แม่ร้องผู้ว่าฯ ผอ.ใช้งานศิษย์ 10 ขวบ หิ้วถังยางมะตอยร้อนๆ ลวกแขนเหวอะ

แม่ร้องผู้ว่าฯ ผอ.ใช้งานศิษย์ 10 ขวบ หิ้วถังยางมะตอยร้อนๆ ลวกแขนเหวอะ

แม่ร้องผู้ว่าฯ ผอ.ใช้งานศิษย์ 10 ขวบ หิ้วถังยางมะตอยร้อนๆ ลวกแขนเหวอะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องนี้อยากให้ถึงผู้ว่าฯ แม่ร้องเรียน อดีต ผอ.โรงเรียน ใช้งานลูกชายวัย 10 ขวบ หิ้วถังยางมะตอยร้อนๆ เดินตาม ทำให้กระเด็นลวกใส่แขนเป็นแผลเหวอะ เสี่ยงพิการตลอดชีวิต

(7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นางอนงค์ อายุ 41 ปี และญาติ พร้อมด้วย น้องต้นหนาว ลูกชายวัย 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เดินทางมาร้องทุกข์ พร้อมกับรอยแผลขนาดใหญ่ที่แขนขวาและฝ่ามือด้านซ้าย อีกทั้งยังพบว่านิ้วมือหยิกงอ-ผิดรูป โดยได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯ

ทั้งนี้ เพื่อให้ช่วยตามตัวอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ มารับผิดชอบ หลังใช้ให้ลูกชายหิ้วถังใส่น้ำต้มยางมะตอยร้อนจัด ก่อนประสบอุบัติเหตุยางมะตอยเลอะกระเด็นลวกแขน ผิวหนัง ทำให้เนื้อหลุดลอกเป็นบาดแผลฉกรรจ์ และทำให้นิ้วหยิกงอด้วย โดยมี นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมฯ และ นายสนุน แจะหอม นิติกรประจำศูนย์ดำรงธรรมฯ เป็นผู้รับเรื่อง

นางอนงค์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา น้องต้นหนาว ได้ประสบอุบัติเหตุถูกน้ำต้มยางตะตอยลวกแขนและมือได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหตุเกิดขึ้นภายในโรงเรียน โดยอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเพิ่งเกษียณราชการไปเมื่อสิ้นเดือนกันยายน ได้ใช้งานน้องต้นหนาวในช่วงพักกลางวัน โดยเริ่มจากให้ไปกวนยางมะตอยที่กำลังต้มเดือดในปี๊บ

จากนั้น ผอ.ได้ตักยางมะตอยร้อนๆ ใส่ถังพลาสติก ที่ตัดก้นออกโดยเหลือที่จับไว้ แล้วบอกให้น้องต้นหนาวถือถังพลาสติกใส่ยางมะตอยเดินตามไป เพื่อที่จะนำยางมะตอยที่เพิ่งต้มร้อนๆนั้น ไปเทกลบหลุมบนผิวถนนที่เป็นหลุมบ่ออยู่ภายในโรงเรียน

นางอนงค์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากถูก ผอ.เรียกใช้งาน น้องต้นหนาวจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง เพราะกลัวถูกดุด่า จึงยอมทำตามที่ ผอ.สั่ง ขณะที่ถังใส่ยางมะตอยและที่ตรงจับเป็นพลาสติก เมื่อถูกความร้อนก็เกิดการบีบรัดและหดตัว ทำให้น้องต้นหนาวที่ใช้มือขวาถือถังใส่ยางมะตอยเดินตาม ผอ.ไป และรู้สึกร้อนมือจนทนไม่ไหว

ทำให้มือที่ถือถังยางมะตอยร้อนๆ อยู่เริ่มสั่นกระตุก และเนื้อยางมะตอยที่ข้นเหนียวและยังร้อนอยู่กระเด็นออกมาถูกแขน ตั้งแต่ช่วงต้นแขนและราดลงมาถึงข้อมือ จึงตัดสินใจวางถังลงและเอามือซ้ายปัดเนื้อยางมะตอยที่กระฉอกถูกแขนออก จึงทำให้มือซ้ายจึงถูกยางมะตอยติดมือได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกข้าง

น้องต้นหนาวร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เพราะอาการปวดแสบปวดร้อน แต่ ผอ.กลับตะคอกใส่ว่า "ทำไมไม่รู้จักระวัง!" จากนั้นจึงไล่ให้ไปล้างน้ำ น้องต้นหนาวที่มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก จึงได้เรียกให้เพื่อนช่วยแกะยางมะตอยที่ติดแขนออก ทำให้หนังก็หลุดออกมาด้วย

แม่ของน้องต้นหนาว กล่าวต่อว่า ตนทราบเรื่องหลังจากที่ลูกน้องของ ผอ.ได้มาแจ้ง โดยที่ลูกชายอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่แต่หมอแจ้งว่าจะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์มาก พอเห็นสภาพที่เกิดขึ้นกับลูกทีแรกก็ตกใจมาก รู้สึกสงสารลูก เพราะท่อนแขนขวาเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ ผิวหนังหลุดลอกมองเห็นเนื้อแดงๆ ชุ่มด้วยเลือด ขณะที่ฝ่ามือซ้ายและนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วก็บวมเป่ง หยิกงอ เพราะถูกน้ำต้มยางมะตอยลวกเช่นกัน ทั้งนี้ในวันที่ส่งตัวน้องต้นหนาวไป รพ.กาฬสินธุ์ ผอ.ได้ให้เงินเอาไว้ 1,000 บาท

นางอนงค์ เล่าอีกว่า ในช่วงที่น้องต้นหนาวนอนรักษาตัวอยู่ เป็นเวลา 14 วัน ผอ.ได้แวะมาเยี่ยมประมาณ 5-6 ครั้ง และได้เอาเงินให้ไว้อีก 1,000 บาท โดยระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล น้องร้องไห้ทุกวันทุกคืนด้วยเจ็บปวดทรมาน เนื่องจากพิษบาดแผลที่เกิดจากน้ำมะตอยลวก

แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลมา ก็ยังไม่เห็น ผอ.ติดต่อเข้ามาว่าจะรับผิดชอบอย่างไรก็ตาม จึงขอความช่วยเหลือจากผู้นำชุมชน ให้ช่วยประสาน ผอ.ด้วย เพราะอาการบาดเจ็บของน้องต้นหนาวยังมีอยู่ แขนขวาเป็นแผลเป็น และนิ้วมือด้านซ้ายโดยเฉพาะนิ้วก้อยยังหยิกงอ ผิดรูป และอาจจะพิการได้ เพราะมีอาการเส้นเอ็นยึด นอกจากนี้สภาพจิตใจของน้องต้นหนาวก็ย่ำแย่ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็ฯคนพิการ

ที่ผ่านมาได้ขอร้องผู้นำชุมชน ให้ช่วยประสาน ผอ.เข้ามาพูดคุย เพื่อขอรับการเยียวยากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไกล่เกลี่ย 3 ครั้ง แต่ ผอ.ไม่ยอมรับข้อเสนอ ครั้งสุดท้ายตนตั้งไว้ที่จำนวน 150,000 บาท แต่ ผอ.จะให้แค่ 45,000 บาท ตนเห็นว่ายังน้อยไป เพราะตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวน้องนั้น ก็หมดค่าใช้จ่ายและยืมเงินมาจำนวนมาก จึงตกลงกันไม่ได้

วันที่ 4 กันยายน 2562 จึงไปขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอดอนจาน และทางอำเภอได้ออกหนังสือให้ไปไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2562 แต่เมื่อถึงวันนัดหมายก็ไปตามนัด เพื่อหาจุดลงตัว ซึ่งตนยังยืนยันขอให้ ผอ.เยียวยา จำนวน 150,000 บาท แต่ ผอ.ไม่ตกลงจึงสามารถไกล่เกลี่ยกันได้อีก

กระทั่งในวันนี้ตนไม่รู้จะไปพึ่งใครที่ไหนได้ จึงได้มาขอความจากท่านผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ ผอ.เยียวยาตามข้อเสนอ เนื่องจากน้องต้นหนาวอาการเจ็บสาหัส เสี่ยงที่จะเป็นผู้พิการ และจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการบำบัดรักษาให้แขนและนิ้วมือกลับมาเป็นปกติ

ซึ่งตอนนี้ ผอ.เกษียณอายุราชการไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับเงินเยียวยาอาการบาดเจ็บของลูก และไม่ได้รับความเป็นธรรม

ทางด้าน นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือเหลือ จากนางอนงค์ฯ ผู้ปกครองน้องต้นหนาวดังกล่าว จะได้เสนอถึงท่าน ผวจ.กาฬสินธุ์ทราบโดยด่วน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ต้นสังกัดเดิมของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว เพื่อนำมาสู่การเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อยุติ

ทั้งนี้ให้ความเชื่อมั่นกับผู้ร้องว่า ถึงแม้จะ ผอ.จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ในเมื่อเหตุเกิดขณะรับราชการ เพราะฉะนั้นการติดตามเรื่อง และการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก็ยังมีผล ซึ่งในกระบวนการสืบสวนสอบสวนก็จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook