เด้ง ผกก.ตม. ช่วยราชการ เซ่น “อดีตพระพรหมเมธี” หนีข้ามลาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีปัญหาการหลบหนี อดีตพระพรหมเมธี หรือ เจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดที่มีการหลบหนี ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ไปยังสปป.ลาว และเดินทางต่อไปยังประเทศเยอรมนี เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่สามารถเจรจานำตัวมาดำเนินคดีในไทยได้
>> สะพัด! “บิ๊กแป๊ะ” บินฝรั่งเศส ขอตร.สากลล่าอดีตพระพรหมเมธี
โดยทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่นำกำลังตำรวจกองปราบปราม พร้อมชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามจับกุมด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้
เนื่องจากอดีตพระพรหมเมธีได้หลบหนีได้ข้ามไปยัง สปป.ลาว โดยมีคนสนิทพาหลบหนี อาศัยช่องว่างการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขออนุญาตทำหนังสือเดินทางผ่านตามช่องทาง ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน
จนกระทั่งภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายตำรวจ 2 นาย ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย
>> ตามรอยผ้าเหลือง เร่งล่า 5 คนพา "อดีตพระพรหมเมธี" หนี พบออกนอกประเทศแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ที่รับผิดชอบรวบรวมหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนครพนม และมีการอนุมัติออกหมาย จับ 5 บุคคลที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือการหลบหนี คือ นางศศิร์อร หรือ สีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ปัจจุบันพบข้อมูลว่า มีการเดินทางออกประเทศไปยังประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561
นายพีรวิช อายุ 28 ปี ลูกศิษย์คนสนิท ปัจจุบันไม่พบข้อมูลเดินทางเข้าออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้ว นางจิตติมา อายุ 50 ปี เป็นชาวลาว บ้านอยู่แขวงคำม่วน สปป.ลาว รวมถึงลูกสาวและลูกชายอีก 2 คน คือ นางจันทะนา อายุ 27 ปี และ นายน้อย อายุ 28 ปี
ซึ่งทั้งหมดมีความผิดฐาน ช่วยเหลือให้การหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างทางตำรวจเร่งประสานกับทางการลาวติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยคดีนี้ทางตำรวจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อ อ้างว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ
ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เพื่อติดตามรับทราบปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561
พร้อมกำชับเข้มเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบคัดกรอง บุคคลที่เดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกจุด ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม รวมถึงไปถึงด่านชายแดนพื้นที่ภาคอีสาน รวม 9 จังหวัดห้ามบกพร่องต่อหน้าที่
จนกระทั่งพบว่า มีคำสั่งจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 4 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ให้ พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผกก.ตม.นครพนม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมมอบหมายให้ พ.ต.ท.นิธิวัชร์ ดิลกพงศ์โยธิน รอง ผกก.ตม.นครพนม รักษาราชการแทน ส่วนผลการสอบสวน ตำรวจทั้ง 2 นาย ยังไม่มีสรุปผลการสอบสวนออกมา