ปูด2นายพล1นายพันแกนนำป่วนใต้ อ้างยิงกราดมัสยิด ผบ.ทบ.-รมว.กห.รู้ดีฝีมือใคร ตั้งด่านเอ็กซเรย์พาหนะ

ปูด2นายพล1นายพันแกนนำป่วนใต้ อ้างยิงกราดมัสยิด ผบ.ทบ.-รมว.กห.รู้ดีฝีมือใคร ตั้งด่านเอ็กซเรย์พาหนะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ส.ส.พรรคร่วมรบ.เผยมี 2 นายพล 1 นายพัน เป็นแกนนำสร้างความวุ่นวาย 3 จว.ชายแดนใต้เรียกร้องผลประโยชน์ แบ่งความรับผิดชอบคนละจังหวัดและมีทหารชั้นผู้ใหญ่หนุนหลัง อ้างยิงกราดมัสยิด ผบ.ทบ.-รมว.กห.รู้ฝีมือใคร ผบช.ศชต. สั่งตั้งด่านถี่เอ๊กเรย์พาหนะซุกบึ้มป่วนใต้ ตร. ปูนบำเหน็จ 2ตร.เหยื่อจยย.บอมบ์ ปูด2นายพล1นายพันป่วนใต้

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมมอบเครื่องตรวจดีเอ็นเอ เครื่องตรวจวัตถุระเบิด เครื่องตรวจวิถีกระสุน มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท ให้ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา โดยมีพล.ต.ต.ประพัฒน์ คนตรง รองผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ(รองผบช.สนว.ตร.) เป็นผู้รับมอบ

พล.ต.ต.ประพัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนได้แล้ว 8,427 ปลอก หัวกระสุนปืน 661 หัว เป็นประโยชน์ต่อคดีถึง 553 คดี ทั้งนี้ พบว่ามีปืนที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3,100 กระบอก ใช้ก่อเหตุซ้ำ 479 กระบอก ขณะที่มีฐานข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องสงสัยก่อเหตุในพื้นที่ถึง 4,799 ตัวอย่าง ขณะที่ทั่วประเทศมีฐานข้อมูล 6 ล้านตัวอย่าง

ด้าน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คนหนึ่ง กล่าวว่า เหตุการณ์คนร้ายกราดยิงชาวมุสลิมในมัสยิดที่ จ.นราธิวาส น่าเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ และเชื่อว่า ส.ส.ในพื้นที่ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือแม้แต่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็น่าจะทราบดีว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด

มีนายทหารและนายตำรวจกลุ่มหนึ่ง ดำเนินการก่อความไม่สงบเพื่อเรียกร้องประโยชน์ให้กับกลุ่มตัวเอง โดยคนกลุ่มนี้มีแกนนำ 3 คน แบ่งความรับผิดชอบเป็นรายจังหวัดคือ นายพล อ. ดูแลพื้นที่ จ.นราธิวาส นายพล ว. ดูแล จ.ปัตตานี และนายพัน พ. ดูแลพื้นที่ จ.ยะลา ส.ส.ภาคใต้กล่าว และว่า แกนนำทั้ง 3 คนนี้ ยังมีอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ยิงครูอีกศพ-บึ้มตร.ตาย1เจ็บ2

กลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงก่อเหตุสร้างสถานการณ์รายวัน โดยเมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 16 มิถุนายน กลุ่มแนวร่วม 2 คน ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าประกบและใช้อาวุธปืนยิง น.ส.เรขา อิสระ อายุ 54 ปี ครูโรงเรียนบ้านพอเม็ง อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหมู่ 1 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน ขณะที่ น.ส.เรขา ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักหลังที่ว่าการอำเภอรามัน เพื่อไปสอนหนังสือที่โรงเรียนตามปกติ

ส่วนที่ จ.ปัตตานี คนร้ายได้โทรศัพท์ลวงเจ้าหน้าที่ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานีว่า เกิดอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนสาย ไม้แก่น-สายบุรี บริเวณบ้านบางตาหยาด ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ และมีกองเลือด แต่ไม่พบคู่กรณีและคนเจ็บ จึงยกรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถกระบะสายตรวจ เพื่อนำมาเก็บที่ สภ.สายบุรี แต่ระหว่างงที่บริเวณหน้า สภ.สายบุรีนั้น คนร้ายได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ แรงระเบิดทำให้รถกระบะสายตรวจเสียหายยับเยิน และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่ใกล้เคียงเสียหายอีกหลายคัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตทันที 2 นาย คือ ส.ต.ท.พิศาล ศิริอมาต อายุ 27 ปี และด.ต.วิเชียร บุญเพชรศรี อายุ 50 ปี ส่วนส.ต.อ.อาลี มูเก็ม ได้รับบาดเจ็บ

ด้านหน่วยงานด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนหน่วยปฏิบัติใน จ.สงขลา ให้เฝ้าระวังเหตุ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มก่อความไม่สงบประกอบวัตถุระเบิดซุกไว้ในรถจักรยานยนต์ 4 คัน เตรียมลอบวางระเบิดใน จ.สงขลา ประกอบด้วย ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ ทะเบียน กวก 112 ยะลา, ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำตาล ทะเบียน กยฉ 180 ยะลา, ยี่ห้อฮอนด้า สีดำแดง ทะเบียน กรร 393 ยะลา และยี่ห้อฮอนด้า สีเขียว ทะเบียน กบต 202 ยะลา

ส.ส.สัดส่วนจี้ให้ทำงานติดดิน

นายพีรยศ ราฮิมมูลลา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธกระแสข่าวกดดันให้มีการปรับนายถาวร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าในพรรคไม่มีการกดดัน แต่การที่ออกมาพูดถึงการทำงานของถาวร เพราะต้องการกระตุ้นการทำงาน โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ยังเคยแนะนำให้นายถาวร เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาให้มากกว่านี้ โดยต้องเข้าไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ไม่ใช่การไปตรวจราชการอย่างที่แล้วมา

รู้สึกเห็นใจทหารชั้นผู้น้อยที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ แต่ต้องยอมรับว่า ยังมีทหารบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ดื่มเหล้าจนมีอาการมึนเมาแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจจะทำให้สังคมชาวมุสลิมไม่ไว้ใจและไม่เชื่อถือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ ดังนั้นเหล่าทัพต้องให้ความสำคัญในเรื่องความประพฤติของนายทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ในพื้นที่ด้วยนายพีรยศ กล่าว

ผบช.ศชต. สั่งตั้งด่านถี่เอ๊กเรย์พาหนะซุกบึ้มป่วนใต้

ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้บัญชาการศชต. กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยผิดปกติในช่วงนี้ถือว่าสถานการณ์ขึ้นๆลงๆแล้วแต่โอกาสของแต่ละฝ่าย เมื่อตำรวจเอ๊กเรย์เจอก็จับกุมดำเนินคดี ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็หาโอกาสตอบโต้ ขณะนี้สั่งการให้ตำรวจเข้มงวดในการปฏิบัติ โดยการตั้งด่านให้ถี่ยิ่งขึ้น เน้นการตรวจยึดยานพาหนะ ทั้งนี้ต้องขอให้ประชาชนเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องตรวจค้นมากขึ้น เพราะคนร้ายมักใช้ยานพาหนะดัดแปลงซุกซ่อนทำระเบิดแสวงเครื่อง

พล.ต.ท.พีระ กล่าวว่า เหตุการณ์กราดยิงที่มัสยิด ที่อ.เจาะไอร้องนั้น กำลังพยายามจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันด้านมวลชนก็เป็นบทบาทของฝ่ายปกครองที่ต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชน และผู้นำศาสนา โดยเฉพาะกรณีเหตุมัสยิดครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เรื่องศาสนะอ้างการก่อเหตุ

ผบช.ศชต. กล่าวว่า คนร้ายเปลี่ยนยุทธวิธีในการก่อเหตุเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ตำรวจก็เรียนรู้ ระมัดระวัง เพิ่มความรอบคอบมากขึ้น ตามยุทธวิธีที่มีการฝึกกันมา แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่บางคนพอออยู่ในพื้นที่นานก็มักคิดว่าไม่มีอะไร ขณะที่คนร้ายซึ่งจับจ้องรอจังหวะลงมือ ซึ่งถือว่ากลายเป็นจุดอ่อนของเรา ซึ่งตนพยายามย้ำเตือนไปให้มีความระมัดระวัง

ผบช.ศชต. .กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าระบบการเอ๊กเรย์เครือข่ายคนร้ายที่ควบคู่ด้วยการใช้นิติวทยาศาสตร์ในการสืบสวนสอบสวนจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยนับแต่ปี 2548 นั้นทราบเครือข่ายทุกระดับทั้งแกนนำ และผู้ปฏิบัติการทั้งสิ้น 9,000 คน ออกหมายจับแล้วกว่า 6,000 คน ในจำนวนนี้จับกุมได้แล้ว 2,000 คน ทั้งนี้ทุกวันนี้ เรากำลังต่อสู้กับคนร้ายที่ทำผิดกฎหมาย มีขีดความสามารถ มีระบบ แบบแผน ที่เน้นการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นอาชญากรรมพิเศษ สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐนั้นตอนนี้ขวัญกำลังใจยังดี100% ซึ่งตนย้ำเสมอว่าทุกคนทำงานไม่ได้โดดเดี่ยว เราทำงานร่วมกัน ไม่ได้รบคนเดียว

ตร. ปูนบำเหน็จ 2ตร.เหยื่อจยย.บอมบ์

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ รองผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ในฐานะรองโฆษกตร. กล่าวว่า จากกรณี ด.ต.วิเชียร บุญเพชรศรี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม(ปป.) สภ.สายบุรี จ.ปัตตานีและ ส.ต.ท.พิศาล ศิริอำมาตย์ ผบ.หมู่(ปป.) เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่สภ.สายบุรี นั้น ตร.ก็จะดำเนินการเรื่องสิทธิสวัสดิการเต็มที่ ทั้งการเลื่อนชั้นเงินเดือนไม่เกิน 8 ขั้น ขณะเดียวกันเพิ่มชั้นยศตามให้สำหรับด.ต.วิเชียร เลื่อนเป็น พล.ต.ต. ส่วนส.ต.ท.พิศาลเป็น ร.ต.อ. ได้รับเงินค่าทำศพและเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ 340,000 บาท และเงินกองทุนสวัสดิการ 150,000 บาท ขณะที่ ส.ต.อ.อารีย์ มู่เก็ม ผบ.หมู่ ปป.สภ.สายบุรีที่บาดเจ็บก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์ไม่เกิน 75,000 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook