เด้ง ผกก.ตม. ช่วยราชการ เซ่น “อดีตพระพรหมเมธี” หนีข้ามลาว

เด้ง ผกก.ตม. ช่วยราชการ เซ่น “อดีตพระพรหมเมธี” หนีข้ามลาว

เด้ง ผกก.ตม. ช่วยราชการ เซ่น “อดีตพระพรหมเมธี” หนีข้ามลาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีปัญหาการหลบหนี อดีตพระพรหมเมธี หรือ เจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดที่มีการหลบหนี ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ไปยังสปป.ลาว และเดินทางต่อไปยังประเทศเยอรมนี เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่สามารถเจรจานำตัวมาดำเนินคดีในไทยได้

>> สะพัด! “บิ๊กแป๊ะ” บินฝรั่งเศส ขอตร.สากลล่าอดีตพระพรหมเมธี

โดยทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่นำกำลังตำรวจกองปราบปราม พร้อมชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามจับกุมด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้

เนื่องจากอดีตพระพรหมเมธีได้หลบหนีได้ข้ามไปยัง สปป.ลาว โดยมีคนสนิทพาหลบหนี อาศัยช่องว่างการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขออนุญาตทำหนังสือเดินทางผ่านตามช่องทาง ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน 

จนกระทั่งภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายตำรวจ 2 นาย ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย

>> ตามรอยผ้าเหลือง เร่งล่า 5 คนพา "อดีตพระพรหมเมธี" หนี พบออกนอกประเทศแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ที่รับผิดชอบรวบรวมหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนครพนม และมีการอนุมัติออกหมาย จับ 5 บุคคลที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือการหลบหนี คือ นางศศิร์อร หรือ สีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ปัจจุบันพบข้อมูลว่า มีการเดินทางออกประเทศไปยังประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561

นายพีรวิช อายุ 28 ปี  ลูกศิษย์คนสนิท ปัจจุบันไม่พบข้อมูลเดินทางเข้าออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้ว นางจิตติมา อายุ 50 ปี เป็นชาวลาว บ้านอยู่แขวงคำม่วน สปป.ลาว รวมถึงลูกสาวและลูกชายอีก 2 คน คือ นางจันทะนา อายุ 27 ปี และ นายน้อย อายุ 28 ปี

ซึ่งทั้งหมดมีความผิดฐาน ช่วยเหลือให้การหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างทางตำรวจเร่งประสานกับทางการลาวติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยคดีนี้ทางตำรวจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อ อ้างว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ

ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เพื่อติดตามรับทราบปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561

พร้อมกำชับเข้มเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบคัดกรอง บุคคลที่เดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกจุด ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม รวมถึงไปถึงด่านชายแดนพื้นที่ภาคอีสาน รวม 9 จังหวัดห้ามบกพร่องต่อหน้าที่ 

จนกระทั่งพบว่า มีคำสั่งจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 4 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ให้ พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผกก.ตม.นครพนม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมมอบหมายให้ พ.ต.ท.นิธิวัชร์ ดิลกพงศ์โยธิน รอง ผกก.ตม.นครพนม รักษาราชการแทน ส่วนผลการสอบสวน ตำรวจทั้ง 2 นาย ยังไม่มีสรุปผลการสอบสวนออกมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook