งานบวชวายป่วง นาคไม่ทันเข้าโบสถ์ คู่อริ 2 กลุ่มถล่มเละกลางวัด

ภาพเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มจากต่างตำบล โคจรมางานบวชวัดเดียวกัน แห่นาคยังไม่ทันเข้าบวช เปิดฉากยกพวกตีกันกลางวัน ส่วนหนุ่มที่เป็นคนกลางเคราะห์ร้าย ถูกโทรเรียกให้ไปหาและตะลุมบอนอ่วม

เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดอรัญญาวาส หมู่ที่ 1 ต.วังโป่ง อ.วังโป่ง จ. เพชรบูรณ์ ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกลางพิธีอุปสมบท เมื่อขบวนแห่นาคกลุ่มแรกจากพื้นที่ ต.วังโป่ง อ.วังโป่ง ได้ทำการแห่นาครอบโบสถ์ พร้อมแตรวงบรรเลงอย่างสนุกสนาน กระทั่งครบทั้ง 3 รอบ จึงได้นำนาคเข้าโบสถ์ เพื่อรอบวชพร้อมกับนาคอีกคน ตามฤกษ์งามยามดีที่กำหนดไว้

ไม่นานนักก็ได้มีขบวนแห่นาคกลุ่มที่สองมาจากพื้นที่ ต.วังศาล อ.วังโป่ง ได้นำนาคแห่รอบโบสถ์ พร้อมแตรวงบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนานเช่นเดียวกัน แต่ในขณะที่กำลังแห่รอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย เป็นจังหวะเดียวกับที่วัยรุ่นกลุ่มแรกและวัยรุ่นกลุ่มที่สอง ได้สืบทราบว่าเป็นคู่อริเก่ากัน เมื่อพบเจอหน้ากันจึงเกิดเขม่นกันอย่างรุนแรง กลายเป็นเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันในที่สุด

หลังจากนั้น ก่อนทั้งสองกลุ่มก็ปรี่เข้าชกต่อยกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย พร้อมกับขว้างปาสิ่งของใส่กัน ทั้งขวดเหล้า ก้อนหิน ตอบโต้กันไปมา ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้มาร่วมงานบุญในครั้งนี้ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุไว้ได้ ก่อนพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ 2 ราย

เบื้องต้น ร.ต.อ.อภิชาต ลุงคะ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.วังโป่ง ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว และทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะได้ทำการเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบสวน เพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในขณะที่กำลังรวบรวมหลักฐาน ก็ได้รับแจ้งอีกรอบว่า มีวัยรุ่นรายหนึ่งถูกรุมทำร้ายสะบักสะบอม ใบหน้าบวมปูด ดวงตาเกือบปิด และฟันหักไป 1 ซี่

จากการสอบถาม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี วัยรุ่นอีกรายที่ถูกทำร้ายและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า ตนอยู่ในพื้นที่ ต.วังศาล และได้รู้จักกับวัยรุ่นคู่อริทั้ง 2 กลุ่มที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันในขบวนแห่นาค โดยหลังจากเหตุการณ์ชุลมุนจบลงไปแล้ว ก็ได้รับโทรศัพท์จากวัยรุ่นคนหนึ่ง ขอให้ตนออกไปพูดคุย เพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบ

เนื่องจากเห็นว่าตนเป็นคนกลาง รู้จักกับบุคคลทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างดี จึงไม่คิดอะไรและขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหายังจุดนัดพบเพียงลำพัง ทันทีที่ไปถึงก็พบว่ามีวัยรุ่นไม่ต่ำกว่า 10 คน ต่างวิ่งกรูเข้าประเคนทั้งหมัด ศอก หน้าแข้ง รุมทำร้ายจนล้มไปนอนกองกับพื้นอย่างไร้ทางสู้ ก่อนจะมีคนเข้ามาห้ามและช่วยเหลือ ตนจึงรีบนำร่างอันบอบช้ำมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาเรื่องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด