หนุ่มช่างชลประทานขับกระบะพลิกคว่ำตกข้างทาง พุ่งชนต้นคูนเสียชีวิตคาที่!

หนุ่มนายช่างชลประทานขับรถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทางพุ่งชนต้นคูนเสียชีวิตคาที่ถนนเส้นบ้านจอมทอง-บ้านปากโทก หมู่ 3 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลกคาดว่าขับมาด้วยความเร็วสูงประกอบกับเป็นช่วงทางโค้ง หรืออาจมีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถกะทันหัน

เมื่อเวลา 00.05 น. วันที่ 8 ม.ค. 62 ร.ต.อ.คนึง พรมใจ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ริมทางและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บนถนนเส้นบ้านจอมทอง-บ้านปากโทก หมู่ 3 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่น TFR แบบแคป 2 ประตู สีขาว ทะเบียน บก 8964 สุโขทัย เสียหลักแหกโค้งพุ่งชนกับต้นคูนข้างทางจนรถเสียหายพังยับเยิน กระจกหน้าแตกละเอียด ตัวรถพลิกตะแคงข้างทับร่างผู้เสียชีวิตไม่สามารถนำออกมาได้

จากนั้นกู้ภัยจึงต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดนำร่างออกมาชันสูตรพลิกศพด้านนอก ทราบชื่อต่อมา คือ นายปนิศ ปานสมบัติ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 3 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก และมีตำแหน่งเป็นนายช่างชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน สำนักงานชลประทานที่ 3 พิษณุโลก สภาพศพมีบาดแผลฉีกขาดฉกรรจ์ที่ศีรษะ และมีร่องรอยถลอกฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง กู้ภัยจึงช่วยกันนำร่างส่งให้แพทย์ผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

จากการสอบสวน นายดวงเพชร โนรี ชาวบ้านในพื้นที่ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน และได้ยินเสียงมีรถชนต้นไม้ดังสนั่นจึงรีบออกมาดู ก็พบว่าเป็นรถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำฟาดกับต้นคูนและทับร่างคนขับจนเสียชีวิต ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว ส่วนสาเหตุทราบว่า นายปนิศ ปานสมบัติ ผู้เสียชีวิต ได้ขับรถกลับจากไปเยี่ยมญาติและกำลังจะเดินทางกลับบ้านพัก แต่ระหว่างทางคาดว่าขับมาด้วยความเร็วสูงประกอบกับเป็นช่วงทางโค้ง หรืออาจมีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถกะทันหัน จึงเป็นเหตุทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งตกข้างทางไปชนกับต้นไม้ทำให้พลิกคว่ำทับร่างเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงในครั้งนี้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนศพผู้เสียชีวิตจะติดต่อมอบให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป