ตำรวจช่วยพ่อลูกพลัดพราก 17 ปี ได้พบกันอีกครั้ง เล่าชีวิตเร่ร่อน จำทางกลับบ้านไม่ได้

ตำรวจช่วยพ่อลูกพลัดพราก 17 ปี ได้พบกันอีกครั้ง เล่าชีวิตเร่ร่อน จำทางกลับบ้านไม่ได้

ตำรวจช่วยพ่อลูกพลัดพราก 17 ปี ได้พบกันอีกครั้ง เล่าชีวิตเร่ร่อน จำทางกลับบ้านไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจไทยทำได้ทุกอย่าง! ช่วยตามหาลูกชายที่พลัดพรากจากบ้านนานกว่า 17 ปี ให้มาพบหน้าพ่อที่นอนป่วยอีกครั้ง ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว

(23 มิ.ย.63) พ.ต.อ.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ ผู้กำกับการ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์   จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และประชาชนจิตอาสา  ต.หนองแวง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค ไปมอบให้คุณตาฤทธิ์ หรือ นายฤทธิ์ บุญเพชร อายุ 83 ปี ซึ่งล้มป่วยด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี และโรคเกาต์ ทำให้เดินไปมาไม่สะดวก นอนติดเตียงมานานกว่า 3 เดือนแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจ

หลังจากก่อนหน้านี้ครอบครัวของ คุณตาฤทธิ์ ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือ ติดตามหานายสมพงษ์ หรือ สวด บุญเพชร บุตรชายคนที่ 4 ให้มาพบเจอหน้าคุณตาฤทธิ์อีกครั้ง เนื่องจากคุณตาฤทธิ์ได้ล้มป่วยลงและอยากพอหน้านายสมพงษ์ ซึ่งได้หายตัวออกไปจากบ้านตั้งแต่ปี 2547 และไม่เคยติดต่อกลับมาบ้านเลย จากนั้นตำรวจได้ทำการตรวจสอบข้อมูลประวัติ จนทราบว่านายสมพงษ์ อาศัยอยู่ที่ ต.อุ่มเม่า อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และตำรวจกำลังไปรับตัวกลับมา ทันทีที่รถยนต์ตำรวจที่ไปรับตัวนายสมพงษ์ ขับมาถึงบ้าน นายสมพงษ์ได้โผเข้ากอด พร้อมก้มลงกราบแทบเท้า คุณตาฤทธิ์ผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ หลังพลัดพรากกันมานานกว่า 17 ปี ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนจิตอาสา ที่มาร่วมเป็นกำลังใจให้คุณตาฤทธิ์ ได้พบเจอหน้านายสมพงษ์ ลูกชายอีกครั้ง

นายสมพงษ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า  รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มาพบหน้าพ่อ และญาติพี่น้องในครั้งนี้ หลังจากพลัดพรากจากกันมานานกว่า 17 ปี โดยขณะนั้นตนเองได้ออกจากบ้านไปทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่ปี 2547 แต่งานที่ทำกลับถูกโกง ทำให้ตนไม่มีรายได้ สภาพไม่ต่างจากคนเร่ร่อน ต้องร่อนเร่หาทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งไปอยู่ที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ได้รับความอนุเคราะห์ช่วยเหลือจาก กำนันตำบลอุ่มเม่า อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด รับเข้าทำงานในสวน เพื่อแลกกับที่อยู่อาศัยและอาหารการกิน โดยอาศัยอยู่นานหลายปี ซึ่งก่อนหน้านั้นตนคิดอยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่เงินไม่พอ อีกทั้งจำทางกลับไม่ค่อยได้ กระทั่งวันก่อนกำนันบอกว่ามีตำรวจจาก อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ โทรติดต่อเข้ามาว่าพ่อของตนเอง ได้ล้มป่วยลง และต้องการพบหน้าของตนเอง โดยตำรวจจะเป็นผู้มารับกลับไปหาพ่อ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้กลับบ้านมาพบพ่อกับญาติพี่น้องอีกครั้ง

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้จะขออยู่ดูแลพ่อ และหางานในพื้นที่ทำ หรือหากไม่มีงานทำ อาจจะกลับไปทำงานที่เดิมกับกำนันที่ จ.ร้อยเอ็ด แล้วค่อยหาโอกาสหรือวันใดว่างๆ กลับมาเยี่ยมพ่อ

ด้านนางมนิตย์ สายทอง อายุ 57 ปี  พี่สาวของนายสมพงษ์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้อง 9 คน ตนเองเป็นคนที่ 2 ส่วนนายสมพงษ์ เป็นคนที่ 4 ซึ่งทุกคนได้แยกย้ายกันมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว แต่ยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และจะคอยช่วยกันดูแลพ่อหรือคุณตาฤทธิ์ เนื่องจากพ่ออาศัยอยู่บ้านคนเดียว เพราะท่านไม่ยอมไปอยู่กับบ้านของลูกๆ โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือนกว่า พ่อได้ล้มป่วยลง โดยมีอาการปวดที่ท้องอย่างรุนแรง ไปหาหมอๆบอกว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี จะต้องรีบทำการรักษาโดยด่วน หากทิ้งไว้นานอาจจะส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งพ่อก็อายุมากแล้ว เดินเหินก็ไม่สะดวกเพราะเป็นโรคเก๊าส์

นางมนิตย์ เล่าให้ฟังต่อว่า หลังจากผ่าตัดรักษาเสร็จ พ่อได้กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านพัก แต่ไม่สามารถลุกเดินได้เพราะปวดขา จากนั้นพ่อจึงบ่นขึ้นมาว่าอยากจะพบหน้าลูกหลานทุกคน โดยเฉพาะนายสมพงษ์ ที่ได้หายตัวออกไปจากบ้านนานกว่า 17 ปีแล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พอดีตำรวจ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ได้เข้ามาจัดโครงการตำรวจมวลชนสัมพันธ์ ตนจึงได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดบอกตำรวจ ซึ่งตำรวจก็รับปากว่าจะช่วยหาให้ จากนั้นถัดมาอีก 2 วัน ตำรวจได้เข้ามาบอกว่า พบเจอตัวนายสมพงษ์ น้องชายของตนเองแล้ว โดยอาศัยทำงานอยู่กับกำนัน ต.อุ่มเม่า อ.โพธิทอง จ.ร้อยเอ็ด และตำรวจจะไปรับตัวมาให้พบพ่อ ซึ่งตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แล้วได้รับการช่วยเหลืออย่างเร็วไว เพราะไม่คิดว่าตำรวจจะช่วยเหลือได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

นางมนิตย์ เล่าด้วยว่าจากนั้นจึงนำเรื่องมาบอกพ่อ พ่อก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จากที่ลุกนั่งลำบาก พอรู้ว่าตำรวจจะพานายสมพงษ์ มาหาพ่อก็สามารถลุกนั่งได้ทันที และนั่งรอแต่เช้าเพื่อจะได้พบหน้านายสมพงษ์ จากนั้นตำรวจก็ได้ขับรถพานายสมพงษ์ น้องชายตนมาถึงที่บ้าน สร้างความประทับใจและตื้นตันใจแก่ครอบครัวของพวกตนเป็นอย่างมาก ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ เพราะหากไม่ได้การช่วยเหลือจากตำรวจ ก็คงอาจจะไม่สามารถหาตัวน้องชายเจอ และได้มาหาพ่อด้วย

ส่วนคุณตาฤทธิ์  หรือนายฤทธิ์ บุญเพชร อายุ 83 ปี กล่าวว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบเจอหน้าลูกชายอีกครั้ง เพราะไม่ได้พบหน้ากันมานานกว่า 17 ปีแล้ว ตั้งแต่ลูกชายหายออกไปจากบ้าน

ขณะที่ พ.ต.อ.สมยศ  กล่าวว่า  ตำรวจ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ได้จัดโครงการตำรวจมวลชนสัมพันธ์ หรือตำรวจ ชมส. โดยการลงพื้นที่หมู่บ้านหนองไผ่ล้อม หมู่ที่ 2 ต.หนองแวง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เพื่อหาแนวร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ในการพัฒนาด้านต่างๆของหมู่บ้าน รวมถึงด้านการเห็นหูเป็นตากับตำรวจ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยาเสพติด ขณะนั้นได้มีนางมนิตย์ ซึ่งได้นำผักมาจำหน่าย บอกกับตนเองว่ากำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากพ่อได้ล้มป่วยลง และอยากพบหน้าลูกชายที่พลัดพรากออกจากบ้านไปนานกว่า 17 ปีแล้วอีกครั้ง

ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลประวัติต่างๆ ของนายสมพงษ์ กระทั่งทราบว่าเคยไปอยู่มาในหลายจังหวัด กระทั่งล่าสุดทราบว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด จึงได้ทำการประสานกับตำรวจ และผู้นำชุมชนในท้องที่นั้นๆ จนทราบว่านายสมพงษ์ได้มาอาศัยอยู่กับ กำนัน ต.อุ่มเม่า อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด จึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกำนันฟัง และประสานขอรับตัวนายสมพงษ์มาเพื่อพบพ่อที่บ้านเกิดอีกครั้ง

พ.ต.อ.สมยศ  กล่าวด้วยว่าถือเป็นเรื่องราวที่น่ายินดี ที่ตำรวจได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้พ่อลูกได้พบเจอหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง หลักจากพลัดพรากกันมานานหลายปี ซึ่งทันทีที่คุณตาฤทธิ์ทราบว่า ตำรวจตามหาตัวลูกชายคุณตาฤทธิ์เจอแล้ว คุณตาฤทธิ์มีสีหน้าสดใสขึ้นจากเดิม และสามารถลุกนั่งนานๆ ได้ จากที่ก่อนหน้านี้นอนติดเตียง ลุกนั่งก็ลำบาก แต่พอรู้ว่าเจอตัวลูกชายแล้ว กลับมีสีหน้าที่สดใส และดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที และขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชน หากได้รับความเดือดร้อน และต้องการให้ตำรวจช่วยเหลือ ตำรวจก็ยินดีที่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และช่วยเหลือทันที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook