สสจ.สั่งเร่งตรวจสอบสารต้นตอในน้ำมนต์ ที่สาว 18 ดื่มจนเสียชีวิต

สสจ.สั่งเร่งตรวจสอบสารต้นตอในน้ำมนต์ ที่สาว 18 ดื่มจนเสียชีวิต

สสจ.สั่งเร่งตรวจสอบสารต้นตอในน้ำมนต์ ที่สาว 18 ดื่มจนเสียชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังเกิดกรณีสาว 18 โดนทักถูกคุณไสยจากพระเร่ร่อนมาจากต่างถิ่น ที่มาขออาศัยในวัดร้างใกล้ชุมชน และอ้างกับพ่อแม่เด็กสาวรายนี้ว่า ถ้าอยากให้เด็กหายจากการถูกคุณไสยมนต์ดำได้ ต้องให้น้องทำพิธีดื่มน้ำมนต์จากพระดังกล่าว แต่ต้องถึงกับช็อก เมื่อบุตรสาวดื่มน้ำมนต์ดังกล่าวเข้าไป ถึงกลับชักตาตั้งเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้ไม่นาน ระหว่างถูกนำส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.61 ที่ผ่านมา

ซึ่งมีความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 11.30 น.วันที่ 29 มี.ค.61 หลังเกิดกรณีนี้ขึ้น และทางพ่อแม่ญาติของน้องสาววัย 18 ปี รายนี้ คือ นายขาน อายุ 48 ปี และนางดวงจิต อายุ 38ปี สองสามีภรรยา พร้อมด้วยญาติหลังได้พากันเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.คม คุ้มโนนคร้อ รอง ผกก.สอบสวสภ.แก้งคร้อ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยติดตามตัวกลุ่มพระสงฆ์ต่างถิ่น ที่พากันเดินทางมาอาศัยอยู่ในวัดร้าง ในหมู่บ้านท่าเว่อ หมู่ที่ 11 ต.เก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

ที่อ้างตัวเป็นพระต่างถิ่นกลุ่มนี้ที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 รูป ซึ่งมีสำเนียงการพูดทางชาวอีสานแต่ไม่ใช่คนในพื้นที่ใน จ.ชัยภูมิ ซึ่ง 1 ในพระ 3 รูปเป็นพระสูงอายุ 1 รูปและอีก 2 รูปเป็นพระวัยกลางคน ที่มีการเข้ามาอ้างตัวว่ามีวิชาคุณวิเศษว่าช่วยแก้มนต์ดำ คนที่ถูกคุณไสยได้

หลังเดินเข้ามาทักตนเองและบุตรสาววัย 18 ปี ว่าถูกคุณไสยมนต์ดำ ถ้าอยากให้บุตรสาวหายจากการถูกคนเล่นของมนต์ดำใส่ครั้งนี้ได้ เพื่อชักชวนให้ครอบครัวตนเองและบุตรสาวเข้าทำพิธีดื่มน้ำมนต์จนเสียชีวิตครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

หลังที่ทางครอบครัวของน้องสาว 18 ปีที่เสียชีวิตรายนี้ ได้พยายามไปติดต่อพระกลุ่มดังกล่าวที่วัดร้างดังกล่าว ให้ช่วยมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง แต่วันบุตรสาวดื่มน้ำมนต์เข้าไปจนชักเสียชีวิต มาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.61 ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มี.ค.61 ก่อนที่จะมีการเตรียมเผาศพบุตรสาวในวันที่ 28 มี.ค. ทางพระกลุ่มดังกล่าวก็ยังไม่ยอมมาร่วมงานศพหรือช่วยรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นเลย

และพอไปหาที่วัดกลับพบว่าพระเร่ร่อนมาจากต่างถิ่นกลุ่มดังกล่าว ได้พากันหนีหายไปจากวัดดังกล่าวทั้งหมดแล้ว และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงมีการพาญาติเดินทางเข้าแจ้งความครั้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ยังไร้วี่แววว่าจะติดตามตัวพระกลุ่มนี้มาได้ในขณะนี้

ส่วนตัวพ่อแม่ของเด็กสาว 18 ปี เหยื่อพิธีกรรมให้ดื่มน้ำมนต์ล้างคุณไสยมนต์ดำครั้งนี้ จนชักตาตั้งเสียชีวิตครั้งนี้ จึงอยากฝากผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเตือนสติประชาชนทั่วไปได้เป็นอุทาหรณ์อีกทางว่า ไม่ควรไปเชื่อการทำพิธีกรรมอะไรจากพระ หรือคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนง่ายๆ

หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้ว ก็ยากที่จะติดตามตัวมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ตามมาอีก และอยากให้ช่วยกันติดตามกลุ่มพระดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วต่อไปในครั้งนี้ด้วย

ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์ ภาสกร ไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ (สสจ.ชัยภูมิ) เปิดเผยทางโทรศัพท์ต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีน้ำมนต์ที่พระให้เด็กสาว18 ดื่มจนชักช็อกเสียชีวิตฉับพลันนั้นมีสารอะไรกันแน่นั้น

ครั้งนี้ถือว่าตรวจสอบได้ยาก และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในท้องที่เกิดเหตุใน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ แล้ว สถานที่เกิดเหตุเป็นวัดร้าง และไม่พบตัวอย่างน้ำมนต์ที่ว่ามีเด็กสาว 18 ปี ดื่มเข้าไปแล้วเสียชีวิตหลงเหลืออยู่เลย

ซึ่งกรณีที่มีการดื่มน้ำมนต์จนมีอาการดังกล่าวได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าเป็นสาเหตุจากน้ำมนต์ดังกล่าวด้วยหรือไม่ รวมทั้งต้องดูว่าทางตัวเด็กสาวเองวัย 18 ปี มีประวัติมีโรคประจำตัวประเภทเป็นลมชักด้วยหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ต้องมาดูว่าพิษในน้ำมนต์มาจากอะไร ในน้ำมนต์ที่ไม่มีหลักฐานมาตรวจสอบได้เลยในขณะนี้

และรวมทั้งศพของน้องที่ไม่ได้มีการส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาสารดังกล่าวแต่แรกการเสียชีวิต ที่จะสามารถนำมาตรวจสอบได้ขณะนี้ได้ เพราะทางญาติเองก็รีบเผาศพน้องไปก่อนแล้ว เรื่องนี้ทางการแพทย์คงจะตอบอะไรให้ไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรได้ในขณะนี้

ซึ่งคงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องติดตามตัวกลุ่มพระดังกล่าวมาว่า ใส่อะไรลงไปในการทำน้ำมนต์ให้น้อง 18 ปี รายนี้ดื่มลงไปบ้างถึงจะทราบได้ว่ามีอันตรายรุนแรงมากขนาดไหนต่อไปได้

และสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้ต้องขอฝากเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อทำพิธีกรรมอะไรแปลก พิสดารกันง่ายๆ ด้วย เพราะการดื่มหรือรับประทานอะไร หรือในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำมนต์อะไรต่างๆ ก็ต้องตรวจสอบว่ามีการทำเก็บไว้หรือมีการหมักมานานยัง ซึ่งเสี่ยงที่จะสะสมเชื้อโรคอันตรายไว้ได้ตามมาได้อีกจำนวนมาก กินหรือดื่มเข้าได้ก็เป็นอันตรายรุนแรงตามมาได้อีกด้วยเช่นกัน

ขณะที่ด้าน นายขาน อายุ 48 ปี และนางดวงจิต อายุ 38ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นพ่อแม่ของสาว 18 ปี ที่ผู้เสียชีวิตจากการถูกชักชวนทำพิธีให้ดื่มน้ำมนต์จนเสียชีวิตครั้งนี้ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ครั้งแรกตั้งใจจะแจ้งความเอาผิดกับพระดังกล่าวแล้ว แต่ได้พยายามติดต่อไปหาพระดังกล่าวที่อ้างว่าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น

ที่กลับเปลี่ยนใจไม่แจ้งความดำเนินคดีในตอนแรก เนื่องจากฐานะทางครอบครัวก็ไม่ดี ซึ่งหากมีการแจ้งความไปตอนแรก ทั้งจะต้องมีการประสานเจ้าหน้าที่ให้ส่งศพบุตรสาวไปตรวจผ่าพิสูจน์ ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายการดำเนินการต่างๆ และใช้เวลานานตามมาอีกจำนวนมาก ที่ครอบครัวตนเองยังต้องพากันหาเช้ากินค่ำกลัวไม่มีเงินและเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล

จึงได้พยายามติดต่อไปหาพระดังกล่าวอีก แต่ล่าสุดก็ไม่ยอมออกมารับผิดชอบ ยังบอกอ้างว่าน้ำมนต์ที่ทำไม่มีอะไรก็เป็นน้ำธรรมดาเหมือนน้ำมนต์ทั่วไป กินเข้าไปจะเสียชีวิตได้อย่างไร และให้ครอบครัวตนเองใจเย็นๆ ที่พร้อมจะช่วยรับผิดชอบการตายของลูกสาว แต่แล้วพระกลุ่มดังกล่าวก็มาพากับแอบหลบหนีออกจากวัดไปหมด จนไม่สามารถติดต่ออะไรได้อีกเลยจนใกล้วันจะเผาลูกสาวแล้ว

ทางครอบครัวจึงพากันเข้าแจ้งความในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา และอยากจะออกมาบอกผ่านสื่อครั้งนี้ ช่วยฝากไปยังชาวบ้านให้เป็นอุทาหรณ์ ใครที่ชอบอาบน้ำมนต์ดื่มน้ำมนต์ ควรที่จะรู้จักกับพระที่ทำพิธีให้ดีก่อนหากไม่รู้จักอย่าไปทำง่ายๆ เด็ดขาด ขอให้ดูครอบครัวตนเองเป็นตัวอย่างซึ่งสูญเสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับ

และในที่สุดตนเองและญาติๆ ก็ต้องตัดใจนำร่างลูกสาวไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดในหมู่บ้านของตนเองในวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไม่อยากให้ลูกสาวที่เสียชีวิตไปมีบาปติดตัว จึงต้องตัดใจเผาศพบุตรสาวมาตั้งแต่เย็นวันที่ 28 มี.ค.

ให้ทันกำหนดเก็บศพไว้ได้ไม่เกิน 3 วัน ให้เผาตามประเพณีคนในท้องถิ่น และอยากให้จนท.ช่วยเร่งติดตามตัวกลุ่มพระดังกล่าวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วต่อไปด้วย และไม่อยากให้ใครมาตกเป็นเหยื่อพระกลุ่มนี้อีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook