หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้น แพทย์หยุดให้ยาต้านหวัด09

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคมเถระ หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด ที่พักรักษาตัว อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ว่า หลวงพ่อคูณได้ตื่นทำวัดเช้า เวลา 05.00 น. สามารถออกกำลังเบาๆได้เองด้วยการยกขาทั้ง 2 ข้างสลับไปมา ก่อนที่ศิษย์ใกล้ชิดจะถวายภัตตาหารเช้าเวลาประมาณ 08.00 น ประกอบด้วย แกงจืดเต้าหู้ ผัดบวบ น้ำพริกปลาป่น หมูทอด ปลาทอด ผักสด มะละกอ ลูกพลับ ส้มโอ กล้วย และขนมครก ซึ่งหลวงพ่อคูณสามารถฉันอาหารได้เอง และสามารถฉันได้มากกว่าปกติ ก่อนที่ลูกศิษย์จะนำหลวงพ่อคูณฯ เดินออกกำลังกายบริเวณทางเดินหน้าห้องพักเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะกลับเข้าห้อพัก ต่อมา นพ.กวี ไชยศิริ ผอ.รพ.มหาราช นพ.วีระศักดิ์ เกียรติผดุงกุล รอง ผอ.รพ.มหาราช และ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวรักษาอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ ได้เข้าร่วมตรวจอาการ วันนี้ผลการตรวจอุณหภูมิร่างกาย 36.5 องศาเซลเซียส ชีพจร 60 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 110/70 มิลลิเมตรปรอท

นพ.พินิศจัย กล่าวว่า แพทย์ได้ลงความเห็นว่าหลวงพ่อคูณติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ซึ่งตอบสนองกับยาต้านไวรัส ไข้หวัด 2009 เป็นอย่างดี วันนี้ อาการอาพาธของ หลวงพ่อคูณดีขึ้นตามลำดับแพทย์จึงหยุดให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสโอเซลทามีเวียร์ และยาพ่นฆ่าเชื้อไวรัสซานามีเวียร์ เพื่อที่จะสังเกตอาการว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ คาดว่าน่าจะอนุญาตให้หลวงพ่อคูณกลับวัด อย่างเร็วที่สุดคือ วันที่ 20 ส.ค. ระหว่างนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดป้องกันภาวะแทรกซ้อน นพ.พินิศจัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องรับกิจนิมนต์ไกลๆ ก็ควรที่จะต้องหยุดรับ เนื่องจากหลวงพ่อคูณ มีอายุถึง 86 ปี แล้ว เมื่อเดินทางไกลๆ จะทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ง่าย ทุกครั้งที่รับกิจนิมนต์น้ำหนักตัวของหลวงพ่อคูณจะลดลง 1 -2 กิโลกรัม ทำให้ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายอ่อนแอกว่าคนปกติ สำหรับญาติโยมที่มากราบไหว้หลวงพ่อที่วัด แพทย์ได้กำชับลูกศิษย์ให้มีระบบป้องกันเชื้อโรคระบาดภายในวัด และต้องอยู่ห่างจากหลวงพ่ออย่างน้อย 1 เมตร รวมถึงงดกิจกรรมเคาะหัวให้พร เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ร่างกายหลวงพ่อพักฟื้น เพราะเกรงว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคไปทำให้ท่านติดเชื้อด้วย เนื่องจากหลวงพ่อมีสภาพร่างกายอ่อนแอ ง่ายต่อการติดเชื้อ ซึ่งทางโรงพยาบาลด่านขุนทด จะเป็นผู้ที่เข้าไปดูแลหลวงพ่อคูณและจะคอยประสานกับทางโรงพยาบาลมหาราชอย่างใกล้ชิดต่อไป