โฆษณาโล่งอกตัวเลขก.ค.ดีดกลับ นีลเส็นฯชี้7เดือนมูลค่า4.9หมื่นล้าน-ติดลบ4.36%

โฆษณาโล่งอกตัวเลขก.ค.ดีดกลับ นีลเส็นฯชี้7เดือนมูลค่า4.9หมื่นล้าน-ติดลบ4.36%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตัวเลขโฆษณาก.ค.เริ่มฟื้นตัวติดลบเหลือเพียงแค่1.47%จากที่ติดลบต่อเนื่องมาเฉลี่ย5-9%ตั้งแต่เดือนก.พ.นีลเส็นฯเผยธุรกิจ7เดือนมูลค่า4.9หมื่นล้านติดลบ4.36%มีเพียงสื่อเคลื่อนที่-อินเทอร์เน็ตที่ยังขยายตัวอย่างชัดเจนส่วนออยออฟโอเลย์ทุ่มงบฯเดือนก.ค.เพิ่มถึง50ล้านบาทสุภาณีเดชาบูรณานนท์บอสใหญ่กรุ๊ปเอ็มมั่นใจธุรกิจเริ่มฟื้นตัวแล้วแหล่งข่าวจากบริษัทวางแผนและซื้อสื่อโฆษณารายหนึ่งเปิดเผยว่ามูลค่าของธุรกิจโฆษณาในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวดีขึ้นโดยมีอัตราการขยายตัวติดลบเหลือเพียงแค่1.47%จากที่ติดลบมาตลอดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยในเดือนกุมภาพันธ์ติดลบ6.26%มีนาคมติดลบ5.28%ฯลฯและติดลบสูงสุดในเดือนเมษายนในอัตรา9.37%(ดูตารางประกอบ)จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณที่น่าจะชี้วัดได้ว่าธุรกิจโฆษณาโดยรวมน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงตั้งแต่ไตรมาส3นี้เป็นต้นไปทำให้คนในวงการโฆษณาประเมินกันว่ามูลค่ารวมของธุรกิจโฆษณาในปีนี้น่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ85,000ล้านบาทหรือติดลบประมาณ4.5-5%เท่านั้นทั้งนี้รายงานข่าวจากบริษัทนีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช(ประเทศไทย)พบว่าธุรกิจในช่วง7เดือนแรกปีนี้(มกราคม-กรกฎาคม)มีมูลค่ารวม49,472ล้านบาทติดลบ4.36%ขณะที่สื่อหลักทั้งหมดยังอยู่ในภาวะติดลบทั้งกระดานโดยสื่อโทรทัศน์มีมูลค่า29,302ล้านบาทติดลบ0.95%วิทยุมูลค่า3,378ล้านบาทติดลบ13.34%หนังสือพิมพ์7,510ล้านบาทติดลบ13.82%นิตยสารมูลค่า2,895ล้านบาทติดลบ12.75%โรงภาพยนตร์มูลค่า2,428ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น2.66%สื่อกลางแจ้งมูลค่า2,351ล้านบาทติดลบ5.58%ส่วนสื่อเคลื่อนที่(transit)มูลค่า1,020ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น28.14%สื่ออินเทอร์เน็ตมูลค่า1,216ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น14.85%อย่างไรก็ตามในเดือนกรกฎาคมธุรกิจโฆษณาโดยรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้นโดยมีมูลค่ารวม7,427ล้านบาทติดลบเหลือเพียงแค่1.47%ที่สำคัญสื่อโทรทัศน์กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังจากที่ติดลบมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาส่วนสื่อหลักอื่นๆก็ติดลบในอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจนเช่นกันโดยแบรนด์ที่ใช้งบฯโฆษณาสูงสุด5อันดับแรกในเดือนกรกฎาคมประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าออยออฟโอเลย์71.77ล้านบาทเพิ่มขึ้น50ล้านบาทตามด้วยโรลออนระงับกลิ่นกายนีเวีย50.5ล้านบาทเพิ่มขึ้น33.7ล้านบาทโทรศัพท์แบบเติมเงินแฮปปี้47.9ล้านบาทลดลง29ล้านบาทเครื่องดื่มเป๊ปซี่มูลค่า46.4ล้านบาทเพิ่มขึ้น2ล้านบาทและแชมพูคลินิค43.3ล้านบาทเพิ่มขึ้น15ล้านบาทสำหรับบริษัทที่ใช้งบฯโฆษณาสูงสุด5อันดับแรกนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดโดย4อันดับแรกยังเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์ประกอบด้วยยูนิลีเวอร์(ไทย)โฮลดิ้ง2,319ล้านบาทตามด้วยไบเออร์สด๊อรฟ(ประเทศไทย)993ล้านบาทรอลีอัล(ประเทศไทย)802ล้านบาทพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล(ประเทศไทย)691ล้านบาทและเอไอเอส652ล้านบาทด้านนางสุภาณีเดชาบูรณานนท์รองประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการกลุ่มกลยุทธ์การค้าและการลงทุนในสื่อในเครือกรุ๊ปเอ็มกล่าวว่าแม้ตัวเลขธุรกิจโฆษณาที่ออกมาขณะนี้จะยังอยู่ในภาวะทรงตัวแต่เชื่อมั่นว่าภาพโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส3นี้และต่อเนื่องถึงไตรมาสสุดท้ายของปีได้แน่นอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook