โพลสีกากีทั่วประเทศ ชั้นประทวนหนุนจุมพล เหนือปทีปเฉียดฉิว ผบ.ตร.ต้องไม่ให้การเมืองแทรกแซง

โพลสีกากีทั่วประเทศ ชั้นประทวนหนุนจุมพล เหนือปทีปเฉียดฉิว ผบ.ตร.ต้องไม่ให้การเมืองแทรกแซง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เอแบคโพลล์สำรวจความเห็นสีกากีทั่วประเทศในประเด็นร้อน หนุนใครเป็นผบ.ตร.คนใหม่ ชั้นประทวนหนุนจุมพล มั่นหมาย เหนือปทีป ตันประเสริฐ ขณะสัญญาบัตรคะแนนเสียงเท่ากัน เผยคุณสมบัติหัวหน้าตำรวจต้องปกป้องสถาบันสูงสุด ซื่อสัตย์ ไม่ให้การเมืองแทรกแซง ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมผลวิจัย "เอแบคเรียลไทม์โพลล์ ถามใจตำรวจ หนุนใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนต่อไป กรณีศึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,031 นาย ดำเนินการสำรวจในวันที่ 19 สิงหาคม 2552

ผลการสำรวจเมื่อถามถึงการสนับสนุนผู้ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ โดยตำรวจผู้ตอบสามารถสนับสนุนได้มากกว่า 1 ชื่อ พบประเด็นสำคัญคือ ตำรวจชั้นประทวนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.7 และ ตำรวจชั้นสัญญาบัตร ร้อยละ 58.3 สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.

อย่างไรก็ตาม จำนวนที่ไม่แตกต่างกันของ ตำรวจชั้นสัญญาบัตรคือ ร้อยละ 58.6 และ ตำรวจชั้นประทวนร้อยละ 49.9 สนับสนุน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รองผบ.ตร.

ในขณะที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ได้รับการสนับสนุนจากตำรวจชั้นประทวนร้อยละ 29.7 และจากตำรวจชั้นสัญญาบัตร ร้อยละ 36.7

ขณะที่ตำรวจชั้นประทวน หรือร้อยละ 65.1 และตำรวจชั้นสัญญาบัตร ร้อยละ 62.5 ระบุสนับสนุนบุคคลท่านอื่น อาทิ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ และ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นต้น เมื่อสอบถามความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับคุณสมบัติของ ผบ.ตร. คนใหม่ที่ต้องการพบว่า ร้อยละ 100.0 ระบุ ต้องปกป้องสถาบันสูงสุดของประเทศ

รองลงมาคือร้อยละ 99.3 ระบุ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 99.0 ระบุ เป็นนักพัฒนาระบบงานตำรวรรมแก่ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 98.5 ระบุดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างทั่วถึง ร้อยละ 97.8 ระบุกล้าคิดกล้าทำ ร้อยละ 97.4 ระบุ เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายการเมือง

นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 96.6 ระบุ ผบ.ตร. คนใหม่ควรรู้จักประนีประนอม แก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติได้ ร้อยละ 96.6 เช่นเดียวกันที่ระบุว่า เป็นนักพัฒนาระบบงานตำรวจเพื่อตำรวจ ร้อยละ 95.0 ระบุมีผลงานเป็นที่ประทับใจของประชาชน ร้อยละ 94.2 ระบุไม่ยอมให้ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซง ร้อยละ 93.4 ระบุแก้ปัญหาการซื้อขายตำแหน่งในองค์กรตำรวจ และร้อยละ 85.8 ระบุไม่ก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นอำนาจของผู้บัญชาการระดับภาค ตามลำดับ

ดร.นพดลกล่าวว่า เมื่อสอบถามความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อภาพลักษณ์ของตำรวจที่ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนในช่วง 30 วันที่ผ่านมาพบว่า ร้อยละ 44.1 ระบุได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่ามีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีมากกว่า ในขณะที่ร้อยละ 15.7 ระบุมีภาพลักษณ์ที่ดีมากกว่า และร้อยละ 40.2 ระบุพอๆ กัน

เมื่อสอบความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหลักเกณฑ์ในการพิจารณาความดีความชอบในหน่วยงานของตนนั้นพบว่า ร้อยละ 21.1 ระบุใช้ระบบอุปถัมภ์มากกว่า (อาทิ เส้นสาย การเอาใจผู้บังคับบัญชา พวกพ้อง และการซื้อขายตำแหน่ง) ร้อยละ 36.1 ระบุใช้ระบบคุณธรรมมากกว่า เช่น การพิจารณาตามความรู้ความสามารถ และระบบอาวุโส ขณะที่ร้อยละ 42.8 ระบุใช้ทั้งสองระบบร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้องค์กรตำรวจขณะนี้มีปัญหามากมาย แต่ผลสำรวจพบว่า คะแนนเฉลี่ยความภูมิใจต่อการเป็นข้าราชการตำรวจสูงมากจากการสำรวจในครั้งนี้มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 8.43 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

ประเด็นที่น่าพิจารณาคือเมื่อสอบถามความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวนการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้นพบว่า ร้อยละ 88.9 ระบุควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนเกษียณอายุราชการ ในขณะที่ ร้อยละ 11.1 ระบุควรมีการปรับย้าย ผู้อำนวยการ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า สรุปก็คือว่า ข้าราชการตำรวจอยากได้ ผบ.ตร. คนต่อไปที่ต้องปกป้องสถาบันสูงสุดของประเทศ ซื่อสัตย์สุจริต อำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนทั่วไป กล้าคิดกล้าทำ ไม่ฝักใฝ่ทางการเมือง ประนีประนอมลดความขัดแย้งของคนในชาติได้ จนถึงไม่ก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนที่ผู้บัญชาการภาครับผิดชอบ และงานวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า ผลของความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับตำรวจในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้คือเสียหายด้วยกันทั้งคู่ จึงน่าจะใช้จังหวะเวลานี้ปรับสถานการณ์ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มจากการมีส่วนร่วมของตำรวจในองค์กรตำรวจก่อนและการเมืองกับภาคประชาชนคอยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้มุ่งไปสู่การลดความเดือดร้อนจากปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด การเลือกปฏิบัติ และการรีดไถ เป็นต้น โดยลดความทุกข์ของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด และเพิ่มความเชื่อมั่นศรัทธาของสาธารณชนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กรตำรวจในทิศทางที่ดีขึ้นทั้งต่อคุณภาพชีวิตข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook