ดีเดย์ 1 พ.ค. ให้ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วย 7 โรคเสี่ยง เริ่มลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-คนทั่วไปรอก่อน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/1674/8373274/covid-vaccine-plan-280421.jpgดีเดย์ 1 พ.ค. ให้ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วย 7 โรคเสี่ยง เริ่มลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-คนทั่วไปรอก่อน

    ดีเดย์ 1 พ.ค. ให้ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วย 7 โรคเสี่ยง เริ่มลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-คนทั่วไปรอก่อน

    2021-04-28T17:19:25+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    วันที่ 1 พ.ค.นี้ เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค รวม 16 ล้านคน ผ่านไลน์ “หมอพร้อม” เวอร์ชัน 2 หรือติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีประวัติการรักษา รพ.สต./อสม. ในพื้นที่ เริ่มฉีดวัคซีน 7 มิ.ย. – 31 ก.ค. ส่วนประชาชนทั่วไปอายุ 18-59 ปี ลงทะเบียนวันที่ 1 ก.ค. รับการฉีดตั้งแต่ ส.ค.เป็นต้นไป

    วันนี้ (28 เม.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ผ่าน Line Official Account “หมอพร้อม”

    นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันคนไทยทั้งประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงทุกคน เพื่อควบคุมโรค สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยในระยะแรก มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 3.8 ล้านคน ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงขณะนี้ฉีดครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด รวมกว่า 1.2 ล้านโดส มีผู้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วกว่า 1 ล้านคน และรับวัคซีนครบ 2 เข็มอีกกว่า 2 แสนคน

    ทั้งนี้ รมช.สาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ระยะที่ 2 จะมีวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้า และเริ่มให้บริการฉีดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 โดยเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 11.7 ล้านคน และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 4.3 ล้านคน ได้แก่

    • โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง
    • โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • โรคไตวายเรื้อรัง
    • โรคหลอดเลือดสมอง
    • โรคมะเร็ง
    • เบาหวาน
    • และโรคอ้วน

    รวมทั้ง 2 กลุ่ม “16 ล้านคน 16 ล้านโดส” เพื่อลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตสูง โดยเปิดให้ทั้ง 2 กลุ่มนี้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์รับวัคซีนโควิด เพื่อจัดลำดับนัดหมาย ผ่านไลน์หมอพร้อมเวอร์ชัน 2 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 หรือติดต่อนัดหมายที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีประวัติการรักษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)/อสม.ในพื้นที่ เริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคมนี้

    สำหรับระยะที่ 3 จะฉีดให้ประชาชนที่มีอายุ 18-59 ปี จำนวน 31 ล้านคน เพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ลงทะเบียนนัดหมายรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และเริ่มฉีดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

    covid-vaccination-plan-280421

    “ขอให้มั่นใจรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ฉีดให้คนไทยทุกคน ภายในปี 2564 นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมการป้องกันควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิต” นายสาธิต ระบุ

    ขณะที่ นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลที่ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังได้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบหมอพร้อมแล้ว โดยวันนี้ (28 เมษายน 2564) ได้อัปเดตไลน์ “หมอพร้อม” เป็นเวอร์ชัน 2 เพิ่มฟังก์ชันการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทั้ง 2 กลุ่มลงทะเบียน เลือกโรงพยาบาล นัดหมายวันเวลา รับการฉีดวัคซีน ซึ่งประชาชนทำได้โดยการเพิ่มเพื่อน (Add Friend) ไลน์หมอพร้อม ลงทะเบียนการใช้งาน กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้ถูกต้อง หากมีข้อมูลในระบบแล้วให้ใส่เบอร์โทรศัพท์และกดบันทึก หากไม่มีข้อมูลในระบบให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและกดบันทึก จะมีข้อความแจ้งยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จากนั้นกดเมนูจองฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อลงทะเบียนการฉีดวัคซีน นัดวันและเวลาฉีดวัคซีนที่สะดวก

    หากต้องการลงทะเบียนแทนบุคคลในครอบครัว ให้กด “เพิ่มบุคคลอื่น” ที่เมนู “แก้ไขข้อมูลส่วนตัว” ซึ่งสามารถเพิ่มได้ไม่จำกัด แล้วค่อยเข้าเมนูจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไป หากไม่สะดวกมาในวันนัดหมาย มีฟังก์ชันเปลี่ยนการนัดหมายการฉีดวัคซีนใหม่ด้วย หากมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ “หมอพร้อม” สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1422 หรือ 02 792 2333

    ทั้งนี้ ก่อนฉีดวัคซีน 1 วันจะมีข้อความแจ้งเตือนให้มารับวัคซีนตามนัด ฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับข้อความยืนยันการรับวัคซีน รวมถึงจะมีการส่งแบบประเมินอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน ส่วนวัคซีนเข็มที่ 2 ระบบจะดำเนินการแบบเดียวกัน และมีการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มด้วย

    อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านไลน์หมอพร้อม สามารถโทรนัดหมายได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือติดต่อ อสม.ภายในหมู่บ้าน

    นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมสำหรับฉีดวัคซีนโควิดให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยมีหน่วยบริการฉีดวัคซีนทั้งหมด 1,373 แห่ง ให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 3 แสนคน หรือประมาณเดือนละ 10 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดหน่วยบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาล ตามเกณฑ์ปฏิบัติของกรมการแพทย์ ซึ่งการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลได้มีการจัดเตรียมสถานที่ในการฉีดวัคซีนไว้ 5 จุด ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อจุด เมื่อฉีดวัคซีนเสร็จต้องรอสังเกตอาการอีก 30 นาที โดยรวมใช้เวลาในการรับวัคซีนประมาณ 35-40 นาที ทำให้การฉีดวัคซีนมีความรวดเร็วและความปลอดภัย ดังนั้น จึงสามารถให้วัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวนรวมทั้งหมด 16 ล้านคนเสร็จสิ้นได้ตามกำหนด

    สำหรับการกระจายวัคซีนนั้น มีองค์การเภสัชกรรมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท DKSH ที่มีระบบเก็บรักษาอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน สามารถจัดส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัดได้ภายใน 24 ชั่วโมงต่อรอบการขนส่ง ดังนั้น โรงพยาบาลจึงไม่ต้องจัดหาอุปกรณ์เก็บรักษาวัคซีนที่มากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาระบบติดตามการกระจายวัคซีนที่สามารถตรวจสอบแหล่งเก็บวัคซีนและสถานการณ์ขนส่งวัคซีนได้แม่นยำ ช่วยควบคุมการกระจายวัคซีนได้อย่างเป็นระบบ ส่วนกรณีการออกหน่วยให้บริการวัคซีน โรงพยาบาลที่ออกหน่วยต้องมีความพร้อมและปฏิบัติตามเกณฑ์ของกรมการแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

    ทางด้าน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนของกรมควบคุมโรค มีแผนการกระจายวัคซีนเริ่มจาก 6 ล้านโดสในเดือนมิถุนายน และเดือนละประมาณ 10 ล้านโดสในเดือนต่อๆ ไป โดยระยะแรกจะฉีดกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต คือ กลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว โดยได้ออกคู่มือแนวทางการบริหารจัดการให้วัคซีน มีการเตรียมระบบ cold chain ครอบคลุมต้นทางถึงปลายทาง มีการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีด ได้แก่ ไซริงและเข็ม ไว้พร้อม อุปกรณ์และกล่องขนส่งวัคซีน โดยมีการสั่งซื้อไซริงที่ลดการสูญเสียวัคซีน คือ low dead space syringe เพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ถึง 11-12 โดส ช่วยทำให้บุคลากรสะดวกและปฏิบัติงานง่ายขึ้น ส่งผลดีเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีนครอบคลุมได้เร็วและมาก

    ซึ่งการรับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้อย่างน้อยร้อยละ 60-80 และจะลดโอกาสแพร่เชื้อได้ถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้ ยังมีระบบการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์โดยคณะผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและแพทย์สาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวินิจฉัยและให้ความเห็นสาเหตุการป่วยว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ให้เกิดความชัดเจน และดูแลความปลอดภัยของผู้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในแผนงานของประเทศไทย

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :กระทรวงสาธารณสุข