เทพเทือกเผยรมช.ตปท.มะกันชมรบ.มาร์คยึดมั่นปชต.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลัง นายเคิร์ท เอ็ม แคมเบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมนายอีริค จีจอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง วันที่ 21 กรกฎาคมว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองในบางประเด็น รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯได้แสดงความชื่นชมการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ยึดมั่นตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานในทุกด้าน ทั้งยังแสดงความห่วงและรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับปฏิบัติของรัฐบาลพม่าที่มีต่อนางอองซาน ซูจี ซึ่งตนเองได้เรียนให้ทราบว่านายกรัฐมนตรีของไทยในฐานะประธานอาเซียน ได้แสดงจุดยืนเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่าต้องการให้นางอองซาน ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายและประชาธิปไตย แต่ได้ย้ำไปว่าประเทศพม่าและไทยถือเป็นเพื่อนบ้านกัน แม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันไปบ้าง แต่เรายังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ฉะนั้นเราต้องระมัดระวังเรื่องภายในของเขา จึงต้องแยกแยะ

นายสุเทพ กล่าวว่า รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ ยังสอบถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งชี้แจงไปว่าเชื่อมั่นว่าจุดยืนของทางกัมพูชาและไทยตรงกัน คืออยากให้เกิดความสงบสุข และให้ช่วยกันหันมาพัฒนาร่วมกัน แต่เกิดปัญหาจากการที่องค์การยูเนสโกรับรองให้ทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เชื่อว่าปัญหาจะคลี่คลายได้ในที่สุด ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ได้ชี้แจงไปว่ารัฐบาลแก้ไขตามแนวทางพระราชทาน คือเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา โดยจัดงบประมาณลงพื้นที่กว่า 6 หมื่นล้านบาท และยืนยันว่าจะไม่ใช้วิธีอุ้มฆ่าหรือล่าสังหารเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ ได้ฝากให้ไทยช่วยดูแลเกี่ยวกับปัญหาชาวม้งลาวอพยพ ซึ่งได้ยืนยันไปแล้วว่าจะร่วมมือกับรัฐบาลลาวเพื่อคัดเลือกคนที่สมัครจะจะเดินทางกลับไปอยู่ที่ประเทศลาวโดยถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนที่ไม่สมัครใจคงต้องรับดูแลต่อไปในประเทศไทย ส่วนข่าวคุกลับในประเทศไทยนั้นไม่ได้คุยกัน เพราะไม่มีคุกลับ ไม่รู้จะไปหารือกับใคร

ด้าน นายเคิร์ท เอ็ม แคมเบลล์ กล่าวว่า การเข้าพบครั้งนี้ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับสหรัฐ เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มีโอกาสเข้าพบผู้นำของไทย ดังนั้นทั้งไทยและสหรัฐจะมีการพัฒนาร่วมกันโดยเฉพาะด้านเศรฐกิจและสังคม เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของทั้งสองประเทศต่อไป