้

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ เจ้าหน้าที่สัญชาติไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศกัมพูชา ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า คาดว่ากระบวนการยุติธรรมในกัมพูชาต้องเป็นไปตามหลักสากล โดยจะพยายามใช้หลักฐานในประเทศให้เป็นประโยชน์ ส่วนจะไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในกัมพูชาคงทำไม่ได้ แต่เชื่อว่าด้วยพยานหลักฐานและบริษัทต้นสังกัดคงจะทำได้ดี ขณะนี้ไม่คิดว่าแนวทางการเจรจาจะสามารถหาทางออกได้ เพราะบรรยากาศของทั้ง 2 ประเทศ ทุกคนทราบดี แต่รัฐบาลจะติดตามความคืบหน้า

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงต่อคนไทยในกัมพูชา เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาคงเคารพในหลักการ ความพอใจหรือไม่พอใจรัฐบาลไทยนั้นถือเป็นคนละเรื่อง แต่ถ้าจะไปลงที่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศถือว่าไม่ถูกต้อง รัฐบาลกัมพูชาควรตระหนักในเรื่องนี้ เพราะไทยปฏิบัติต่อคนกัมพูชาและทรัพย์สินของกัมพูชาในประเทศไทยเป็นอย่างดี ดังนั้น กัมพูชาจึงต้องปฏิบัติกับเราดีด้วย

* อย่าไปสนข่าวลือจับตัวศรภ.

เมื่อถามถึงข่าวลือการจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ ศรภ.ของไทย รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าไปสนใจข่าวลือ ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยหรือกัมพูชา เมื่อเป็นข่าวลือก็ไม่มีข้อเท็จจริง เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ไทยไปเป็นสายลับ ทางศรภ.ยืนยันชัดเจนว่าชื่อบุคคลที่มีข่าวว่าถูกจับกุม ไม่มีในสารบบของศรภ.

เมื่อถามต่อว่าบุคคลดังกล่าวและนายศิวรักษ์มีความเกี่ยวข้องกับเลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่การทูตไทยในกัมพูชา แต่เรื่องธรรมดาที่คนไทยในต่างแดนต้องรู้จักกัน อย่าไปเต้นตามจังหวะที่กัมพูชาพยายามลากเราเข้าไปถ้าเราไปเต้นตาม จะเหนื่อยเปล่า

* ปูดก.พ.53คว่ำรัฐบาลแค่โม้

ต่อข้อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากกัมพูชาแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศจะดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ทางการกัมพูชาว่าจะปรับท่าทีอย่างไร เพราะรัฐบาลยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจทำนโยบายเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีเรื่องที่ต้องหารือกันซึ่งมีมูลค่ามากมายมหาศาลกว่าการทำเพื่อพ.ต.ท. ทักษิณเพียงคนเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกินเดือน ก.พ. 2553 รองนายกฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกได้พูดไว้อย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่นายอภิสิทธิ์ เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ โดยบอกว่าจะอยู่ไม่เกิน 3 เดือน 5 เดือนเช่นนี้มาตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่แสดงให้เห็นชัดว่าพ.ต.ท. ทักษิณและบริวารตั้งใจโค่นล้มรัฐบาลให้ได้โดยไม่เลือกวิธีการที่ถูกต้อง ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์กติกาตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เป็นห่วงต่อความเคลื่อนไหวที่อาจรุนแรงขึ้น รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องประเทศและประชาชน ก็ต้องพร้อมเผชิญกับทุกอย่าง และแก้ไขปัญหาตามกำลังความสามารถ

* ปชป.ส่งถอดเทปแผนก่อกบฏ

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า กรณีส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางกลับประเทศ หลังจากไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชา และกรณีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่านายกฯ ฮุนเซน สนับสนุน การกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ สอดรับกับข่าวในเชิงลึกที่ นายจักรภพ เพ็ญแข เคยให้สัมภาษณ์และตีพิมพ์ลงใน เอเชียไทม์ส ออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่านายจักรภพมีที่อยู่ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งข่าวของการรวบรวมอาวุธขนาดเบา จากประเทศกัมพูชาผ่านมายังแนวชายแดน ไปยังกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณในพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อล้มรัฐบาล

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม พรรคได้ถอดคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ ส่งไปยังหน่วยความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบแล้ว กรณีคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เข้าข่ายกบฏ ที่เป็นการยืมมือกองกำลังต่างชาติ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ สอดรับกับกรณีที่หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์เคยตีพิมพ์ และระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนสนับสนุนการทำรัฐประหารที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2537 นั้น เป็นการตอบแทนบุญคุณให้กันใช่หรือไม่

* ไม่รู้ขามาแม้วบินผ่านไทย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 พ.ย. ที่มี ส.ส.เพื่อไทย เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัม พูชา ได้นำพระสยามเทวาธิราช 2 องค์ เพื่อนำไปให้พ.ต.ท.ทักษิณและฮุนเซนนั้น ซึ่งพระสยามเทวาธิราช ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คู่เมืองของเรา ไม่ควรนำไปมอบให้กับทางกัมพูชา คนที่นำไปให้รู้หรือไม่ว่าผู้นำประเทศกัมพูชา หลายฝ่ายกำลังจะใช้วิธีที่ไม่ใช่วิธีวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวยอมรับว่าเวลาบินมาประเทศกัมพูชา ขามาได้เดินทางผ่านน่านฟ้าไทยทางรัฐบาลรู้หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การเดินทางครั้งนั้นเป็นการรายงานว่าจะมีเที่ยวบินพลเรือนเอกชน ที่แจ้งต่อวิทยุการบินว่าจะขอใช้น่านฟ้า แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวของใคร จึงไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาประเทศกัมพูชา ถ้าทราบทางเราก็สามารถที่จะจับในน่านฟ้าเราได้ ทั้งนี้หากการเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีการแจ้งให้กับประเทศที่เดินทางผ่านน่านฟ้าของประเทศนั้น ๆ ก็จะทำให้ผิดกฎหมายการบินเนื่องจากละเมิดน่านฟ้า ตนขอเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติต่อคนไทยที่ถูกจับตามหลักสากล

* พท.เขย่านายกฯปลดกษิต

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาที่มีปัญหาความตึงเครียดขณะนี้ว่า ได้ส่งผลให้การค้าการลงทุนมีปัญหา ตนเห็นว่าหลังจากกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่สิงคโปร์ นายอภิสิทธิ์น่าจะทบทวนนโยบายต่างประเทศ และน่าทบทวน ตัวปัญหาคือ นายกษิต ที่นายอภิสิทธิ์ อุ้มมาตลอด 11 เดือน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ที่อุ้มอยู่จะทำให้เป็นปัญหาเรื้อรังกับกัมพูชาแล้วยังมีปัญหาเพื่อนบ้านกับพม่า ลาว ดังนั้น ขอให้นายอภิสิทธิ์กลับมาทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ แล้วจัดคนที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศมาทำงานแทน เพื่อจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านราบรื่นยึดถือผลประโยชน์ของการค้าการลงทุนและความสัมพันธ์เป็นหลัก แต่อย่ายึดถือความสัมพันธ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก

* พธม.ชงตั้งเครือข่ายปกป้อง

ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ถือว่ามีความแหลมคม จากปฏิบัติการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำร่วมกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทางกลุ่มพันธมิตรฯขอเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรถาวร เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศไทยเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารกับคนไทยและคนกัมพูชาในระดับรากหญ้าเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า จากการประ เมินสถานการณ์เชื่อว่า การให้สัมภาษณ์กับ ไทม์ส ออนไลน์ ไม่ได้เป็นความผิดพลาดหรือถูกบิดเบือนตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้าง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการยืมมือไทม์ส ออนไลน์ในการส่งสารไปยังมวลชนตนเอง แต่ขบวนการดังกล่าวมีความผิดพลาด เพราะมีการพาดพิงถึงสถาบัน ทำให้มวลชนเสื้อแดงบางส่วนหยุดและเลิกปฏิบัติการ ดังนั้นรัฐบาลควรเดินเกมรุกในการให้ข้อมูลประชาชนระดับรากหญ้าทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อให้เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จ ฮุนเซนกำลังทำอะไรอยู่

* ย้ำรัฐบาลตั้งหลักรับมือให้ดี

นายสำราญ รอดเพชร ว่าที่โฆษกพรรค การเมืองใหม่ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชาว่า พรรคสนับสนุนรัฐบาลต่อการดำเนินการทุกด้านในช่วงที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนสถานการณ์ขณะนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามลำดับ พรรคจึงขอเสนอให้รัฐบาลหนักแน่นต่อไป โดยต้องไม่ตกเป็นเหยื่อยั่วยุของผู้นำกัมพูชา และรัฐบาลต้องไม่ตั้งรับเพียงอย่างเดียว แต่ต้องนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประ ชาคมโลกและคนไทย โดยเฉพาะประชาชนระดับรากหญ้า ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องมีศักย ภาพและแสดงภาวะผู้นำในการสร้างความเป็นเอกภาพแห่งชาติให้ประจักษ์ชัด

นายสำราญ กล่าวด้วยว่า มีแนวโน้มสูงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้กัมพูชาเป็นฐานที่มั่นในการปฏิบัติการทางอำนาจกดดันรัฐบาลไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องชัดเจนในการนำ พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมาลงโทษให้ได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. เป็นช่วงเดือนมหามงคลและใกล้เทศกาลปีใหม่ คาดว่ากองทัพคนเสื้อแดงหรือแนวรบของระบอบทักษิณจะยังไม่สามารถรุกฆาตใด ๆ ได้ คงต้องรอสถานการณ์จนถึงหลังปีใหม่ ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2553 จึงจะเป็นช่วงเวลาชี้ขาดสถานการณ์จริง โดยมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอาจยุบสภาหนีการจลาจลนองเลือดรอบสอง

* จ้องร้องกกต.สอยม็อบเหลือง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวงเพื่อปกป้องสถาบันว่า พันธมิตรได้ตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้ว ขอเรียกร้องไปยังนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรและหัวหน้า พรรคการเมืองใหม่ และนายสุริยะใส เพราะทั้งสองเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว และจะขอใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธมาตรา 63 แห่งรัฐธรรมนูญ ดังนั้น อย่าทำฝันร้ายจากอดีตที่ปิดทำเนียบฯ และปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ อีกทั้งวันนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า จึงอย่าสร้างปัญหาให้คนไทยอีก

เรารู้ว่าพันธมิตรเป็นม็อบมีเส้น วันนี้พันธมิตรมีพรรคการเมืองแล้ว พรรคเพื่อไทยจะติดตามการทำงานของพันธมิตรว่าได้ละเมิดต่อกฎหมายพรรคการเมืองหรือรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะการเป็นพรรคการเมืองแล้วเคลื่อน ไหวในฐานะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ถ้าสุ่มเสี่ยงต่อกฎหมายก็จะดำเนินการร้องเอาผิดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเอาผิดต่อไป นายพร้อมพงศ์ กล่าว

* เทพเทือกแจงไม่ต้องใช้พ.ร.บ.

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีการชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ท้องสนามหลวง ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอะไรที่น่าเป็นกังวล แต่รัฐบาลไม่ประมาท และได้สั่งการให้ตำรวจติดตามดูแลสถานการณ์ การชุมนุม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่าเป็นห่วงเนื้อหาการปราศรัยหรือไม่ เพราะอาจมีการพาดพิงถึงประเทศกัมพูชา นายสุเ ทพ กล่าวว่า อย่าไปทำอะไรที่ทำให้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาตึงเครียด หรือขยายตัวรุนแรง ทุกคนต้องทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย

ต่อข้อถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะทำอะไรรุนแรง จึงยังไม่จำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ ในส่วนของกลุ่มคนเสื้อแดงถ้าเขาชุมนุมด้วยความสงบ รัฐบาลก็ไปทำอะไรไม่ได้ แต่ที่ประกาศใช้กฎหมายนี้ เพราะกลุ่มคนดังกล่าวเคยเผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว และออกมาประกาศทุกวันว่าจะทำทุกทางในการโค่นล้มรัฐบาล จึงไม่เรียกว่าการชุมนุมโดยสงบตามหลักประชาธิปไตย ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่มีอาการเคลื่อนไหวที่จะมาบุกทำเนียบรัฐบาล จึงยังไม่จำเป็น แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย รัฐบาลต้องดำเนินการ

* โปลิศวางกำลังเข้มรับมือ

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เรียกประชุม รอง ผบช.น., ผบก.น.1-9, ผบก.ตปพ., ผบก.อารักขาและควบคุมฝูงชน, ผบก.จร., และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อรับมือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ภายหลังเสร็จสิ้นการ ประชุม พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบก.อก.บช.น. ในฐานะผู้ช่วยโฆษก สตช. เปิดเผยว่า การชุมนุมจะเริ่มประมาณ 16.00 น. ที่ท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ติดกับพระบรมมหาราชวัง โดยจะเริ่มในเวลา 16.00-23.00 น. โดยจะมีการปราศรัยสลับกับการเล่นดนตรี เนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดถึงกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณและเรื่องของประเทศกัมพูชา

เบื้องต้นผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนย้ายไปที่ใด ทั้งนี้ทางตำรวจยังใช้แผน กรกฎ 52 โดยใช้กำลัง 1,500 นาย แบ่งเป็นกำลัง ปจ. 7 กองร้อย เป็นปจ.ชาย 6 กองร้อย ปจ.หญิง 1 กองร้อย ตำรวจจราจร 1 กอง ร้อย ฝ่ายสืบสวน 1 กองร้อย และฝ่ายสอบสวน 1 กองร้อย นอกจากนี้กำชับให้รถสายตรวจของ บก.ตปพ. ออกร่วมตรวจการณ์ด้วย และให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดออกตรวจตราพื้นที่แล้ว โดยได้ประสานกับทาง กทม. ให้เตรียมเจ้าหน้าที่เทศกิจและหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเตรียมความพร้อมรวมถึงให้ทุก สน.ตั้งจุดตรวจในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าการชุมนุมเสร็จสิ้น

* ม็อบเสื้อแดง700คนแห่ไล่ภท.

ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานี จ.อุดรธานี เวลา 08.00 น. พรรคภูมิใจไทยได้มีการจัดประชุมสมาชิกพรรค กว่า 2,000 คน นำโดยนายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรค เข้าร่วมประชุม ขณะเดียวกันนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำคนเสื้อแดง ได้พาสมาชิกกว่า 700 คนเดินทางมาชุมนุมประท้วงที่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยา ลัยราชภัฏอุดรธานี โดยนายขวัญชัย กล่าวว่า ที่มาชุมนุมในครั้งนี้ เพื่อขับไล่ ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเราจะชุมนุมกันแบบสันติ สงบ

นายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช. เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องปกติของกลุ่มเสื้อแดงที่มาชุมนุม การที่พรรคภูมิใจไทยมาประชุมเป็นการแสดงออกทางประชา ธิปไตย มีการขออนุญาตทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ ต่อมาเวลา 10.20 น. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พร้อมคณะได้เดินทางมายังมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยมีนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าฯ อุดรธานี พร้อม หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ

* เสื้อเหลืองแห่มาร่วมชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ประชาชนที่ส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลืองเริ่มทยอยเดินทางถึงบริเวณรอบท้องสนามหลวง เพื่อร่วมชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงเย็น ภายใต้หัวข้อ งานรวม พลังแผ่นดินปกป้องเกียรติภูมิของชาติ ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวง ได้มีพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของต่าง ๆ เช่น เครื่องดื่ม ร่ม หมวก และอาหารมาวางขาย ขณะที่ทีมงานกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตั้งเวทีปราศรัยบริเวณทิศใต้ของท้องสนามหลวง ติดกับพระบรมมหาราชวัง โดยมีกำลังตำรวจเริ่มวางกำลังรักษาความสงบ

เมื่อเวลา 15.00 น. มีแนวร่วมพันธ มิตรฯ ทั่วประเทศทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุม อย่างคึกคัก กระทั่งเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุม นุมได้ทยอยเข้ามาจนเต็มท้องสนามหลวง เพื่อ ร่วมกิจกรรมหน้าเวทีปราศรัยขนาดใหญ่บริเวณฝั่งวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว

* ขอเป็นเจ้าภาพทุกสีชุมนุม

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการชุมนุม ว่าไม่ใช่การชุมนุมในนามพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯเป็นเจ้าภาพเชิญชวนประชาชนทุกสีออกมาร่วมปกป้องสถาบันและต้องการสื่อถึง พ.ต.ท. ทักษิณซึ่งเป็นคนไทย แต่กลับปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ควรทำรับเป็นที่ปรึกษานายกฯ กัมพูชา ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมีผลกระ ทบระหว่างประเทศ และต้องการสื่อถึง สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ไม่ควรแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย

เมื่อถามว่า หลังจากนี้พันธมิตรจะมีมาตรการอย่างอื่นที่เข้มข้นอีกหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือ พันธมิตรฯ ไม่เคยคาดการณ์อะไร แต่จะดำเนินการเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น และยืนยันว่าการชุมนุม ครั้งนี้จะยุติภายในเวลา 23.00 น. ไม่มีการชุมนุมยืดเยื้อ เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับ ที่รัฐบาลออกมาตรการตอบโต้กัมพูชา นายพิภพ กล่าวว่า ถ้าพูดในฐานะนักวิชาการถ้าจะแสดงออกก็ต้องเริ่มจากมาตรการเบาไปมาตร การหนัก แต่หากพูดในฐานะประชาชนคิดว่ามีความเหมาะสม ในส่วนของพันธมิตรไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเห็นว่ารัฐบาลมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะดำเนินการในเรื่องใด ๆ ได้

* นัด5ธ.ค.ชุมนุมใหญ่อีกครั้ง

จากนั้นในช่วงค่ำ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัย เนื้อหาส่วนใหญ่ยังมุ่งโจมตีในประเด็นไทย-กัมพูชาและพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ดี ช่วงหนึ่งนายสนธิ ระบุว่า ขอนัดพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน มาร่วมชุมนุมใหญ่กันอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. ขอให้มากันมากกว่าในวันนี้ โดยจะเริ่มตั้งขบวนในถนนราชวิถี แล้วยาว ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรวมพลังให้ทั่วโลกเห็นว่า คนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวขนาดไหน

* มือมืดซิ่งจยย.ปาบึ้มป่วน

กระทั่งเวลาประมาณ 20.50 น. มีรายงานว่าเกิดเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้งเกิดขึ้นบริเวณเต็นท์ขายของบนฟุตปาธด้านหลังเวทีชุมนุม (ตรงฝั่งวัดพระแก้ว) สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับบรรดาผู้ชุมบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ขณะเกิดเหตุนายสนธิ กำลังขึ้นปราศรัยอยู่พอดี ทำให้ต้องมีการหยุดปราศรัยชั่วคราว จากนั้นการ์ดชุดดำของพันธมิตรฯและตำรวจรีบไปตรวจสอบทันที พบว่า มีผู้บาดเจ็บ 5 คนเป็น หญิง 2 ชาย 3 (เด็กชายอายุ 8 ขวบ 1 คน) ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามร่างกาย จึงรีบช่วยเหลือนำส่ง รพ.วชิระ ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 นำกำลังเข้าไปดูแลความเรียบร้อย พยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 คนขี่จยย.มาจากทาง ม.ศิลปากร เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวได้ขว้างระเบิดเข้าใส่แล้วซิ่ง หลบหนีไปทันที

* เขมรไม่ไล่นักการทูตไทย

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานจากกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 13 พ.ย. โดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของนายกอย ควง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่ขับไล่นักการทูตไทย ออกนอกประเทศเพิ่มอีก ขณะเดียวกันได้กล่าวยืนยันว่า เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา เกี่ยวข้องกับการจารกรรมข้อมูลในกัมพูชาจริง โดยกัมพูชามีหลักฐานแน่ชัด เช่นเดียวกับชายไทยที่ถูกตำรวจกัมพูชาจับกุมในกรุงพนมเปญเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะถูกนำตัวขึ้นศาลบดำเนินคดีในไม่ช้า.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook