บุกค้นรังแก๊งออนไลน์ไต้หวันลวงเหยื่อโอนเงินข้ามประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 21 กรกฎาคม พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.สอบสวนกลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบปราม และตำรวมท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ กว่า 70 นาย บุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 11 แห่ง ใน 7 หมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ชื่อดังในพื้นที่ อ.เมือง อ.สันทราย และ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการแอบตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่ทำการโจรกรรมทางออนไลน์ หรือระบบอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ข้ามชาติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นจากศาล จ.เชียงใหม่ บุกเข้าจู่โจมพร้อมกันทั้ง 11 จุด โดยมีบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านมัณฑนา ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ และประสานงานกับจุดย่อยที่กระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งใช้เป็นทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบตัวหญิงชายชาวจีนแผ่นดินใหญ่และชาวไต้หวันจำนวน 94 คน ขณะพักอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่ พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์การเชื่อมต่อออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์การดักฟัง โทรศัพท์ประจำบ้านจำนวนมาก ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมเสื้อผ้าและของส่วนตัวไปควบคุมที่สำนักงานตำรวจทางหลวง จ.เชียงใหม่ ก่อนนำตัวเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อมอบให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 22 กกรกฎาคมนี้

พล.ต.ต.ปัญญา เปิดเผยว่า การบุกเข้าตรวจค้นแก๊งออนไลน์กลางเมืองเชียงใหม่ เป็นผลสื่บเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลางได้รับการประสานงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไต้หวันว่า แก๊งออนไลน์เข้ามาปักหลักและใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการติดต่อหลอกลวงเหยื่อชาวจีน ไต้หวัน และฮ่องกง มีผู้สูญเสียเงินไปหลายหมื่นล้านบาท โดยจะไปหลับอาศัยตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น จ.ภูเก็ต สงขลา และเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางเพื่อดำเนินการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต

เขาจะหลอกลวงสาวชาวจีนและผู้ชายให้มาทำงานในเมืองไทย แต่ก็มีทั้งที่ถูกหลอกและเต็มใจเดินทางมาร่วมงาน โดยหญิงชาวจีนจะโทรศัพท์ข้ามประเทศไปยังเมืองจีนหลอกลวงเหยื่อว่าเป็นผู้โชคดี จากหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกสุ่มจับได้เงินรางวัลนับแสน นับล้านบาท และจะหลอกให้เหยื่อไปหน้าตู้เอทีเอ็มดำเนินการกดเอทีเอ็มและหลอกให้เหยื่อกดโอนเงินเข้าบัญชีของแก๊ง โดยจะมีอุปกรณ์กดให้ได้ยินเสียงฟังเหมือนมีการทำงานในสำนักงานใหญ่ จนเหยื่อหลงเชื่อและทำตามโดยใช้ขั้นตอนเป็นภาษอังกฤษ

พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมขบวนการดังกล่าวได้ที่กรุงเทพฯ และมีการซัดทอดว่ามีสาขาอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จึงทำการขยายผลจับกุมเพราะขบวนการดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่ผู้หลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 23,000 ล้านบาท