จีเอฟเคชี้เครื่องไฟฟ้าเล็กแรงกล้อง-เอ็มพี3ร่วง

จีเอฟเคชี้เครื่องไฟฟ้าเล็กแรงกล้อง-เอ็มพี3ร่วง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จีเอฟเคชี้เทรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแม่บ้านอนาคตสดใสไมโครเวฟ-ชิ้นเล็กยังแรงปมเศรษฐกิจ-กำลังซื้อไม่มีผลขณะที่กลุ่มซีอีพลาสม่า-แอลซีดีเป็นหัวหอกราคาลดหนุนตลาดโตต่อเนื่องเผยครึ่งปีแรกมือถือติดกล้องเบียดกล้องดิจิทัล-เอ็มพี3กระเจิงนายทรงศักดิ์น้อยนิตย์ผู้จัดการฝ่ายวิจัยตลาดส่วนกลางบริษัทจีเอฟเครีเทลแอนด์เทคโนโลยี(ประเทศไทย)จำกัดบริษัทวิจัยการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดเผยประชาชาติธุรกิจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่สดใสนักแต่ตลาดสินค้าคอนซูเมอร์เทคโนโลยีในไตรมาส2ของปี2552ก็ยังเติบโตจากไตรมาสแรกแต่ยังคงลดลงเกือบ6%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีมูลค่าอยู่ที่39.806พันล้านบาท(ดูตารางสรุป)และเซ็กเตอร์ที่ลดลงมากที่สุดคือกล้องดิจิทัลและอุปกรณ์สำนักงานมีเพียงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดใหญ่ที่มีการขยายตัวทั้งนี้มูลค่าตลาดโดยรวมของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเมินจากดัชนีGfkTEMEXในไตรมาส2อยู่ที่39.8พันล้านบาทลดลง5.5%จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วโดยทั้งเซ็กเตอร์กล้องดิจิทัล(photo)และอุปกรณ์สำนักงานต่างก็มียอดขายลดลง27%ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดใหญ่เติบโตราว5%เมื่อแยกเป็นรายเซ็กเตอร์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดใหญ่(majordomesticappliances)โตประมาณ5%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีมูลค่าตลาด5.440พันล้านบาทโดยเตาไมโครเวฟเป็นสินค้าที่มีอัตราขยายตัวมากที่สุดประมาณ12%ส่วนตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก(smalldomesticappliances)มีมูลค่าราว5.312พันล้านบาทในไตรมาส2ของปีนี้ลดลง3%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วขณะที่เซ็กเตอร์คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์(ConsumerElectronics:CE)ลดลง5%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยทีวีแอลซีดีมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง15%ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มของราคาที่ลดลงและเป็นเทรนด์ของตลาดที่หลายๆค่ายให้ความสำคัญมากขึ้นทั้งนี้ตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสล่าสุดมีมูลค่าราว9.6พันล้านบาทนายทรงศักดิ์กล่าวต่อว่าปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจจะมีผลกระทบน้อยมากสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บรรดาแม่บ้านใช้เนื่องจากเป็นของที่มีความจำเป็นซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตในแง่จำนวนยูนิตส่วนของสินค้าสำหรับกลุ่มพ่อบ้านหรือคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์เช่นพลาสมาแอลซีดีฯลฯในแง่จำนวนยูนิตคาดว่าจะโต0.2-0.3%แต่จากปัจจัยด้านราคาที่ลดลงในแง่ของมูลค่าอาจจะ-19%นอกจากเทรนด์ในเรื่องของสุขภาพที่มีมากขึ้นก็จะส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็กอาทิเครื่องปั่นได้รับความนิยมมากขึ้นคาดว่าสินค้ากลุ่มนี้จะมีการแข่งขันและมีโปรโมชั่นที่หลากหลายให้เห็นมากขึ้นตลาดนี้จะโตทั้งในแง่ยูนิตที่4%และมูลค่า9%ส่วนกล้องดิจิทัลในไตรมาส2นายทรงศักดิ์ระบุว่ามีมูลค่า1.9พันล้านบาทและทำสถิติลดลงมากถึง27%เทียบกับไตรมาส1ปี2551เช่นเดียวกับเซ็กเตอร์อุปกรณ์สำนักงานและสินค้าสิ้นเปลือง(officeequipmentandconsumables)ก็ลดลงมากสุด27%ในไตรมาสล่าสุดเทียบกับปีก่อนโดยตลาดนี้มีมูลค่า749ล้านบาทโดยเครื่องพรินเตอร์และหมึกพิมพ์ได้รับผลกระทบมากที่สุดสาเหตุสำคัญที่ทำให้กล้องดิจิทัลมีตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวหลักๆมีปัจจัยมาจากการพัฒนาการของเทคโนโลยีโดยเฉพาะกรณีของโทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติในการถ่ายรูปได้ด้วยประกอบกับผู้บริโภคหันไปใช้กล้องDSLRซึ่งเป็นกล้องสำหรับมืออาชีพมากขึ้นและที่ได้รับผลกระทบอีกตัวหนึ่งก็คือเครื่องเล่นเอ็มพี3และเครื่องเล่นเอ็มพี4นายทรงศักดิ์ยังกล่าวถึงตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ(informationtechnology)ว่าตลาดไอทีที่มีมูลค่า7.5พันล้านบาทลดลง4%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบตั้งโต๊ะลดลง7%ขณะที่เครื่องพีซีแบบพกพาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญสำหรับตลาดสื่อสารและโทรคมนาคม(telecommunication)มีมูลค่า9.3พันล้านบาทโดยลดลง6%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook