ถกอีกยกประกัน3สินค้าเกษตร

ถกอีกยกประกัน3สินค้าเกษตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เปลี่ยนเงื่อนไขกลัวชาวนาวิ่งหนี

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันที่ 27 ส.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะพิจารณาเรื่องการประกาศราคารับประกันสินค้าเกษตร ที่รัฐนำร่อง 3 ประเภท คือ ข้าวโพด มันสำปะหลัง ข้าวเปลือก ซึ่งที่ประชุมยังมีข้อเสนอแตกต่างกันบางประการ โดยเฉพาะการกำหนดปริมาณข้าวเปลือกที่ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการนั้น อาจเปลี่ยนจาก กำหนดจำนวนตันเป็นวงเงินรวม ที่เข้าร่วมโครงการแทน เพราะการจำกัดปริมาณไว้สูงสุด 20 ตันนั้น หากเป็นข้าวเปลือกตันละ 10,000 บาท จะคิดเป็นเงินเพียง 200,000 บาท แต่การจำนำก่อนหน้านี้เกษตรกรเคยได้รับ 350,000 บาท จึงอาจทำให้เกษตรกรรายใหญ่ไม่สนใจ ทำให้มีผู้แสนอให้จำกัดวงเงิน 350,000 บาท ต่อรายแทน ทั้งนี้หากที่ประชุมเลือกกำหนดวงเงิน อาจทำให้รัฐต้องชดเชยส่วนต่างราคาข้าวเพิ่มจากเดิม 25,000 ล้านบาทเป็น 40,000 ล้านบาท

เงินที่ใช้ดำเนินโครงการฯ นั้น จะมาจากโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อใช้ชดเชยส่วนต่างให้ข้าวโพดและมันสำปะหลัง 18,500 ล้านบาท และข้าวเบื้องต้น 25,000 ล้านบาท หากต้องใช้เงินเพิ่ม ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้เงินในโครงการไทยเข้มแข็งดังกล่าวได้ทันทีหรือไม่ ธ.ก.ส.จึงต้องมีกันงบไว้ 120,000 ล้านบาท สำรองไว้ก่อน ส่วนราคาข้าวนั้น น่าจะเป็นไปตามข้อเสนอเดิม โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ให้ราคาสูงถึงตันละ 15,300 บาทนั้น ได้บวกเพิ่มกำไรให้ถึง 40% เพื่อจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวที่มีราคาและคุณภาพดีที่สุดมากขึ้น อีกทั้งผลผลิตที่ได้ต่อไร่ปัจจุบันยังค่อนข้างต่ำ

สำหรับการชดเชยส่วนต่างราคาข้าวที่รับ ประกันนั้นประเมินไว้ที่ตันละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างของราคาประกันกับราคาตลาด จึงต้องประสานความร่วมมือกับสมาคมโรงสีที่เข้าร่วมโครงการให้เข้าไปช่วยรับซื้อข้าวจากเกษตรกร หากเห็นว่าส่วนต่างราคามีแนวโน้มจะห่างกันมากขึ้น เพื่อช่วยให้รัฐไม่ต้องแบกรับภาระการชดเชยมากนัก ซึ่งจากการหารือกับโรงสีทุกจังหวัด พร้อมให้ความร่วมมือ โดยหลังจากกขช.ประกาศราคาประกัน เกษตรกรยื่นขอเข้าโครงการได้ทันที.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook