ไทยโต้กลับเขมรไล่เลขาทูตไทยกลับปท.

ไทยโต้กลับเขมรไล่เลขาทูตไทยกลับปท.

ไทยโต้กลับเขมรไล่เลขาทูตไทยกลับปท.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปณิธาน เผยรัฐบาลเตรียมตอบโต้เขมรเรียกเลขาทูตไทยกลับด่วนโดยให้เลขาทูตเขมรกลับประเทศเช่นกัน ย้ำมาตรการฟันต่อฟัน แต่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ ระบุ ยังไม่ถึงขั้นปิดสถานฑูต

(12 พ.ย.) สำนักข่าวเกียวโตรายงานว่าทางการกัมพูชาได้ตอบโต้การที่ไทยสั่งทบทวนการให้เงินกู้ รวมถึงระงับความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชาหลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตนรีกัมพูชา และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ได้ไปบรรยายพิเศษให้กับนักเศรษฐศาสตร์กัมพูชาเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ด้วยการประกาศให้นายคำรบ ปาลวิวัฒน์ไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา (Persona Non Grata) โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมง

ขณะที่ทางการไทยก็ได้ตอบโต้ด้วยการประกาศให้นักการทูตกัมพูชาประจำสถานเอกอัครราชทูตในไทย เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและให้เดินทางออกจากประเทศไทยภายใน 48 ชั่วโมงเช่นกัน

ขณะที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวที่รัฐสภว่า ไทยต้องการให้เลขานุการเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเดินทางกลับไปยังกัมพูชาด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่กระทำเหมือนเป็นการตอบโต้ระหว่างทั้งสองประเทศจะกระทบกับความช่วยเหลือด้านต่างๆหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ประเทศกัมพูชาอาจะดำเนินมาตรการการทูตบางอย่างกับไทย ซึ่งเรื่องนี้ทางไทยได้มีการประเมินแล้ว และตั้งใจจะสานสัมพันธ์ให้เป็นไปได้ด้วยดี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจ ซึ่งทางไทยพยายามหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่ แต่เมื่อทางกัมพูชาดำเนินการใช้มาตรการทางการทูตแบบนี้เราก็ต้องใช้วิธีเดียวกันในการตอบโต้

เมื่อถามว่าเมื่อมีการตอบโต้ไปมาจะถึงขั้นต้องปิดสถานทูตเลยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า คงยังไม่ถึงขั้นนั้น เราจะพยายามรักษาความสัมพันธ์เต็มที่ เหมือนกับหลายประเด็นที่เคยเกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่ทางเราไม่เคยเริ่มก่อน แต่เมื่อเริ่มต้นขึ้นแล้วก็จะมีมาตรการที่เหมาะสม

ส่วนระดับความรุนแรงทางการทูตจะเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องของการปรับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในเมื่อความสัมพันธ์มีปัญหา แต่ก็จะพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ หากเรื่องไหนหลีกเลี่ยงได้ก็จะพยายามทำ โดยจะไม่ดำเนินการอะไรที่ไม่จำเป็น ซึ่งทางการทูตสถานการณ์ขณะนี้เป็นเรื่องปกติเพราะยังสามารถดำเนินการได้

เมื่อถามต่อว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรือไม่ที่มีการเรียกตัวทูตกลับ นายปณิธาน กล่าวว่า เข้าใจว่าในอดีตก็น่าจะมีการดำเนินการทูตในรูปแบบต่างๆ แต่เวลานี้ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์อาจจะไม่ดีอย่างที่หลายคนคาดหวัง ดังนั้นช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ต้องมีการปรับตัว และควรเห็นแก่ประโยชน์ของทั้งสองประเทศและหันหน้ามาร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการเรียกเลขานุการเอกอัครราชทูตไทยกลับมาเช่นนี้จะขัดต่อหลักปฏิบัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ รองเลขานุการนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่กัมพูชาดำเนินการก่อน เพราะทางการทูตถือว่าเป็นหลักปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน และหวังว่าในอนาคตจะมีมาตรการอื่นๆที่สามารถยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศให้ดีขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีจึงต้องมีการปรับระดับความสัมพันธ์ให้เท่าเทียมกัน

เมื่อถามว่านายกฯได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ รองเลขานุการนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี นายกฯได้พูดชัดเจนแล้วในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ว่าจะดำเนินการทางการทูตที่เหมาะสมและเป็นขั้นตอน โดยยึดหลักผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ที่สำคัญนายกฯได้เน้นถึงการรักษาความปลอดภัย และให้ความมั่นใจกับประชาชนที่อยู่บริเวณแนวชายแดน ซึ่งเรื่องนี้ทางทหารให้ความมั่นในว่าจะรักษาความสงบสุขได้

"กษิต"กลับไทยทันทีหลังทราบข่าว

น.ส.วิมล คิดชอบ อธบดีกรมสารนิเทศโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากกรณีดังกล่าวทำให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศก่อนการประชุมผู้นำเอเปคที่สิงคโปร์ ต้องเดินทางกลับประเทศไทยเป็นการด่วนในช่วงค่ำวันเดียวกัน เพื่อมาประเมินสถานการณ์และประชุมร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ก่อนที่จะบินกลับไปร่วมประชุมผู้นำเอเปคพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ในวันทื่ 13 พ.ย.นี้อีกครั้ง

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook