โดยท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ได้กล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง พระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ณ หอประชุมกองทัพเรือ ในตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว ทำไม พวกเราถึงไม่ตอบแพระองค์ด้วยการทำให้พระองค์ชื่นใจ เห็นผลงานที่ทรงทำตรงนั้นตรงนี้ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เมืองไทยเชิดหน้าชูตาได้ คนไทยเก่ง คนไทยมีเมืองไทยที่งดงาม ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รุ่นโต ถ่ายทอด กันมาเป็นสังคมไทยที่อยู่เย็นเป็นสุข ในวันที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว เราให้อะไรกับพระองค์บ้าง ให้ความชื่นใจอะไรกับพระองค์บ้าง
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ย้ำด้วยว่า ทั้งสองพระองค์ไม่ทรง ต้องการอะไรเลย ต้องการอย่างเดียว ทรงอยากเห็นเมืองไทยอยู่รอด คนไทยด้วยกันสามัคคีกัน ช่วยกันธำรงชาติบ้านเมืองให้ยั่งยืนต่อไป อย่าขัดแย้งกัน อย่าทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ทรงทำมาตลอด 60 ปี ทำไมคนไทยถึงปล่อยให้พระองค์เห็นคนไทยเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ทำให้พระองค์ชื่นใจ และเมื่อได้ฟังคำพูดของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รมช.มหาดไทย และอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ที่ระบุว่า ปัจจุบันสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยตกเป็นเป้าของการลบหลู่ ให้ร้าย โจีจากบุคคลบางกลุ่มบางพวก และมีเว็บไซต์เถื่อนคอยจ้องทำลายสถาบัน ซึ่งทุกคนต้องตระหนักและช่วยกันปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไม่เช่นนั้นคนไทยอาจต้องเผชิญกับสงครามที่สาหัสมาก
ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมปกปักรักษา สถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง เพียงแต่เราจะทำอย่างไรมิให้ข้อมูลข่าวสารถูกบิดเบือน หรือถูกกลุ่มคนบางกลุ่มนำไปแอบอ้างใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อม ๆ กับเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือแก่ประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ประสงค์ทำให้เกิดเหตุ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท.