วันที่ 4 ธ.ค. 61 เมื่อเวลาประมาณ 05.45 น. ร.ต.อ.อภิเดช จังพล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้รับแจ้งจากวิทยุ 191 เกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดท่าเสด็จ ต.ในเมือง
จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายวีระชัยโชค มงคลภูมิรัตน์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย อำนวยการควบคุมเพลิง
พร้อมระดมหน่วยกู้ภัยและรถดับเพลิงจากเทศบาลต่าง ๆ นับสิบคันเข้าฉีดน้ำควบคุมเพลิง ซึ่งเพลิงได้ลุกโหมไหม้ห้องแถวภายในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า เบาะรองนั่ง เครื่องสำอาง ล้วนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ชาวตลาดท่าเสด็จที่ทราบข่าวต่างพากันออกมาดูและรีบเก็บข้าวของออกจากร้านของตัวเองเป็นการด่วน
จากการตรวจสอบพบว่า ต้นเพลิงเป็นร้านกิ่งแก้ว เลขที่ 423/4 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เพลิงลุกไหม้จากด้านในร้าน ก่อนจะลุกลามไหม้ห้องแถวที่อยู่ติดกัน และยังมีโรงแรมขนาด 2 ชั้น 6 คูหา
ซึ่งด้านหน้าหันหน้าเข้าแม่น้ำโขง ส่วนด้านข้างอยู่ติดกับห้องแถวที่เพลิงไหม้ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้บางส่วนของตัวอาคารโรงแรม เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าห้องแถวเสียหาย 7 ห้อง โรงแรมได้รับผลกระทบบางส่วน
เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนของเพลิงไหม้ได้ ต้องให้พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบก่อน รวมถึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้เช่นกัน
ด้านนายวีระชัยโชค มงคลภูมิรัตน์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบห้องต้นเพลิงน่าจะมีการแขวนโคมไฟจีนไว้ในห้อง แล้วเปิดโคมไฟไว้ ซึ่งโคมไฟดังกล่าวทำมาจากกระดาษ อาจทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้
เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับแจ้งจาก 191 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองหนองคาย เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นคนแรกบอกว่า ขณะที่เข้ามาดูเห็นไฟและควันพุ่งจากในห้อง
ก่อนที่ไฟจะลุกลามไหม้ไปยังสายไฟและเสาไฟที่อยู่ด้านนอกห้อง ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากตลาดท่าเสด็จ ไม่มีคนนอนพักอาศัยอยู่
ตลาดท่าเสด็จ หรือตลาดอินโดจีน เป็นแหล่งท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าของฝาก ของที่ระลึก ชื่อดังของจังหวัดหนองคาย มีร้านค้าเปิดค้าขายมากกว่า 200 ร้าน เหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจังหวัดหนองคายด้วย