Asean Education Hub ตอนที่ 2 : ไทยในฐานะศูนย์กลางการศึกษาอาเซียน
สำนักข่าวแห่งชาติได้พยายามอธิบายถึงการสร้างศูนย์กลางการศึกษาในอาเซียน พอให้ภาพรวมที่ชัดเจน รวมทั้งความจำเป็นในการมีศูนย์กลางการศึกษาอาเซียนไปในตอนที่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือศูนย์กลางดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่ใด ประเทศไทย ในฐานะประธานอาเซียนถือว่าค่อนข้างมีความพร้อมในระดับหนึ่งต่อการเป็นศูนย์กลางการศึกษาอาเซียน ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่ต้องติดตามได้แก่ ความพร้อมของระบบการศึกษา ทรัพยากร รวมทั้งบุคลากรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์ เนื้อหาการเรียน หรือแม้กระทั่งผู้เรียนก็ตาม การดำเนินการของไทย...สู่ความเป็นศูนย์กลางการศึกษา ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการฯ เปิดเผยว่า สพฐ.มีแผนดึงดูดนักเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านให้เข้ามาศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนของ สพฐ.ที่ตั้งอยู่ตามชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งดึงดูดชาวต่างชาติให้ส่งลูกเข้าเรียนต่อใน ร.ร.มัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยให้จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษที่มีมาตรฐานสากลระดับนานาชาติ โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน (Education Hub) โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2553-2555 และใช้งบประมาณดำเนินการจากเงินกู้กระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 โดยโรงเรียน 14 แห่งจะได้รับงบประมาณสนับสนุนให้ไปพัฒนาให้มีมาตรฐานสากลและสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทแต่ละพื้นที่เป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครองนักเรียนต่างชาติที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาในประเทศไทย โดยจะต้องปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีศูนย์อัจฉริยภาพที่มีอุปกรณ์ครบครันเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการเรียนการสอน รวมทั้งพัฒนาครู พัฒนาสื่อรองรับด้วย โดยโรงเรียนทั้ง 14 แห่งนั้นได้แก่ ร.ร.โยธินบูรณะ กทม. ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ ร.ร.โพธิสัมพันธ์พิทยาคาร ชลบุรี ร.ร.สตรีภูเก็ต ร.ร.ปทุมเทพพิทยาคาร หนองคาย ร.ร.จุฬาภรณราชวิทยาลัย มุกดาหาร ร.ร.จุฬาภรณราชวิทยลัย สตูล ร.ร.พิชัยรัตนาคาร จ.ระนอง ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ เชียงราย ร.ร.ประสาทวิทยาคาร สุรินทร์ ร.ร.กันทรลักษ์วิทยา ศรีสะเกษ ร.ร.นารีนุกูล อุบลราชธานี ร.ร.หาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และ ร.ร.สรรพวิทยา ตาก ในระดับอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้พยายามผลักดันให้มหาวิทยาลัย 9 แห่งในประเทศไทยเป็นศูนย์ศึกษาในเอเชีย โดยประกอบด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เกษตรศาสตร์ขอนแก่น เชียงใหม่ เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เทคโนโลยีสุรนารี มหิดล และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตามข้อตกลงโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียนได้ไม่ยากนัก การเตรียมความพร้อม ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ในส่วนของการดำเนินงานภาครัฐ ได้มีการผลักดันทั้งในระดับมัธยม และในระดับอุดมศึกษา ให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์การศึกษา แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ ในระดับบุคคลจำเป็นที่จะต้องมีการปลูกฝังนักเรียนไทยในด้านต่าง ๆ เช่นกัน ได้แก่ 1. สำนึกความเป็นเอกภาพของอาเซียน ขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งในการสร้างศูนย์กลางการเรียนรู้อาเซียนก็คือ การชำระประวัติศาสตร์อาเซียนที่จะต้องมีความเข้าใจตรงกัน ทั้งนี้เพื่อความเป็นเอกภาพและความสมัครสมานสามัคคีอันพึงมีในประชาคมเดียวกัน การปลูกฝังว่าประเทศเพื่อนบ้านและประเทศไทยต่างมีไมตรีที่ดีต่อกันเสมอมา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะเป็นหนทางที่ดีที่จะสร้างพลังอันแข็งแกร่ง เพื่อให้เอื้อต่อการบูรณาการการศึกษาระหว่างกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 2. ความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ เนื่องจากอาเซียนมีความหลากหลายด้านภาษาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้มีการเลือกให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของอาเซียนเพื่อเป็นตัวกลางในการสื่อสาร และแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม อาเซียนยังเป็นภาษาหลักที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในโลก การปูพื้นฐานให้เด็กไทยมีความเข้าใจในภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ย่อมหมายถึงโอกาสของเด็กไทยที่จะมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียนได้ 3. สำนึกความเป็นเจ้าบ้านที่ดี การที่ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษา ย่อมหมายถึงว่าประชาชนชาวไทยจะต้องเป็นเจ้าบ้านที่คอยดูแลและเอื้ออำนวยให้ผู้เรียนผู้สอนจากนานาประเทศในอาเซียนให้สามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้วยไมตรีจิตในฐานะเจ้าบ้านที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้เรียนด้วยกันซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาคมอาเซียนได้เป็นอย่างดี แม้จะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนของการเป็นศูนย์กลางการศึกษาอาเซียนของประเทศไทย ทว่าการดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นระบบจะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้การพัฒนา โดยเฉพาะในด้านการศึกษาเป็นไปอย่างมั่นคง และมีประสิทธิภาพสูงสุด ในฐานะคนไทย การเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับเยาวชนจากอีก 9 ชาติที่เหลือได้ พร้อมกับความมีมนุษยธรรมที่ดี จะถือเป็นความสำเร็จสูงสุดในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาอาเซียนของไทย