ไม่รู้-อยากรู้

ไม่รู้-อยากรู้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คอลัมน์market-thinkโดยสรกลอดุลยานนท์วันก่อนไปนั่งฟังบุณยสิทธิ์โชควัฒนาปาฐกถาเรื่องจากธุรกิจSMEsสู่อาณาจักรแสนล้านบุณยสิทธิ์บอกว่าบริษัทเครือสหพัฒน์คือธุรกิจเอสเอ็มอีแต่ที่เห็นว่าใหญ่โตมโหฬารเพราะมีเอสเอ็มอี300บริษัทรายได้ตอนนี้แค่100,000ล้านบาทเองกลยุทธ์ของสหพัฒน์คือการต่อจิ๊กซอว์เอสเอ็มอีแต่ละบริษัทให้กลายเป็นภาพใหญ่ขึ้นมากว่า2ชั่วโมงของการปาฐกถาและตอบข้อซักถามผมรู้สึกอย่างหนึ่งว่าบุณยสิทธิ์เป็นคนถ่อมตัวมากความสำเร็จของเขามาจากความไม่รู้และความอยากรู้เจ้าสัวบุณยสิทธิ์หรือที่พนักงานและคนคุ้นเคยเรียกกันว่าเสี่ยบอกเลยว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์เพราะผมความรู้น้อยไม่ได้เรียนในสถาบันการศึกษาชั้นสูงภาษาไทยก็รู้ครึ่งๆกลางๆภาษาจีนก็ครึ่งๆกลางๆญี่ปุ่นก็ครึ่งๆกลางๆเขาย้ำคำว่าความรู้น้อยบ่อยครั้งมากอย่างตอนที่พูดถึงกลยุทธ์ธุรกิจเขาก็บอกว่าผมบังเอิญไม่ได้เรียนหนังสือสูงวิธีทำธุรกิจจึงไม่ได้ใช้หนังสือเป็นหลักบุณยสิทธิ์เปรียบเทียบสไตล์การบริหารงานของเขาเหมือนกับภาษารู้น้อยผมจะดึงมาจากทุกแหล่งที่ไหนดีเอามาใช้หมดสไตล์การบริหารของเขาสมคิดจาตุศรีพิทักษ์เคยบอกว่าเป็นสไตล์ผสมผสานทั้งจีน-ญี่ปุ่น-ไทยและตะวันตกบุณยสิทธิ์จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์สุดท้ายก็กลายเป็นสไตล์สหพัฒน์สมคิดเคยเล่าว่าครั้งหนึ่งเขาเดินไปดูสำนักงานของสหพัฒน์กับบุณยสิทธิ์เขาเห็นบริษัทในเครือที่ผลิตชุดชั้นในผู้หญิง3-4บริษัทตั้งอยู่ในชั้นเดียวกันทั้งที่เป็นคู่แข่งกันเขาสงสัยว่าที่ทำงานอยู่ใกล้กันขนาดนี้แต่ละบริษัทไม่กลัวว่าความลับจะรั่วไหลหรือบุณยสิทธิ์กลับบอกว่าดีแต่ละบริษัทจะรู้ความลับของอีกบริษัทหนึ่งบ้างแต่อย่าให้รู้เยอะให้รู้นิดๆถือเป็นแรงกระตุ้นทำให้การแข่งขันสนุกขึ้นถามว่านี่คือสไตล์การบริหารแบบไหนจีน-ญี่ปุ่น-ไทยหรือฝรั่งคำตอบคือสไตล์สหพัฒน์บุณยสิทธิ์นั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่เรียนน้อยแต่มีจุดเด่นเพราะเรียนน้อยการศึกษาที่ไม่สูงอาจทำให้เขาขาดฐานข้อมูลจากตำราเรียนแต่การเรียนน้อยทำให้เขาไม่มีกรอบคนที่เรียนสูงจะรู้สึกว่ารู้เยอะและติดกรอบทฤษฎีที่เรียนมาแต่สำหรับบุณยสิทธิ์ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกธุรกิจล้วนแปลกใหม่ทั้งสิ้นที่สำคัญเมื่อเขาถ่อมตัวว่าเขาเรียนน้อยความไม่รู้ทำให้บุณยสิทธิ์ไม่ทำตัวเป็นภูเขาสูงและไม่ได้ทำตัวธรรมดาในระดับพื้นราบแต่เขาถ่อมตัวลดระดับต่ำกว่าพื้นราบบุณยสิทธิ์เป็นคนใฝ่รู้เขาเล่าว่าที่ซื้อรถอีซูซุMU-7เพราะอยากรู้ว่าเครื่องดีเซลคอมมอนเรลเป็นอย่างไรและตอนนี้กำลังสนใจรถโตโยต้าไฮบริดเพราะอยากรู้ว่าระบบไฮบริดเป็นอย่างไรลืมบอกไปว่าปีนี้บุณยสิทธิ์อายุ72ปีแล้วครับเขายังขับเครื่องบินเล็กและเป็นผู้นำเรื่องคอมพิวเตอร์ของสหพัฒน์กดดูข้อมูลหน้าจอด้วยตัวเองทุกวันความอยากรู้ของบุณยสิทธิ์ไม่ได้จำกัดเพียงแค่เรื่องเทคโนโลยีแต่เป็นคุณสมบัติประจำตัวของเขาอยากเรียนรู้ประสบการณ์และความรู้จากผู้อื่นความอยากรู้จึงเป็นตัวดึงดูดกระแสธารความรู้ที่ไหลลงจากยอดเขาและด้วยการถ่อมตัวจากความไม่รู้เปรียบเสมือนทำตัวต่ำกว่าพื้นราบเขาจึงกลายเป็นแอ่งน้ำที่เก็บกักความรู้มากมายมีบทเรียนหนึ่งที่น่าศึกษาของบุณยสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องความสำเร็จแต่เป็นความล้มเหลวเขาบอกว่าต้นทุนของความผิดพลาดนั้นแพงมากทุกครั้งที่ผิดพลาดหรือล้มเหลวเขาจะไม่เก็บไว้คนเดียวต้องเล่าให้คนอื่นฟังอย่าอายยิ่งคนอื่นได้รับรู้มากเท่าไรก็เหมือนกับการเฉลี่ยต้นทุนออกไปความรู้จากความล้มเหลวนอกจากจะทำให้บริษัทในเครือไม่ก้าวพลาดซ้ำรอยเดิมยังเป็นความรู้ที่สามารถต่อยอดทำกำไรเงินที่ได้มาอาจจะมากกว่าที่เสียไปก็ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook