แพทย์ถอดสายน้ำเกลือหลวงพ่อคูณ
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 17 ส.ค.หลวงพ่อคูณได้ตื่นทำวัดเช้า เวลา 07.00 น. นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวรักษาอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการ ผลการตรวจอุณหภูมิร่างกาย 36.3 องศาเซลเซียส ชีพจร 62 ครั้งต่ามดันโลหิต 103/71 มิลลิเมตรปรอท ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด 151 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลวงพ่อคูณสามารถฉันอาหารเช้าที่ลูกศิษย์ใกล้ชิด และนายสมศักดิ์เหมทานนท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา นำมาถวาย ประกอบด้วย ผักต้ม น้ำพริกปลาป่น แกงจืด ปลาดุกย่าง หมูทอด ผัดบวบกุ้ง ผัดถั่วงอก มะละกอ ลูกพลับ ส้มโอ กล้วย และขนมครก ซึ่งวันนี้หลวงพ่อคูณสามารถฉันได้มากขึ้น แพทย์จึงถอดสายน้ำเกลือ และเลิกให้ยาปฏิชีวนะทางกระแสเลือด
เบื้องต้นหลวงพ่อ มีสีหน้าสดชื่น แจ่มใส ความจำกลับคืนมาเป็นปกติ สามารถเรียกลูกศิษย์ได้ทุกคน และยังทักทายกับแพทย์อย่างอารมณ์ดี ต่อมานายสวาสดิ์ แสงบำรุง รอง ผอ.รพ.มหาราช ฯ ฝ่ายบริหาร พร้อมคณะแพทย์ ได้นำแจกันดอกไม้ของ นายวิทยา แก้วภารดัย รมว.สาธารณสุข และ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าเยี่ยมอาการ
น.พ.พินิศจัย กล่าวว่า ภาพรวมขึ้น แต่ หลวงพ่อคูณ ยังไม่ยอมฉันยาละลายเสมหะ เนื่องจากมีรสชาติที่เปรี้ยว และฝาด แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ส่วนผลการตรวจสารคัดหลั่ง เบื้องต้น ยังไม่พบเชื้อไวรัส 2009 และเชื่อว่าผลการตรวจเชื้อ จาก รพ.จุฬา ฯ ก็ไม่พบเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ทำให้ทีมแพทย์กังวลอยู่บ้างว่า ยังมีโอกาสจะติดเชื้อไข้หวัด 2009 ต่อไปอีกในอนาคต แพทย์ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คาดว่าน่าจะอนุญาตให้หลวงพ่อคูณ กลับวัด อย่างเร็วที่สุดคือ วันที่ 20 ส.ค.ในระหว่างนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดป้องกันภาวะแทรกซ้อน แพทย์ยังคงสั่งห้ามเยี่ยม เพื่อให้หลวงพ่อคูณได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ