ผู้แสวงบุญชาวไทย พอใจต่อการบริการของรัฐบาลไทยในการประกอบพิธีฮัจย์ประจำปีนี้

ผู้แสวงบุญชาวไทย พอใจต่อการบริการของรัฐบาลไทยในการประกอบพิธีฮัจย์ประจำปีนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้แสวงบุญชาวไทยต่างพึงพอใจต่อการทุ่มเทในการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่ทางราชการส่งมาเพื่อช่วยเหลือจัดการและอำนวยความสะดวกในการประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมาดีนะห์และนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นอย่างมาก คณะเจ้าหน้าที่จากกรมประชาสัมพันธ์ที่ส่งไปติดตามรายงานข่าวและบรรยากาศการประกอบพิธีฮัจย์ รายงานว่า จากการที่ได้ไปเยี่ยมเยียนผู้แสวงบุญชาวไทยทั้งที่นครมาดีนะห์และนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ปรากฏว่า ผู้แสวงบุญชาวไทยโดยเฉพาะที่เดินทางมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างมีความประทับใจในการบริการและอำนวยความสะดวกของรัฐบาลไทย เริ่มตั้งแต่การเปิดสำนักงานจัดทำหนังสือเดินทางของกระทรวงการต่างประเทศที่จังหวัดยะลา ละเป็นการเฉพาะกิจที่จังหวัดนราธิวาส การจัดเตรียมสถานที่สำหรับผู้เดินทาง และผู้มาส่งที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียจนถึงเข้าที่พักก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยดูแลอำนวยสะดวกเป็นอย่างดียิ่ง สำหรับการบริการทางแพทย์ สามารถช่วยเหลือผู้แสวงบุญได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เนื่องจากผู้แสวงบุญที่เจ็บป่วยส่วนใหญ่มีปัญหาในการใช้ภาษาติดต่อสื่อสารกับชาวซาอุดิอาระเบียอีกทั้งยารักษาโรคก็มีราคาแพง เมื่อมีการจัดตั้งหน่วยแพทย์ไทยขึ้นมาเช่นนี้จึงช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ผู้แสวงบุญชาวไทยได้ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้จ่ายในการเดินทางมาแสวงบุญปีนี้สูงมากที่ปะมาณ 140,000 150,000 บาท ต่อคน แต่สภาพความเป็นอยู่ของผู้แสวงบุญในเรื่องของที่พักและอาหารซึ่งผู้ประกอบการฮัจย์จัดเตรียมให้มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากในระดับวงเงินที่เท่ากัน และยิ่งเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีค่าใช้จ่ายคนละ 100,000 บาท แต่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่ามาก จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลควบคุมเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป โดยให้ถือว่าการประกอบพิธีฮัจย์เป็นหน้าที่และเกียรติยศของผู้นับถือศาสนาอิสลาม แต่การจัดระบบกิจการฮัจย์เป็นศักดิ์ศรีของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆที่มีผู้แสวงบุญเดินทางมากว่า 200 ประเทศทั่วโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook