"บิ๊กตู่" ขอเปลี่ยนแปลงเป็นคนซอฟต์ ยินดีคนไว้ใจให้นั่งเก้าอี้นายกฯ

"บิ๊กตู่" ขอเปลี่ยนแปลงเป็นคนซอฟต์ ยินดีคนไว้ใจให้นั่งเก้าอี้นายกฯ

"บิ๊กตู่" ขอเปลี่ยนแปลงเป็นคนซอฟต์ ยินดีคนไว้ใจให้นั่งเก้าอี้นายกฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 ยันไทยมีศักยภาพที่จะเดินหน้าพัฒนาสู่ความก้าวหน้า ย้ำไทยเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ยินดีคนไว้ใจนั่งนายกฯ หลังจากนี้จะทำตัวให้เรียบร้อยขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาในการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 (The Fifth Bloomberg ASEAN Business Summit – ABS) ณ โรงแรม Waldorf Astoria ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ส่วนตัวรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 และนำเสนอความคิดเห็นในหัวข้อ “The Future of Thailand and ASEAN” ที่สำนักข่าว Bloomberg จัดขึ้น ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและสำคัญยิ่งต่อประเทศไทยและอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้ และจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้และภายหลังการประชุมดังกล่าว ไทยจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานอาเซียนอีกด้วย

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้าน ที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปสู่ความก้าวหน้าพร้อมกับภูมิภาค ซึ่งในปัจจุบัน เหตุการณ์ในประเทศมีเสถียรภาพ โดยไทยได้ก้าวพ้นสถานการณ์ความไม่สงบ มีความปรองดอง และสามารถแก้ปัญหาคั่งค้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เป็นต้น และที่สำคัญต่อประชาชนชาวไทยมากก็คือ การที่เราได้ผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญและกระบวนการประชาธิปไตยด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตาม roadmap ที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ และตนเองยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อ และจะพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา และสืบสานนโยบายพัฒนาประเทศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขึ้น เพื่อเป็นกรอบในการทำงานและนำพาให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า แม้ผู้มีรายได้น้อยในประเทศไทยจะลดลงต่อเนื่อง จากร้อยละ 57.07 ของประชากร ในปี 2533 เหลือร้อยละ 7.87 ในปี 2560 แต่ไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลก เราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญต่อการพัฒนา เพื่อให้การเติบโตของประเทศมีความยั่งยืนและครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร และวิกฤติเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ โลกปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างมหาอำนาจ ที่ทำลายบรรยากาศการค้าการลงทุนโลกและอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างกัน ภายใต้ความท้าทายเหล่านี้ประเทศไทยและอาเซียนมีศักยภาพสูงที่จะรับมือ และยังสามารถปรับให้เป็นสนามการค้าการลงทุนที่มีเสถียรภาพและตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ อาเซียนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแม้หลายประเทศจะมีการเลือกตั้งที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่จุดยืนที่จะสนับสนุนกระบวนการของอาเซียนให้ก้าวหน้าต่อไปจะคงเดิม เพราะสมาชิกอาเซียนตระหนักดีว่า อาเซียนที่แข็งแกร่ง คือผลประโยชน์แห่งชาติ ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในการรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้ ไทยได้นำเสนอแนวคิดหลัก คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดเพื่อให้เป็นอาเซียนที่ไร้รอยต่อขับเคลื่อนประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีความเท่าเทียม เคารพในความหลากหลาย และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในการนี้อาเซียนมีเป้าหมายที่จะบรรลุความสำเร็จในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ที่ไทยต้องการผลักดันให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2562 ได้แก่ 1.การมุ่งสู่อนาคต คือ ความพร้อมในการเข้าสู่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 2.การส่งเสริมความเชื่อมโยงทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียนให้ครบทั้ง 10 ประเทศสมาชิก และ 3.การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ อีกทั้งล่าสุดอาเซียนได้มีการรับรองโรดแม็พเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและความยั่งยืนทางการเงินในตลาดทุนด้วย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนในการประกอบการธุรกิจ โดยต้องเคารพคุ้มครองและเยียวยา โดยต้องทำไม่ให้เกิดปัญหา อีกทั้งการประกอบการธุรกิจต้องคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติด้วยซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตามการจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องยึดกฎหมายและระเบียบ หากพูดโดยไม่รับผิดชอบก็จะทำอะไรได้ทั้งหมดแต่วันนี้มีกฎหมายออกมาจำนวนมากและส่วนใหญ่ก็เป็นประโยชน์ ต่อประชาชนทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า หลังการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ไทยจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานอาเซียน โดยจะย้ำหลักการสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเสรี เปิดกว้าง ครอบคลุม ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตามแนวคิดหลักของการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทย เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน กับมิตรประเทศนอกภูมิภาค ซึ่งไทยมีความพร้อมทั้งในแง่พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี เสถียรภาพทางการเมืองที่นำไปสู่ความต่อเนื่องของนโยบาย ซึ่งรัฐบาลใหม่ก็พร้อมสานต่อนโยบายที่ได้วางรากฐานไว้ พร้อม ขอให้ใจเย็นๆรัฐบาลใหม่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งยืนยันตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในรัฐบาลใหม่เมื่อพูดอะไรไปก็ต้องทำแบบนั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้ตนเองขอให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นและใช้ประโยชน์จากโอกาสและความพร้อมของไทยและอาเซียน ในการขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน โดยไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับหุ้นส่วนภาครัฐและดูแลภาคเอกชน ทั้งในและนอกภูมิภาคบนพื้นฐานของหลักการ 3M คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน และการมีผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็ตามจริงๆ วันนี้ตนเองไม่อยากพูดเยอะ แต่ก็อยากคุยเพราะไม่ได้คุยมาหลายวันก่อนหน้านี้คุยแต่เรื่องปัญหา และหลังจากนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เรียบร้อยขึ้น หากเรื่องไหนไม่สำคัญตนก็จะไม่ตอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook