หลวงพ่อคูณปลื้มในหลวง พระราชทานดอกไม้ ผลแล็บไม่ติดหวัด09 คาดกลับวัด20ส.ค. หลวงพ่อคูณเผยปีติมหาศาลใน

หลวงพ่อคูณปลื้มในหลวง พระราชทานดอกไม้ ผลแล็บไม่ติดหวัด09 คาดกลับวัด20ส.ค. หลวงพ่อคูณเผยปีติมหาศาลใน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หลวงพ่อคูณปลาบปลื้มปีติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวพระราชทานทานดอกไม้เยี่ยม บอกอาการดีขึ้นแล้วไม่เป็นอะไรมาก ร่ำอยากกลับวัดบ้านไร่แล้ว ผลตรวจไม่พบติดเชื้อหวั09 คาดกลับวัดบ้านไร่20 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคมเถระ หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด นครราชสีมา หลังมีอาการมึนงงสับสน จำใครไม่ได้ จนต้องนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 16 สค. ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 9 ชั้น ฯ หลวงพ่อคูณ ฯ ตื่นจำวัดเช้า แพทย์ได้ตรวจสอบอาการ โดยมี นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัว พร้อมด้วย นพ.สุรินทร์ แซ่ตั้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมประสาท และ นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด และเวชบำบัดวิกฤติ โดย หลวงพ่อคูณ สามารถฉันท์อาหารเช้าที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดนำมาถวายประกอบด้วย ผักต้ม น้ำพริกปลาป่น แกงจืด ปลาสลิดทอด ปลาดุกย่าง หมูทอด ผัดบวบกุ้ง ผัดถั่วงอก มะละกอ ลูกพลับ เงาะ กล้วย และขนมครก ซึ่งหลวงพ่อสามารถฉันท์ได้มากขึ้น โดยแพทย์ยังคงให้น้ำเกลือ และให้ยาปฏิชีวนะทางกระแสเลือด ต่อมานายสมศักดิ์ ปริสุทโธ เหมทานนท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา ได้โทรศัพท์เข้ามาร่วมสนทนากับหลวงพ่อคูณ รวมทั้งสอบถามถึงอาการอาพาธ ของหลวงพ่อคูณ และแจ้งถึงกำหนดการพระราชทานดอกไม้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อ จะมาถึงเวลา 11.45 น. วันนี้ เบื้องต้นหลวงพ่อ มีสีหน้าสดชื่น แจ่มใส ความจำกลับคืนมาเป็นปกติ สามารถเรียกลูกศิษย์ได้ทุกคน และยังทักทายกับแพทย์อย่างอารมณ์ดี แต่แพทย์ยังสั่งห้ามเยี่ยมเด็ดขาด เพื่อให้หลวงพ่อคูณได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ นายแพทย์พินิจจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า ผลการตรวจเป็นลบ ซึ่ง หลวงพ่อคูณไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009แต่อย่างใด แต่เพื่อความแน่นอนทางคณะแพทย์รอผลการตรวจยืนยันจากทางโรงพยาบาลจุฬาฯอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในวันนี้ ทั้งนี้คณะแพทย์ต้องการยืนยันผลการตรวจเพื่อความแน่ชัดว่าหลวงพ่อคูณติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009จริงหรือไม่เพื่อจะได้วางแผนการรักษาต่อไปได้ถูกต้อง เนื่องจากหากหลวงพ่อคูณไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009จริงทางคณะแพทย์และลูกศิษย์ก็ต้องคอยเฝ้าระวังหลวงพ่อคูณตลอดเวลา แต่หากหลวงพ่อคูณติดเชื้อไข้หวัด2009แล้วทางคณะแพทย์ก็จะได้มีความมั่นใจว่าหลวงพ่อคูณจะไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009อีก อย่างไรก็ตามหากอาการของหลวงพ่อคูณฯยังดีขึ้นตามลำดับไม่มีโรคแทรกซ้อน คาดว่าในวันที่ 20 สค. นี้ หลวงพ่อคูณฯน่าจะกลับวัดบ้านไร่ได้ ด้าน หลวงพ่อคูณ กล่าวว่า เออ กูก็ดีขึ้นตามลำดับ การป่วย การเป็นก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่วันนี้อาการกูดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นอะไรดอก หมอบอกให้กินยาก็กินได้ดี แต่ก็ไม่ค่อยอยากกินดอก ใครจะอยากกินยา อยากเจ็บไข้ กูอยากจะกลับวัดวันพรุ่งนี้เอ๊ย ผู้สื่อได้แจ้งกับหลวงพ่อคูณ ว่าจะมีดอกไม้พระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ หลวงพ่อคูณฯ กล่าวว่า รู้สึกปิติยินดีอย่างมหาศาล พระองค์ท่านไม่ต้องเป็นห่วง พออยู่ได้ ท่านรู้ดี ส่วนเรื่องที่จะนำเงินถวายเป็นพระราชกุศล ฯ 100 ล้าน หากมีเงินก็จะทำ ต่อมา เมื่อเวลา 12.15 น. นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้อันเชิญดอกไม้พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมชาชินีนาถ ซึ่งเป็นดอกกล้วยไม้ ที่ทรงพระราชทานเยี่ยมอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด ที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 14 สค.ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด๊จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงในอาการป่วยของตนเอง และขอให้พระองค์ท่านมีอายุ มั่นขวัญยืนตลอดไป ในส่วนลูกศิษย์ที่เป็นห่วงกู สงสารกู ทำได้ไม่ยาก ทำได้ง่ายๆนิดเดียว ตอนเช้าจงลุกขึ้นตักบาตรอย่าให้ขาดอย่าให้เว้น การตักบาตรเป็นกุศลอันใหญ่ยิ่ง อย่าประมาทว่าตักบาตรจะเป็นบุญน้อย การทำบุญทุกอย่างได้บุญเหมือนกัน ทำไปเถอะบุญไม่เสียหายอะไรด๊อกลูกหลายเอ้ย หลวงพ่อคูณฯ กล่าว

หลวงพ่อคูณบอก อาการกูดีขึ้นแล้ว อยากกลับวัดบ้านไร่ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในฐานะแพทย์ประจำตัว หลวงพ่อคูณ ว่า อาการขึ้นตามลำดับ สดชื่นแจ่มใส ฉันอาหารได้มากกว่าเดิม ความจำก็กลับคืนมาเป็นปกติ สามารถจดจำลูกศิษย์ได้ทุกคนแล้ว ทั้งนี้แพทย์จะให้หลวงพ่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกอย่างน้อย 3-4 วัน และสั่งห้ามเยี่ยมเด็ดขาด เพื่อให้หลวงพ่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

คณะแพทย์เชื่อว่าหลวงพ่อคูณอาจจะติดเชื้อหวัด 2009 เนื่องจากมีอาการหลายอย่างคล้ายกับผู้ป่วยหวัด 2009 ซึ่งหลังจากแพทย์ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์ และยาซาทามิเวียร์แล้ว หลวงพ่อคูณมีอาการตอบสนองดีมาก ดังนั้นแพทย์จะยังคงให้ยาทั้งสองชนิดต่อไปจนครบคอร์ส 5 วัน ส่วนผลตรวจเชื้อหวัด 2009 จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จะทราบผลอย่างเป็นทางการภายใน 48 ชั่วโมง นพ.พินิศจัยกล่าว

ด้านหลวงพ่อคูณกล่าวว่า การป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่วันนี้อาการกูดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นไรดอก ส่วนที่หมอบอกว่ากูอาจจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น กูก็ไม่รู้สึกอะไรดอก ถ้าจะเป็นจริงๆ ก็ต้องเป็น กูไม่สามารถจะป้องกันอะไรได้ ทุกๆ คนก็มีโอกาสเป็นเหมือนกันหมด แต่กูก็ป่วยไม่มากดอก เป็นเล็กๆ น้อยๆ เป็นแค่ธรรมดาไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร พออยู่ได้ วันนี้กูก็ฉันยา ฉันข้าวได้มาก และอยากกลับวัดบ้านไร่แล้วหลานเอ๊ย

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการกระจายยาโอเซลทามิเวียร์สำหรับเด็ก ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตได้สำเร็จแล้วว่า จะกระจายยาดังกล่าว ซึ่งมี 2 ขนาด คือ ขนาด 30 มิลลิกรัม และ 45 มิลลิกรัม ไปยังโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งได้ในวันที่ 17 สิงหาคม เพื่อให้การใช้งานสะดวกมากขึ้นและช่วยในการรักษาได้รวดเร็ว เภสัชกรไม่ต้องเจือจางยาของผู้ใหญ่มาให้กับเด็กเหมือนที่ผ่านมา

วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า นาย ลี จอง คู รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเกาหลีใต้ แถลงถึงชายวัย 50 เศษ ที่เสียชีวิตจากอาการป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นรายแรกของประเทศ ว่า ชายเกาหลีรายดังกล่าวติดเชื้อหลังจากเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคมที่ผ่านมา และแสดงอาการป่วยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม และอาการหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม จนได้รับการตรวจยืนยันเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ก็เสียชีวิตด้วยอาการปอดบวม และอาการแทรกซ้อนอีกหลายอย่าง

ที่ญี่ปุ่น รัฐบาลเพิ่งออกมายืนยันในวันเดียวกันนี้ว่า มีชายวัย 50 เศษรายหนึ่งที่จังหวัดโอกินาวา เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นรายแรกของประเทศ

ส่วนที่ฮ่องกง ศูนย์เพื่อการคุ้มครองด้านสาธารณสุขเปิดเผยว่า ผู้ป่วยสตรีรายหนึ่งในบ้านพักสำหรับคนพิการ แสดงอาการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ หลังล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 พร้อมกับคนอื่นๆ ในบ้านอีก 21 คน ซึ่งนับเป็นรายที่ 2 ต่อจากวัยรุ่นหญิงอายุ 16 ปี ที่พบเมื่อราวต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทางแพทย์ยืนยันว่า อาการดื้อยาทั้ง 2 รายเกิดขึ้นเฉพาะกรณี ไม่ได้มีการแพร่อย่างกว้างขวางแต่อย่างใด

ที่อินเดีย ประชาชนยังคงแตกตื่นอย่างหนักจากการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นในหลายเมือง โดยเฉพาะที่เมืองปูนีและมุมไบ ทางตะวันตกของประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 1,390 ราย ทั้งนี้เฉพาะเมืองปูนีเพียงเมืองเดียวก็มีผู้เสียชีวิตถึง 13 คน จากจำนวน 21 คน ที่เป็นยอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งประเทศ การแตกตื่นหวาดผวาไข้หวัดใหญ่ 2009 ดังกล่าวทำให้ผู้คนตามท้องถนนหนทางต่างๆ ในหลายเมืองหายไปกว่าครึ่ง แล้วยังทำให้หน้ากากอนามัยเกิดขาดแคลน ราคาเพิ่มพรวดพราดจาก 5 รูปี (3.50 บาท) เป็น 150 รูปี (106 บาท) และทำให้ศูนย์ตรวจยืนยันเชื้อที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นทั่วประเทศต้องทำงานหนัก อย่างเช่นที่เมืองปูนี ซึ่งมีชาวบ้านมาเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อตรวจหาเชื้อถึงกว่า 11,000 คน มีเพียง 73 คนเท่านั้นที่ผลการทดสอบเป็นบวก ซึ่งต้องตรวจยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายออกมาเตือนว่า เป็นการตื่นตระหนกเกินเหตุ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์แต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook