ชาคริต น้ำตาคลอ-โต้เล่นหนังเป้าตุง

ฉายาผู้ชายไม้เลื้อยไหม ผมก็ตอบไปทางโทรศัพท์ว่า ผมไม่ ใช่คนเลว ไม่มีอะไรที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรในตัวเอง ฉายานี้จะอยู่ไปอีก 10-20 ปี จะหยุดหรือไม่หยุดนั้นอยู่ที่สื่อจะช่วยเหลือมากแค่ไหน จะเข้าใจเห็นใจผมมากแค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วผมไม่สามารถที่จะหยุดอะไรได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ถึงตอนนี้ "ชาคริต" ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม แต่ระบายความอัดอั้นต่อไปว่า ตอนแรกแซวกับผู้กำกับฯ "ต้อม-ปิยะพันธุ์" ว่าหยิบเอาข่าวของตนมาทำหนังหรือเปล่า เป็นเรื่องที่แซวกันเล่น แต่ประ เด็นหนังไม่ใช่เรื่องของเซ็กซ์ เป็นประเด็นของผู้ชายเจ้าชู้ในเรื่องที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งแค้นแล้วเขาก็ ฆ่าตัวตาย กลายเป็นผีกลับมาแก้แค้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีอุทาหรณ์ดี มีข้อคิด เลยรับเล่นและในเชิงหนังที่เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์

"ผมรู้ว่า จะต้องเจอกับคำถามอะไรบ้าง มักจะมีคำถามว่า เล่นเป็นตัวเองหรือเปล่า เอ้าแล้วในหนังไม่ใช่การแสดงหรือ สุดท้ายประเด็นก็พุ่งมาที่ ชาคริต เจ้าชู้ ชาคริต เจ้าชู้ และมีข่าวเล่นมาถึงอวัยวะเพศ ขอโทษนะ ผมไม่ใช่คนเถื่อนขนาดนั้น ไม่ใช่คนวิปริต เป็นเพียงคนทำงานคนหนึ่ง มาถึงเรื่องขยำนม มีพาดหัวข่าวว่า "นมโบวี่ช้ำ โดนชาคริตขยำ" เป็นฉากเลิฟซีนที่ผู้กำกับฯ เป็นคนบล็อกให้ นักแสดงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกเหนือไปจากที่ผู้กำกับฯ สั่งไว้ จะมีขอให้มากขึ้นหรือขอให้ลดลง ต้องเป็นการตกลงกันระหว่างนักแสดงด้วย แต่นั่นคืองาน มันคือศิลปะ ผมเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ เพราะรักงานศิลปะรักงานแสดงจริงๆ"

"ด้วยชีวิตส่วนตัว ตลอด 10 ปีที่ทำงานมา แม่ก็ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย แต่ในวันนี้ที่แม่มาเพราะผมให้ท่านมาเป็นกำลังใจ ทั้งๆ ที่บ้านไม่มีใครเห็นด้วย ผมก็ไฟต์กับตัวเองตลอดว่าจะเป็นนักแสดง ทำงานที่ผมรัก แต่พอมาถึงตรงนี้ อยากจะบอกว่าภาพที่ลงสื่อ ไม่มีทางออกมาได้ ยกเว้นมาจากฝ่ายพีอาร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้ามีการคุยกันก่อนว่า แผนพีอาร์จะเป็นแบบนี้ ผมรับได้ไหม ในเรื่องผมรับบทนักแสดงที่ชื่อ เคน ในเรื่องไม่ได้เล่นเป็น ชาคริต แย้มนาม แต่สิ่งที่ออกมาทั้งหมด ชาคริตทำอย่างนู้นอย่างนี้ ทุกอย่างพุ่งมาที่ผมคนเดียว"

"ยอมรับว่าเมื่อเช้าโกรธมาก โทร.หาผู้กำกับฯ ว่าผมขอออกมาพูด ทนไม่ไหวจริงๆ วันนี้ไม่ ได้มาโปรโมตข่าว เรียกว่ามาเปลี่ยนแผนโปรโมต มากกว่า เพราะเล่นข่าวผมถึงขนาดนี้ มันไม่แฟร์ที่ผมทำงานเสร็จแล้วจะต้องแบกทุกอย่างไว้ โดนด่า ถูกเข้าใจผิด เห็นหน้าแม่แล้วพูดอะไรไม่ออก ผมใช้ชีวิตในทางสายกลาง มีแฟนก็มีทีละคน ไม่เคยไปยุ่งกับนางเอกที่สื่อไปเขียน ยิ่งมาโดนการโปรโมตที่เหมือนเน้นเรื่องของกาม วิตถาร"

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ถึงตอนนี้เสียงของพระเอกหนุ่มเริ่มสั่นเครือ ก่อนพูดต่อว่า "อนาคตของผม ไม่รู้จะอยู่ตรงนี้ไปได้นานแค่ไหน ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถที่ผมมี หรือแม้ แต่ชีวิตส่วนตัว พ่อ แม่ คนรัก เพื่อน หรือประ ชาชนที่เขามองหน้าเรา ถ้าเขาทักแค่ว่า หนุ่มเจ้าชู้ ไอ้....โด่ ฟังแล้วไหวไหม"

พระเอกหนุ่มอึ้งไปพักหนึ่ง และกล่าวว่า "เมื่อเช้าคุยกับแม่แล้ว แม่ถามว่าจะเอายังไง ส่วนตัวผมรักงานแสดง ถ้าผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็คงต้องดูกันไป งานอะไรที่ติดต่อกันไว้ก็ทำให้เสร็จ และหลังจากนั้นก็คงออกจากวงการ แต่ถ้าทำเรายังคงรู้สึกว่ามีคุณค่าพอ ยังสามารถสร้างสีสันบนจอทีวีจอภาพยนตร์ได้อยู่ มีสื่อเข้าใจในความเป็นผม ก็คงพิจารณาอีกทีหนึ่ง"

ผู้สื่อข่าวมีโอกาสซักถามเป็นครั้งแรก โดยถามว่าเช็กข่าวที่ออกมาหรือยังว่ามาจากไหน ชาคริต ตอบว่า ไม่สามารถเช็กอะไรได้ ในวันนี้เลยต้องออกมาปกป้องตัวเอง แนวข่าวพีอาร์ที่ออกมาโดยส่วนใหญ่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการแสดงทั้งสิ้น จะเป็นเรื่องลามกจกเปรตเท่านั้น ความจริงในวันที่ 25 ส.ค. เป็นรอบเพรส ตนอาจพาลได้ อยู่ดีๆ อาจจะไปกระทืบคนด้วยความโมโห แต่นั้นก็เป็นเพียงอารมณ์พาล แต่สุดท้ายก็ยั้งคิด รู้จักที่จะทำอะไรที่ถูกต้อง

ต่อข้อถามว่าทางบ้านของ "เพชร" บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล แฟนสาวว่าอย่างไรกับภาพในเชิงลบที่ออกมา ชาคริตตอบว่า อย่าไปเอาบุคคลที่สามมาเกี่ยวเลย เขาแค่เปิดโอกาสให้เรา เท่านี้ตนก็ว่ามากพอแล้ว โชคดีแล้วที่พวกเขายังมองตนเป็นคนอยู่ ส่วนวันที่ 25 ส.ค. จะมีการฉายหนัง แฟนเก่า รอบสื่อ พระเอกหนุ่มออกตัวว่า จะไปร่วมงานหรือไม่ต้องขอคิดดูก่อน ขอเจรจากับทางผู้กำกับฯ และผู้ใหญ่ก่อน

ด้านนางสมลักษณ์ มารดาพระเอกหนุ่ม กล่าวว่า ตนมาเป็นเพื่อนลูก บางครั้งข่าวคราวแรงเกินไป ในเรื่องการแสดงพูดได้ แต่ถ้าก้าวก่ายถึงเรื่องส่วนตัวก่อนที่จะเป็นข่าวควรเช็กให้แน่ ถามเจ้าตัวบ้างมันจะแฟร์กว่า จริงๆ ครอบครัวไม่ต้องการให้ชาคริตเข้าวงการ แต่เมื่อลูกบอกว่ารักการแสดงเราก็ต้องยอม ด้วยความที่เขาเป็นคนสาธารณะ แต่การนำเสนอข่าวก็ควรมีจรรยาบรรณ คิดว่าการนำเสนอข่าวออกไปแล้วจะทำลายชีวิตส่วนตัวเขาหรือเปล่า ถ้าลองคิดว่าคุณมีลูกสาวที่คบกับชาคริต เห็นข่าวอ่านข่าวในภาพลบแบบนี้ แน่นอนพ่อแม่ผู้หญิงเขาย่อมรู้สึกไม่ดี ส่วนที่ชาคริตจะออกจากวงการหรือไม่นั้น ให้ลูกตัดสินใจเอง

ในช่วง ท้ายพระเอกหนุ่ม ย้ำชัดว่า รักการแสดง รู้สึกโชคดีที่คนที่รู้จักเข้าใจ ทำให้ยิ้มได้ ตนเป็นลูกชายที่อยากจะดูแลแม่ อยากจะสร้างตัวเองโดยไม่พึ่งเงินแม่ ส่วนที่จะอยู่วงการได้ ไม่ได้คงจะขึ้นอยู่กับตัวเอง ยังคงให้คำตอบชัดไม่ได้

"กับสิ่งที่ เราพยายามทำให้ดีที่สุด อยู่ในมือเราแล้ว แล้วเราไม่เคยที่จะเอาเปรียบ หรือใช้ไปในทางที่ผิด อย่างนี้แล้วเราจะไปทิ้งมันทำไม" น้ำเสียงของพระเอกหนุ่มสั่นเครือ น้ำตาคลอ ก่อนที่จะเอามือกุมขมับเหมือนพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนบอกกับสื่อมวลชนว่าตนไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็ได้จูงมารดาลุกจากเก้าอี้ ขอตัวกลับ

วันเดียวกัน "ต้อม-ปิยะพันธุ์" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "แฟนเก่า" และเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตของค่ายหนังอาวอง เปิดเผยว่า ในตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าเป็นข่าวที่ประชาสัมพันธ์ส่งไป หรือเป็นข่าวจากเว็บ ส่วนรูปที่ออกมานั้นไม่ได้แรงอะไร เพียงแต่มีคนไปสร้างประเด็นที่สื่อไปในภาพลบ กำลังหาตัวคนที่เล่นประเด็นที่ชี้นำทำให้ชาคริตเสียหาย เบื้องต้นตนขอโทษชาคริตและคุณแม่ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทางเราต้องดูแล

" ชาคริตโกรธมากที่ข่าวและภาพเล่นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงหรือหนัง ทั้งเรื่องของเป้าตุงหรือเรื่องจับนม ประเด็นหนังแท้จริงเราไม่ได้เล่าถึงสิ่งที่ล่อแหลม นำเสนอแค่ความรักของผู้หญิงผู้ชายที่เป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกัน 2 คน ก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวของแต่ละคู่ ประเด็นหนังเล่าถึงผู้ชายเจ้าชู้ที่ผ่านการมีแฟนมาหลายคน และแฟนเก่าที่ตายจะมาเอาคืน ถ้าเป็นชาคริตเล่นคนดูจะเข้าใจเรื่องได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเล่าหนัง"

ผู้กำกับฯ หนุ่มกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการออกมาแถลงข่าวของชาคริตในครั้งนี้ไม่ใช่การสร้างกระแส เป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องของการโปรโมต เรื่องจริงคือชาคริตโทร.มาเมื่อเช้าบอกว่าไม่พอใจมากกับข่าวที่ออกมา ฟังจากน้ำเสียงดูเขารู้สึกแย่จริงๆ และจากที่ฟังเขาเปิดใจในตอนที่แถลงข่าว รู้สึกเห็นใจ เพราะประเด็นที่ล่อแหลมไม่เกี่ยวกับเนื้อหนังและกับภาพที่นำเสนอผ่านสื่อ ถูกบิดความหมายด้วยประเด็นที่เล่นกันเองมากกว่า ยืนยันว่าหนังของตนไม่ใช่หนังโป๊ เป็นหนังที่ได้เรต 15 +

+ หนัง แฟนเก่า

+ สยิว ชาคริต บี้ปาก กิ๊บซี่ สุดสยิวใน แฟนเก่า

+ เปิดซิงจอเงินเรื่องแรก โบวี่ บ่น! เปลืองเนื้อเปลืองตัว

+ กิ๊บซี่ สลัดเสื้อผ้าทิ้งทุ่มสุดตัวใส่ บีกินี่ โชว์