สุเทพถล่มเละบิ๊กจิ๋วไร้สาระมั่วยกปัตตานี

สุเทพถล่มเละบิ๊กจิ๋วไร้สาระมั่วยกปัตตานี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อภิสิทธิ์ เย้ยไอเดีย พ่อใหญ่จิ๋ว ตั้งนครปัตตานีแค่การแข่งขันทางการเมือง หวังหาเสียงจากคนในพื้นที่ ระบุพรรคการเมืองมีสิทธิเสนอได้แต่ต้องพิสูจน์ว่าของใครเจ๋ง เผยขบวนการแบ่งแยกดินแดนยังมีอยู่ สุเทพ ผสมโรงไม่มีสาระ อย่าไปจริงจังดูสนุก ๆ ส่วน อารีเพ็ญ แนะ บิ๊กจิ๋วคุยเจ้าของพรรคตัวจริงก่อนเสนอตั้งนครปัตตานี ด้านโฆษกมาตุภูมิแนะรัฐบาลฟังแนวคิด ลุงจิ๋ว เชื่อเจ้าตัวไม่ปัญญาอ่อน ส่วน ส.ส.เพื่อไทยชื่นชมภารกิจลงพื้นที่พื้นที่ภาคใต้ เตรียมชูเป็นนโยบายหาเสียง

ที่อาคารรัฐสภา 3 เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดตั้งนครรัฐปัตตานี ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ว่า เกรงว่าจะเกิดความสับสนเพราะรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเรื่องการกระจายอำนาจ และแนวทางการ พัฒนาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ หากพูดในเชิงโครงสร้างก็จะเกิดการถกเถียงและนำไปสู่ความขัดแย้งจึงอยากให้ระมัดระวัง เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ชวลิตไปรับแนวคิดจากผู้ก่อการร้ายในพื้นที่มา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ต้อง ไปถาม พล.อ.ชวลิตว่าไปรับแนวคิดนี้มาจากไหน เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ชวลิตยังได้เสนอทางออกให้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบโดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเช่นเดียวกับคอมมิวนิสต์ในอดีต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่รัฐบาลทำอยู่คือการเตรียมนำเอากฎหมายความมั่นคงมาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการ โดยเริ่มนำร่องที่ 4 อำเภอใน จ.สงขลา

มันคือการแข่งขันทางการเมือง ถือเป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย พรรคการเมืองแต่ละพรรคสามารถที่จะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันไป ส่วนใครจะน่าเชื่อถือแค่ไหน อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ เป็นไปได้ว่าการพูดดังกล่าวจะเป็นการมุ่งหวังที่จะหาเสียง และมุ่งหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนในพื้นที่บางกลุ่ม แต่รัฐบาลต้องการที่จะยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม และผลประโยชน์ของคนในพื้นที่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า เราต้องยอมรับว่าขบวนการ แบ่งแยกดินแดนมีอยู่ และมีความพยายามที่จะหาทางยกระดับมาเป็นแนวการต่อสู้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าวรัฐบาลจึงได้มีแนวทางที่จะต่อสู้ด้วยเรื่องการพัฒนา และการอำนวยความยุติธรรม รวมทั้งโครงสร้างที่จะมีการปรับปรุงกฎหมายใหม่

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รอง นายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนก็เหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป ที่ฟังแล้ว ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อฟังคำอธิบายมากขึ้นก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรใหม่ เป็นความคิดที่ พล.อ.ชวลิต เคยเสนอมาสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี และสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ก็ได้พยายามฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ไม่เห็นจะได้ผลอะไร ซึ่งก็ดีเหมือนกันที่จะทำให้ได้เปรียบเทียบสิ่งที่ พล.อ. ชวลิตคิดทำกับรัฐบาลทำอยู่

รัฐบาลพยายามจะพัฒนาระดับ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ถ้า จะชนะกันต้องชนะด้วยจิตไม่ใช่กำลัง ซึ่ง รัฐบาลนี้ไม่ใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน และจะใช้วิธีการทางกฎหมายเท่านั้น พร้อมกับเพิ่มความแข็งแรงการทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานมาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ถึงแม้จะทำให้คนผิดบางคนลอยนวลไป นายสุเทพกล่าวและว่า ส่วนเรื่อง การนิรโทษกรรม ที่ พล.อ.ชวลิตเสนอด้วยนั้นเป็นเรื่องที่พูดกันหลายครั้ง ซึ่งทำยากเป็นไปไม่ได้ การนิรโทษกรรมอย่างนี้หมายความว่า ต้องทุกคนที่เคยฆ่าประชาชน ฆ่าเจ้าหน้าที่ ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทั้งพระ โต๊ะอิหม่ามจะไม่ถูกลงโทษ ซึ่งเป็นคนละหลักการกับการให้อภัย เพราะการให้อภัยหมายความว่า เมื่อมีการหลงผิดในเรื่องใดแล้ว กลับเนื้อกลับตัวหันมาใช้ชีวิตตามปกติก็พอให้อภัยกันได้

เมื่อถามว่า นิรโทษกรรมเคยทำสำเร็จในสมัยที่มีการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ ตาม นโยบาย 66/23 นายสุเที่แก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ เพราะสมัยก่อนพรรคคอมมิวนิสต์ คนที่อยู่ในพรรคมีอุดมการณ์ทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในกรณีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแบ่งแยกดินแดนมีอยู่หลายกลุ่ม และไม่คิดว่าจะมีอุดมการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน พล.อ.ชวลิต เคยแสดงความเห็นอะไรต่อมิอะไรไว้มากกว่านี้ตั้งเยอะและล้มเหลวไปก็มาก ดูสนุก ๆ ไปก่อน ส่วนกรณีจะไปเจรจากับกลุ่มขบวนการ ก็อย่าไปจริงจัง ลงพื้นที่ก็ไม่มีสาระ

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงกรณี พล.อ.ชวลิต เสนอแนวคิดเรื่องนครปัตตานี ว่า พล.อ.ชวลิตพูดเรื่องนี้มา 3 วันแล้วแต่ยังไม่มีการเปิดเผยโมเดล พิมพ์เขียว หรือรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ชวลิตพูดอะไรมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นคนจะโยงได้ว่าเกี่ยวข้องกับแนวคิดสภาเปรซีเดียม และสงสัยว่า พล.อ.ชวลิต มีเจตนาอะไรกันแน่ การที่ พล.อ.ชวลิตเปรียบเทียบว่านครปัตตานีกับการปกครองของนครเชียงใหม่ที่ปกครองแบบเทศบาลนครนั้น หากจะทำจริงก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องออกมาจุดพลุให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ อย่างไรก็ตามอยากให้ พล.อ.ชวลิตไปพูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เคยเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาภาคใต้โดยยกระดับเป็นเขตปกครองตัวเองเช่นเดียวกับมณฑลซินเกียงประเทศจีน ว่ามีแนวคิดตรงกันไหม แล้วแนวคิดนี้ของ ร.ต.อ. เฉลิม ปัจจุบันหายไปไหน

นายเทพไท กล่าวตอบโต้กรณีพล.อ.ชวลิต บอกว่า ตัวเองเป็นพระยาว่า เมื่อเห็นข่าวก็กลับไปนั่งคิดนอนคิดว่าหมายถึงอะไร เพราะระลึกชาติไม่ได้ว่าชาติก่อนเป็นพระยาหรือไม่ ไม่เหมือนกับ พล.อ.ชวลิต ที่ลงไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ระลึกชาติได้ นับญาติกับสุลต่านสุไลมาน เมื่อ 500 ปีก่อนทันที ซึ่งนั่นน่าจะเป็นความสำเร็จเดียวของการเดินทางลงพื้นที่ หากจะเปรียบตนกับพระยาเทครัว ก็จำไม่ได้ว่าไปทำอะไรกับใครตอนไหน ทั้งนี้ ตนคิดว่าหากจะเป็นพระยาก็น่าจะเป็นอย่างเดียวคือพระยาปราบกบฏ

ขณะที่ นายมุข สุไลมาน โฆษกพรรคมาตุภูมิ แถลงว่าแนวความคิดนครปัตตานีเพื่อแก้ไขความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นถือเป็นแนวคิดของคน ๆ หนึ่งในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลน่าจะฟังมากกว่าออกมาคัดค้านหรือโต้แย้ง เพราะความคิดของ พล.อ. ชวลิต พยายามเปิดช่องให้รัฐบาลได้มีอำนาจในการบริหารประเทศโดยตรง เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาเหมือนซ้ำ ๆ มาหลายปี เสียทั้งกำลังทรัพย์ กำลังคน แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าเดิม เชื่อว่า พล.อ.ชวลิต มีความบริสุทธิ์ใจในการแก้ไขปัญหา คงไม่ ปัญญาอ่อนที่จะไม่รู้ว่าอะไรผิดหรือถูกกฎหมาย

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิตเคยเสนอแนวคิดนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เพียงแต่ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดของโครงสร้าง ซึ่งหากมีการจัดรูปแบบที่สอดคล้องกับชีวิตและวัฒนธรรมของชาวบ้าน ตนก็เห็นด้วย แต่เบื้องต้นรูปแบบที่ พล.อ.ชวลิตเสนอรัฐบาลปัจจุบันก็ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้นในอนาคตถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะต้องสร้างความเข้าใจกับสมาชิกพรรคก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ และพรรคนี้มีเจ้าของจึงต้องดูว่าคนที่เป็นเจ้าของตัวจริงเห็นอย่างไร ซึ่งดูจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน มีคนเป็นทหารประเภทชอบใช้ความรุนแรง จึงไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะมีความเห็นทางเดียวกันหรือไม่ แต่ถ้าให้ดีพรรคเพื่อไทยจะต้องประกาศนโยบายให้ชัดว่ามีแนวแก้ไขปัญหาทางภาคใต้อย่างไร พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรค ที่ พล.อ.ชวลิตสร้างขึ้นเอง จึงไม่แน่ใจว่าจะมีอำนาจในพรรคได้แค่ไหน

ส่วน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส. สัดส่วน ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย

โดยนายไพจิต กล่นที่ของ พล.อ.ชวลิต จะส่งผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ และคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งฝ่าย ค้านก็จะปฏิบัติภารกิจนี้ต่อไป เพราะเป็นที่ ชื่นชมของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิตระบุว่า ภารกิจที่สำคัญที่จะต้องกำหนดแนวทางให้ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาแต่รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์กลับทำให้เกิดความสับสนและบิดเบือน กล่าวหาว่าเป็นแนวคิดที่จะแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามถ้าพรรคเพื่อไทยมีอำนาจในการบริหาร ประเทศ จะใช้ทฤษฎีดอกไม้หลากสีเข้าไป แก้ไขปัญหา และเคารพความแตกต่างของคนในพื้นที่ ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้งพรรคจะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียง ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าเห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่

ขณะเดียวกัน นายอาซีส ตาเดอิน ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวสนับสนุนการตั้งนครปัตตานี ของ พล.อ.ชวลิตว่า เป็นแนวคิดที่ดี เพราะจะ ทำให้หลายกลุ่มเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ นอกจากนี้รัฐบาลเองก็ควรเข้ามาจัดการปัญหาทุกอย่างอย่างจริงจัง

นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า มหาเถรสมาคม (มส.) และรัฐบาล ได้ดำเนินการมอบเครื่องกฐินและทอดผ้าป่าสามัคคีถวายให้แก่วัด/ที่พักสงฆ์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่มีผู้รับจองเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยในปี 2552 มส. ได้มอบหมายให้พศ.นำผ้าป่าสามัคคีไปทอดถวายแก่วัด/ที่พักสงฆ์ ซึ่งมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่ครบ 5 รูป ไม่สามารถทอดกฐินได้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่วัด/ที่พักสงฆ์ พระภิกษุในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นางจุฬารัตน์ กล่าวต่อว่า มส. และ พศ. ได้รับเป็นเจ้าภาพและจัดหาเจ้าภาพผ้าป่าจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อทอดถวายแก่วัด/ที่พักสงฆ์ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่มีเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีเรียบร้อยแล้ว จำนวน 57 วัด/ที่พักสงฆ์ ประกอบด้วยจังหวัดยะลา จำนวน 18 วัด/ที่พักสงฆ์ ปัตตานี จำนวน 10 วัด/ที่พักสงฆ์ สงขลา จำนวน 12 วัด/ที่พักสงฆ์ และสตูล จำนวน 17 วัด/ที่พักสงฆ์ ส่วนนราธิวาส มีเจ้าภาพครบหมดแล้ว ซึ่ง พศ. ได้จัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีถวาย ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ณ วัดเมืองยะลา ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีพระพรหมเวที กรรมการ มส. ในนามผู้แทน มส. เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้

สำหรับความเคลื่อนไหวในพื้นที่ เวลา 08.00 น. นายกฤษฏา บุญราช ผวจ.ยะลา พ.ต.อ.เอกกฤษ วิริยภาพ ผกก.สภ.เมืองยะลา ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายหามะยาซี ยูโซ๊ะ อายุ 35 ปี นายซาการียา เจ๊ะมะ อายุ 32 ปี นายดูการิง สาและ อายุ 38 ปี และนายอาซูสมัน ยูโซ๊ะ อายุ 33 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก นอกจากนี้ยังมีกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง สอบสวนนายหามะยาซี รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือยิง นายอับดุลเลาะ นิเต๊ะ อส.เสียชีวิต ก่อนจะร่วมกับเพื่อนที่ถูกจับนำศพไปทิ้ง สาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายนำปืนขนาด .38 มาจำนำ แต่ไม่ยอมไถ่คืน เจ้าหน้าที่จึงส่งไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook