พธม.แฉ เนวิน-จตุพร ฮั้วเลือกตั้งสกลฯ

พธม.แฉ เนวิน-จตุพร ฮั้วเลือกตั้งสกลฯ

พธม.แฉ เนวิน-จตุพร ฮั้วเลือกตั้งสกลฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พันธมิตรแฉ เนวิน-จตุพร ฮั้วะเลือกตั้งสกลนคร นั่งเครื่องไปด้วยกัน แต่ลงพื้นที่ทำเป็นไม่รู้กัน ปลุกพันธมิตรฯสุราษฎร์ ยึด อบจ. เอาฤกษ์เอาชัย ด้านความสัมพันธ์ ปชป.-พธม. ส่อสะบั้น แกนนำจวกแหลกลืมบุญคุณหันซบ เนวิน ลั่นถ้าไม่มีชุมนุม 193 ก็ไม่มีรัฐบาล ปชป.

(20มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสนามกีฬาเพชรรัชต์ ถ.วิภาวดีรังสิต ว่า กลุ่มพันธมิตรฯพงเพชร ได้จัดงานพบปะสังสรรค์พันธมิตรพงเพชร ครั้งที่ 2 มีการตั้งซุ้มแจกจ่ายอาหารให้กับมวลชนที่มาร่วมประมาณ 500 คน พร้อมทั้งมีการตั้งเวทีปราศรัย แสดงดนตรี โดยการปราศรัยของแกนนำแนวร่วมกลุ่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่มีเนื้อหาโจมตีการทำงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะประเด็นการอ่อนข้อให้กับพรรคภูมิใจไทยมากเกินไปจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปราย พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ได้ประกาศว่าการเมืองใหม่ของพรรคการเมืองใหม่นั้นนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค เช่นเดียวกับบารัค โอบาม่า ที่เป็นประธาธิบดี โดยไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคเดโมแครต แต่อย่างใด

"วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ หมดสภาพในการนำพารัฐบาลเพราะให้อำนาจพรรคร่วมจนหมดสิ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหลือแต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีอำนาจ สุดท้ายหากการบริหารงบประมาณแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ก็หนีไม่พ้นข้อหาพายเรือให้โจรนั่ง" โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าว

ขณะที่ นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ขอให้มวลชนสนับสนุนการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยเริ่มการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ที่จ.สุราษฎร์ธานี พันธมิตรฯต้องยึดครองมาให้ได้ เพราะเราเห็นแล้วว่าการเลือกตั้งในระบบการเมืองแบบเก่าพึ่งพาไม่ได้ แม้แต่การเลือกตั้งซ่อมที่จ.สกลนคร ก็ส่อว่าจะฮั๊วกันเพราะตนได้ข้อมูลว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. ก็คุยกันบนเครื่องบินระหว่างที่เดินทางไปจ.สกลนคร แต่เมื่อถึงพื้นที่แยกกัน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่มีความหมาย วันนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้นายอภิสิทธิ์ พายเรือให้การเมืองใหม่นั่ง

ขณะที่ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 อภิปรายเรียกร้องให้มวลชนช่วยกันสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากหมดหวังกับรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่ฟังข้อเสนอแนะของพันธมิตรฯ มีแต่เอาใจพรรคภูมิใจไทย ขนาดคนที่จัดตั้งรัฐบาลยังบอกว่าถ้าไม่มีเขา(พรรคภูมิใจไทย) ก็จะไม่มีรัฐบาล แต่ไม่เคยคิดว่าถ้าไม่มี 193 วันพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่

"วันนี้ไม่ได้มาทวงบุญคุณ แต่มีหลายคนตั้งคำถามว่าพันธมิตรฯมันรูปชั่วตัวดำ มันเป็นโจรหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง เราเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลแล้วเอาใจพันธมิตรฯคนในสังคมอีกหลายล้านคนจะกล่าวหาว่ารัฐบาลเอียงข้าง แต่พรรคประชาธิปัตย์สามารถแสดงออกให้เห็นว่าได้ตอบแทนเราด้วยการมีอุดมการณ์จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และต้องปฎิรูปการเมือง วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าตัดสินใจถอดชนวนระเบิดเวลาหลายลูกทั้งรถเมล์ 4 พันคัน อย่าไปกลัวกับการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะยังมีพันธมิตรฯช่วยเหลืออยู่ข้างนอก อย่ารังเกียจพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯไม่มีอะไรน่ารังเกียจ " นายสำราญ กล่าว

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลว่า รัฐบาลนี้จะอยู่นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการจัดสรรผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในรัฐบาล ลงตัวหรือไม่ ถ้าขัดแย้งกันมากก็อยู่ไม่นาน แล้วถ้ายังประสานผลประโยชน์ได้ก็อยู่นาน เพราะการเมืองระบบเก่านั้นอยู่ได้ด้วยเงินเปอร์เซนต์จากโครงการต่าง ๆ เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปใช้ในการเลือกตั้งเพื่อกลับเข้ามามีอำนาจ ถือเป็นวงจรน้ำเน่าของการเมืองไทย ดังนั้นพรรคการเมืองใหม่จะไม่ทำสิ่งเหล่านี้ โดยตัวแทนของพรรคการเมืองใหม่ที่จะเข้าไปต่อสู้ในสภาต้องเป็นคนที่มีความเสียสละ กล้าหาญ ซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพ และหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่แล้ว เราจะเสนอรายชื่อสมาชิกไม่ใช่แค่ 5 พันคนตามกฎหมายแต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

"แม้นายอภิสิทธิ์ จะเป็นคนที่ภาพลักษณ์ดีแต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าได้เป็นนายกฯมาจากระบบอุปถัมป์ที่อยู่รอบตัวทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายเนวิน ชิดชอบ ดังนั้นการบริหารงบประมาณของแผ่นดิน ก็จะเป็นการเฉลี่ยงบฯให้ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่ม ก๊วนต่างๆ แทนที่จะนำมาสร้างประโยชน์ให้ประชาชนโดยตรง ทำเช่นนี้ถือว่าหลอกประชาชน" แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าส่วนตัวจะไม่เข้าสู่ระบบการเมืองแต่จะสร้างการศึกษาให้กับมวลชน โดยจะตั้งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน เพื่อฝึกอบรมความเป็นพลเมืองในสังคมประชาธิไตย จะมีกระบวนการคล้ายคลึงกับสถาบันพระปกเกล้า มีการเก็บเงินในการเข้าเรียน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเขียนหลักสูตร โดยจะดึงนักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ และการเมืองมาร่างหลักสูตร ซึ่งจะเน้นการดึงประชาชนจากหลากหลายชนชั้นมาสัมพันธ์กันเพื่อลดช่องว่างในสังคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook