รักเกียรติพ้นคุกสำนึกผิดลั่นไม่ยุ่งการเมืองอีก

รักเกียรติพ้นคุกสำนึกผิดลั่นไม่ยุ่งการเมืองอีก

รักเกียรติพ้นคุกสำนึกผิดลั่นไม่ยุ่งการเมืองอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รักเกียรติ สุขธนะ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำคลองเปรมแล้ว เผยสำนึกผิดที่ทำลงไปแล้ว ลั่นจะไม่หันกลับไปเล่นการเมืองอีก หลังจากกรมราชทัณฑ์อนุมัติพักการลงโทษ รักเกียรติ สุขธนะ อดีตรมว.สธ. หลังติดคุกยาวกว่า 5 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ นัดปล่อยตัวจากเรือนจำคลองเปรมเย็นนี้

(29 ต.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้อนุมัติให้พักการลงโทษนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องโทษจำคุกในเรือนจำกลางคลองเปรมในคดีทุจริตจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ และคดีความผิดตามพ.ร.บ.การใช้เช็ค ต้องโทษจำคุก 17 ปี 6 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้นายรักเกียรติได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษให้คงเหลือโทษจำคุก 9 ปี 2 เดือน

นายรักเกียรติ ได้รับโทษจำคุกมานานกว่า 5 ปี เหลือโทษจำคุกจริงอีก 2 ปี 6 เดือน หรือประมาณ 1 ใน 3 จึงถือว่ามีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์การขอพักการลงโทษ คณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นายรักเกียรติประพฤติตัวดี ไม่ก่อปัญหาหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบของเรือนจำ จึงอนุมัติให้พักการลงโทษและได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังเรือนจำกลางคลองเปรมเพื่อให้ปล่อยตัวนายรักเกียรติ ในเบื้องต้นทราบว่านายรักเกียรติจะกลับไปพักอาศัยในจ.อุดรธานีซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม

ทั้งนี้ในระหว่างการพักการลงโทษจำคุกกว่า 2 ปีนี้ นายรักเกียรติจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการคุมประพฤติ โดยจะต้องเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุก ๆ 1 เดือน และจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำความผิดใดๆ มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดเงื่อนไขในการพักการลงโทษ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องนำตัวกลับมารับโทษเก่าที่ได้รับการพักโทษไว้ให้ครบจำนวน

นายสมศักดิ์ รังสิโยภาส ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวว่า ภายหลังเรือนจำได้รับหนังสือแจ้งเรื่องการพักการลงโทษจากกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมด จากนั้นจะเบิกตัวนักโทษออกจากแดนคุมขังเพื่อปล่อยตัวออกจากเรือนจำ

ด้านนางพรสวรรค์ เกิดโภคา ผอ.สำนักทัณฑปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาพักการลงโทษให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศกว่า 200 คน โดยเริ่มพิจารณาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ทั้งนี้การพิจารณาพักการลงโทษเป็นการพิจารณาโดยคณะกรรมการกลั่นกรองที่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการ ไม่ใช่การพิจารณาเป็นการภายในของกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ยังผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษจะต้องเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุก 1 เดือน ส่วนเงื่อนไขอื่นๆอาทิ การบำเพ็ญประโยชน์ในช่วง 2 ปี 6 เดือนนั้น ขึ้นอยู่กับกรมคุมประพฤติจะกำหนดให้ผู้ได้รับการพักการลงโทษปฏิบัติตามความเหมาะสมเป็นรายๆไป

ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการต้องโทษคุมขังนายรักเกียรติเคยร้องขอย้ายจากเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อไปคุมขังในเรือนหนองบัวลำภู โดยอ้างว่าเป็นการย้ายกลับภูมิลำเนาเพื่อให้ญาติสะดวกในการเข้าเยี่ยม จากนั้นได้ทำเรื่องขอย้ายกลับมาเรือนจำกลางคลองเปรมอีกครั้ง โดยนายรักเกียรติให้เหตุผลว่า ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จำเป็นต้องพบแพทย์เป็นประจำเกือบทุกสัปดาห์ จึงขอย้ายมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาลในทัณฑสถานโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ และเพื่อให้ใกล้กับที่อยู่ของภรรยา

สำหรับนายรักเกียรติเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องโทษจำคุกคดีทุจริตรับสินบน ตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2546 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี ฐานทุจริตรับเงินสินบน 5 ล้านบาทจากบริษัทยา ทำให้สาธารณสุขจังหวัดต้องจัดซื้อยาในราคาแพง

แต่คดีนี้นายรักเกียรติหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา กระทั่งมีพลเมืองดีพบเห็นนายรักเกียรติขณะออกกำลังกายในสวนสาธารณะย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงแจ้งให้ตำรวจจับกุมตัวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2547 และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายขังคดีถึงที่สุด หลังรับตัวนายรักเกียรติ จากตำรวจและส่งตัวไปรับโทษตามคำพิพากษา


รักเกียรติออกคุกสำนึกผิดแล้วไม่ยุ่งการเมืองอีก

เมื่อเวลา 18.00 น. นายรักเกียรติ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำคลองเปรม โดยมีภรรยาและลูกๆ มารอรับ ด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม และทันทีที่พบหน้าภรรยา นายรักเกียรติได้โผเข้ากอดและหอมแก้มภรรยา พร้อมทั้งกล่าวว่าขอบคุณกรมราชทัณฑ์ ที่มีโครงการพักโทษที่ผ่านมาตนได้รับพระราชอภัยโทษถึง 2 ครั้ง ที่ทำให้รู้สึกสำนึกผิด

"หลังจากนี้จะตั้งใจทำมาหากินอย่างสุจริตไปใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้ศึกษาธรรมจนได้นักธรรมตรี ตนคิดว่าโชคดีที่ถูกจับมาติดคุก เพราะหากวันนั้นหนีไปคงใช้ชีวิตอยากลำบาก หรืออาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ หลังจากนี้ไม่คิดที่จะเล่นการเมืองแล้ว" นายรักเกียรติ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook