คำต่อคำกอร์ปศักดิ์แถลงที่ทำเนียบฯ ลาออกปธ.โครงการศก.พอเพียง อ้างการเมืองเล่นงาน คำต่อคำกอร์ปศักดิ์แ

คำต่อคำกอร์ปศักดิ์แถลงที่ทำเนียบฯ ลาออกปธ.โครงการศก.พอเพียง อ้างการเมืองเล่นงาน คำต่อคำกอร์ปศักดิ์แ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
... ผมกันคนไม่ให้โกง ไม่ได้หรอกครับ และไม่เชื่อว่า มีอยู่โครงการเดียวที่โกง นอกนั้นใสสะอาดหมด แต่วันนี้ ผมได้แสดงให้เห็นแล้ว และผมก็เดินออกไป เพราะผมเห็นประโยชน์ตัวโครงการ มากกว่าประโยชน์ตัวผม ... นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้พิจารณาตัวเองด้วยการออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารชุมชนพอเพียง โดยให้นายมีชัย วีระไวทยะ ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายวิชาการและเครือข่ายองค์ความรู้ ทำหน้าที่แทน และเตรียมปรับโครงสร้างการทำงานของโครงการใหม่ ส่วนการเดินหน้าตรวจสอบข้อร้องเรียนการทุจริต แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารไปแล้ว ก็จะดำเนินการต่อไป ทางด้านนายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียงแล้ว และเสนอให้นายมีชัย วีระไวทยะ รองประธานขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ยืนยันไม่ได้ถูกกดดัน แต่ต้องการให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ และเพื่อเป็นบรรทัดฐานของนักการเมือง ส่วนงบประมาณที่ยังเหลืออีก 16,000 ล้านบาท ได้สั่งระงับแล้ว โดยได้ขอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเร่งรัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการบริหารงานของคณะกรรมการโครงการโดยเร็ว

ทั้งนี้ก่อนหน้านายกอร์ปศักดิ์เดินทางไปพบคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอความร่วมมือให้จัดส่งทีมพิเศษเข้ามาตรวจสอบโดยเร็วที่สุด แม้สัปดาห์ก่อนจะได้ส่งหนังสือแจ้งขอความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวไปยัง สตง.แล้วก็ตาม เนื่องจากเห็นว่า สตง.มีระบบการตรวจสอบที่ดีและสามารถตรวจสอบได้ละเอียดเพื่อให้ สพช.นำข้อบกพร่องที่ไปปรับปรุงการทำงานต่อไป

---------------------------------------------

----------------------------------------------

หมายเหตุ : นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน หรือโครงการชุมชนพอเพียง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม เกี่ยวกับเหตุผลในการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธาน และยุติการเข้าไปกำกับดูแลงาน สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.)

---------------------------------------------

ผมอยากแถลงประเด็นแรก หน่วยงานที่ทำหน้าที่สะสางปัญหาในชุมชนพอเพียงได้มีประสิทธิภาพที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้ น่าจะเป็นฝ่ายตำรวจ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพราะโดยปกติ สตง.จะเข้ามาตรวจสอบเมื่องานเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะ 2-3ปี แต่ว่าผมโครงการนี้อยากให้ สตง.เข้ามาตรววจสอบเลย

ประเด็นที่สองเพื่อชี้ให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และตัวผมว่าจริงจังในเรื่องนี้ อยากให้ความมั่นใจพี่น้องประชาชนว่า การดำเนินการตรวจสอบต้องมีความโปร่งใส ผมได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (ศพช.) ให้นายกฯ เมื่อเช้านี้ (19ส.ค.)แล้ว

สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดคือสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านมีเป้าหมายอยากให้ยกเลิกโครงการนี้ ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ รู้และเข้าใจว่าโครงการนี้เป็นเรื่องกระจายเงิน กระจายอำนาจ แล้วเป็นการให้ประชาชนได้เรียนรู้เข้าใจการใช้บาลส่งไปให้เพื่อแลกกับความคิดให้อยู่ในกรอบของความพอเพียง ตรงนี้สำคัญมาก เพราะฉะนั้นคิดว่าโครงการนี้จะต้องเดินหน้าต่อไป ขณะนี้มีงบประมาณเหลืออยู่ 2 ส่วน 1.งบฯปีนี้ ทั้งสิ้น 1.6 หมื่นล้านบาท ใช้ไปแล้ว 5 พันล้าน ขณะนี้สั่งหยุดหมดทุกอย่าง ถ้าจะเดินต่อ ใครจะมาโกงเงินส่วนนี้ไม่ได้ครับ 2.ตั้งงบฯไว้สำหรับปีหน้าเพียง 3 พันล้านบาท ที่น้อยเพราะผมเชื่อว่าอย่างไรเสีย ถ้าจะทำให้ดี มันทำเร็วไม่ได้ เพราะมันมีการรั่วไหล ฉะนั้นเงินอีก 1.6 หมื่นล้าน และเหลือเวลาอีกประมาณ 45 วัน อย่างไรเสีย ก็ไม่ควรจะทำให้เสร็จ ควรจะตั้งเป็นงบฯเหลื่อมปีเพื่อให้ใช้ได้ในปีต่อไป และค่อยๆเดิน ฉะนั้น การที่ สตง.จะเข้าไปตรวจสอบจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานชี้ให้เห็นข้อบกพร่องต่างๆ เมื่ออุดรู้ข้อบกพร่องเหล่านี้แล้ว ผมมั่นใจว่า โครงการนี้เดินไปได้ด้วยดี

ประเด็นสุดท้าย คือประเด็นที่หนักใจมากที่สุดคือถ้าผมยังนั่งเป็นประธานบริหารอยู่ ผมเป็นนักการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ งานทางการเมืองของผม จะมีฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วย มีฝ่ายที่มองการเมืองที่ต่างกันออกไป จะต้องพยายามทำทุกวิถีทางในทางการเมือง ซึ่งตรงนั้นผมยอมรับได้ แต่ผมยอมรับไม่ได้ที่จะให้มากกระทบกระเทือนโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมาก ผมจึงได้หารือนายกฯ ว่าสิ่งที่น่าทำที่สุด คือหาคนที่เขาไม่เกี่ยวกับการเมือง สามารถทุ่มเทเวลาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมทำไม่ได้ จริงๆ เพราะขณะนี้เป็นประธาน และรองประธานกรรมการอยู่ประมาณ 39 คณะ แต่ที่เหนือว่านั้นผมเป็นนักการเมือง ถ้านั่งอยู่ตรงนี้ก็จะมีประเด็นการเมืองมาทำให้โครงการดีๆเสียหาย ผมเรียนนายกฯไว้ว่าผมจะเสนอ อจ.มีชัย วีระไวทยะ รองประธานฯมาเป็นแทน จากนี้ไปนายกฯจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ แล้วผมจะเดินออกจากโครงการนี้ แบบไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกเลย

มันจะเป็นเรื่องที่ดี เงินภาษีพี่น้องประชาชนที่ออกไปแล้ว 5 พันล้านบาท เชื่อว่าส่วนหนึ่งมีความบกพร่องอยู่ สตง.และกองปราบฯจะมาหาคนทำผิด ส่วนที่เหลือหากว่าดำเนินการไม่ถูกต้อง ท่านประธานคนใหม่ก็จะมาดูแล และคงจะหาแนวทางและวิธีดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลจะให้ความเป็นอิสระกับท่านร้อยเปอร์เซ็นต์ การปรับโครงสร้างโครงการเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น เพราะฉะนั้นผมคิดว่า เราถือว่าฝันร้ายที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้เรียนรู้จุดบกพร่องและทำให้มันดีขึ้น

@ นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ สพช. และนายประโภชณ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการ จะต้องพิจารณาตัวเองอย่างไร

ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เขาจะต้องพิจารณาตัวเองครับ โตๆ กันแล้ว ก็ต้องพิจารณากันเอง

@ ขอให้ชี้แจงเรื่องการเซ็นต์คำสั่ง แต่งตั้งตัวเองเป็นประธานคณะอนุกรรมการอีกหนึ่งตำแหน่ง

เป็นเรื่องปกติ ผมอยากเรียนอย่างนี้ว่า มันต้องมีอนุกรรมการที่เป็นผู้อนุมัติโครงการ เวลานำเสนอเข้ามา ในอดีตที่ผ่านมา รองนายกฯคนก่อนก็เป็นคนอนุมัติอยู่ ผมนั่งคิดดูว่าจะทำอย่างไร ไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้าไปดูลึก เนื่องจากไม่สามารถไปดูอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ สพช.จะนำเสนอว่าอยู่ในกรอบหรือไม่ แต่เมื่อไปดูอีกท่านหนึ่ง คือนายกนก วงษ์ตระหง่าน ก็ทำหน้าที่ดูแลโครงการต้นกล้าอาชีพอยู่ เลยคิดว่าตนเองน่าจะทำหน้าที่เองได้ นไม่มีคนอื่นที่จะเข้าไปนั่ง ถ้าดูแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติตรงไหน ถ้ามันจะผิดปกติ ก็ในกรณีที่ผมในฐานะประธานอนุฯไปอนุมัติในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของ สตง. และกองปราบฯสอบต่อไป

@ กรณีนายประโภชณ์ได้รับมอบอำนาจจาก ผอ.สพช.เป็นหัวหน้าคณะกลั่นกรองโครงการ ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นรอง ผอ.สพช.

ผมไม่ทราบครับ

@ แต่มีคำสั่งมอบอำนาจอย่างชัดเจน

เรื่องนี้ไม่มีนะครับ ถ้าบอกว่ามีก็เขาให้เอาเอกสารมาดูหน่อย (ทำหน้าเครียด) มีไหมครับ ถ้าไม่เอามาให้ดู ขอจบคำถามนี้ ขอคำถามต่อไปด้วย

@ ที่บอกว่ารับไม่ได้ถ้ามีการโกง ถ้าสืบทราบภายหลังว่ามีการโกงจริง จะรับผิดชอบอย่างไร

เรื่องรับผิดชอบ ตัวผมเองไม่ยึดติดตำแหน่งใดๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอยากจะทำสิ่งที่ดีๆ ถ้าทำได้ แต่ผมกันคนไม่ให้โกงไม่ได้หรอกครับ และไม่เชื่อว่ามีอยู่โครงการเดียวที่โกง นอกนั้นใสสะอาดหมด แต่วันนี้ ผมได้แสดงให้เห็นแล้ว และผมก็เดินออกไป เพราะผมเห็นประโยชน์ตัวโครงการมากกว่าประโยชน์ตัวผม

ผมอยากบอกว่า 8 หมื่นกว่าหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และผมยังเชื่อว่าไม่ว่าใครมาทำก็จะต้องเจอแบบที่ผมทำอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าถ้ามีเวลาดูได้ละเอียด และมีเวลาทุ่มเทให้กับมัน และไม่ต้องทำเร็วจนเกินไปนัก ตรงนี้ก็จะเป็นประโยชน์ เช่น เรามีอยู่ 7,000 ตำบล เราอาจทำตำบลละหนึ่งแห่งก่อน เมื่อสำเร็จ 7 พันแห่ง เราก็ขยายออกไปอีก เป็นตำบลละ 2 แห่ง 3 แห่ง ถ้าทำลักษณะนี้ทำได้ ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเยอะ ไม่ว่าจาก ปตท. ธนาคารให้เข้ามาร่วมมือ เรื่องนี้เป็นความคิด อจ.มีชัย ที่ผมได้พูดคุยกันมา

@ การตัดสินใจลาออกครั้งนี้ มาจากแรงบีบภายในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

ไม่มีหรอก ใครจะมาบีบผมเรื่องอะไร

@ คนในพรรคอาจจะกังวลว่า หากยังปล่อยให้เรื่องนี้ ยืดเยือต่อไป จะส่งผลต่อคะแนนเสียงพรรค

ทุกคนมีความเป็นห่วง แต่ผมว่าคงไม่ได้ห่วงเรื่องการเมืองมากเท่ากับห่วงว่าโครงการสำคัญแบบนี้จะเดินต่อไปแบบไม่ได้ดี ยืนยันว่าไม่มีใครบีบได้

@ คิดว่าเรื่องนี้จะมัวหมองต่อตัวเองหรือไม่

ไม่หรอกครับ ไม่มัวหมองอย่างแน่นอน

@ งานกลั่นกรองโครงการชุมชนพอเพียงมีปัญหาแบบนี้ การกลั่นกรองโครงการของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีปัญหาตามมาอีกหรือไม่

ไม่มีหรอกครับ เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องการเมือง แต่ถามแบบนี้ จะให้ผมลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ด้วยหรือ (หัวเราะ)

----------------------------------------------

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook