จำคุก''รังสรรค์ แสงสุข''อดีตอธิการ ม.รามฯ
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เดิมโจทก์เป็นอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ยื่นผลงานวิชาการและเอกสารทางวิชาการ เสนอนางระวิวรรณ จำเลยที่3 ในฐานะคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ประกอบการพิจารณาหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์หรือ ผ.ศ.ระดับ 6 เพื่อเสนอต่อไปยังนายรังสรรค์ จำเลยที่1 ซึ่งเป็นอธิการบดี โดยมีการตั้งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นกลั่นกรองผลงานของโจทก์ และกล่าวหาว่าโจทก์ลอกเลียนผลงานทางวิชาการของบุคคลอื่น จากนั้นได้มีการแต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นประธานสอบข้อเท็จจริง จำเลยที่5,6,7เป็นกรรมการ และเลขานุการ สรุปการสอบสวนว่า การกระทำของโจทก์ผิดวินัย จึงมีการแต่งตั้งจำเลยที่ 8 เป็นประธานกรรมการสอบวินัย และมีจำเลย 9,10,11 ร่วมเป็นกรรมการสอบสวน และมีความเห็นว่สโจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีมติให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 3 - 11 เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์และเอาใจจำเลยที่1
โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์มติดังกล่าวจากอนุกรรมการ ซึ่งก็เห็นว่าโจทก์มิได้กระทำผิด โจทก์นำมติดังกล่าวไปแจ้งคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งก็เพิกเฉยไม่นำเรื่องเสนอโจทก์กลับเข้ารับราชการทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธว่า พวกจำเลยได้ปฏิบัติจริงตามหน้าที่ และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายไปตามอำนาจหน้าที่ และตามหลักวิชาการ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ < />
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงานทางวิชาการ แต่ก็ได้อ้างอิงแหล่งที่มาไว้ท้ายเล่ม ถือว่าไม่มีเจตนาปกปิด การกระทำของจำเลยที่1,3,5 เป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ โดยเฉพาะจำเลยที่1 เป็นอธิการบดีมานานย่อมรู้ว่าเหตุการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆเป็นเช่นไร ฟังได้ว่าเฉพาะจำเลยที่1,3และ5 กระทำผิดตามฟ้อง ตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90
พิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยทั้งสามเป็นคณาจารย์เคยประกอบคุณงามความดีมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่2,4,6,7,8,9,10,11 แม้จะเป็นการกระทำที่บกพร่อง แต่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นชัดเจนว่าผิดอย่างไร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้พิพากษายกฟ้อง.