แห่ศพประท้วงพยาบาล คนไข้ขาหักดมยาสลบ สุดท้ายช็อกเสียชีวิต

แห่ศพประท้วงพยาบาล คนไข้ขาหักดมยาสลบ สุดท้ายช็อกเสียชีวิต

แห่ศพประท้วงพยาบาล คนไข้ขาหักดมยาสลบ สุดท้ายช็อกเสียชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มถูกรถแท็กซี่ชนขาหักไปรักษาที่โรงพยาบาล เกิดอาการช็อกจนเสียชีวิตหลังผ่าตัด

พ่อของ นายอัครชัย อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิต เล่าว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุถูกรถแท็กซี่ชนที่ย่านบางนา เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 60 หลังนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งพบว่ามีอาการขาซ้ายหัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งแพทย์ระบุลูกชายเสียเลือดมาก ทราบภายหลังเจ้าหน้าที่พยาบาลให้ดมยาสลบจนลูกชายเกิดอาการช็อก โดยมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงขณะแพทย์ผู้ทำการรักษาคุยกับพยาบาลเกี่ยวกับอาการของลูกชาย ว่าความดันต่ำ และ พูดถึงการให้ดมยาสลบ ระหว่างผ่าตัดไม่มีแพทย์วิสัญญีประจำอยู่ ปล่อยให้พยาบาลดูแลคนเดียว พอความดันต่ำพยาบาลโทรศัพท์ไปถามแพทย์วิสัญญี ได้ให้ยากระตุ้นหัวใจ ทำให้พ่อของผู้ตายข้องใจว่านี่เป็นสาเหตุทำให้ลูกชายต้องเสียชีวิตหรือไม่

ก่อนหน้านั้นลูกชาย แค่กระดูกหน้าขาซ้ายหัก ไม่มีการเสียเลือด พูดได้สื่อสารได้ตามปกติ แต่หลังจากการผ่าตัดในวันที่ 4 ส.ค. 2560 หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เกิดอาการกระวนกระวาย พี่ชายน้องบูมจึงทำการเรียกพยาบาลมาดู เห็นว่าผิดปกติ จึงนำส่ง ห้อง ICU และเกิดช็อกไป ทางโรงพยาบาลก็แจ้งให้เดินทางมาโรงพยาบาลโดยด่วนจะขอผ่าตัดใหม่ ตรวจดูสภาพภายในช่องท้องว่าเกิดอะไรหรือไม่ เพราะอาการโคม่า ไม่ได้สติ จึงยินยอมให้ทางโรงพยาบาลทำการผ่าตัดซ้ำได้ อาการอาจจะดีขึ้น หลังผ่าตัดอีกครั้งแพทย์ชี้แจงว่า ไม่เป็นอะไร ในช่องท้องน่าจะปกติ อวัยวะปกติดี ผ่านมาอีก 1 วัน ก็เสียชีวิต

ผลการชันสูตรของสถาบันนิติเวชบอกว่า น้องบูมตายเพราะเสียเลือดมากทำให้เสียชีวิต ทางครอบครัวก็เริ่มติดใจเพราะตอนเกิดเหตุและอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเลือดสักหยด ถ้ามีการเสียเลือดมากทางโรงพยาบาลที่รักษาก็ต้องแจ้งว่าเสียเลือดมาก แต่แจ้งแค่ว่าขาหักอย่างเดียว จึงต้องทำใจรับศพกลับมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ 1 วัน และตัดสินใจนำศพไปชันสูตรอีกครั้งที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต ผลชันสูตรระบุว่า เลือดมาเลี้ยงหัวใจไม่ทัน ทำให้หัวใจวายตาย อวัยวะภายในปกติดี จนตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี เพราะต้องการให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงการเสียชีวิตที่แท้จริง และออกมารับผิดชอบการกระทำดังกล่าว 

ซึ่งหลังลูกชายเสียชีวิต แพทย์บอกว่ารักษาเต็มที่แล้ว แต่อาจเกิดสภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด ทางโรงพยาบาลจึงลดราคาค่ารักษาจาก 380,000 บาท เหลือ 100,000 บาท  จากนั้นโรงพยาบาลก็ไม่เคยชี้แจงอะไรเลย  
ครอบครัวได้นำศพลูกชายกลับบ้านเกิดที่จังหวัดชัยนาท เก็บศพไว้นาน 6 เดือน และได้ส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พบการเสียชีวิตเกิดจากการเสียโลหิตมาก บาดเจ็บช่องท้อง และขาซ้าย

ขณะที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจล้มเหลว เนื่องจากหัวใจขาดเลือด จึงตั้งข้อสงสัยว่าเกิดจากการรักษาที่ผิดพลาดหรือไม่  ลูกชายจะเสียเลือดมากจนเสียชีวิตได้อย่างไร เพราะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว  ก่อนผ่าตัดเกือบชั่วโมงลูกชายยังพูดคุยได้ตามปกติดี  แต่หลังผ่าตัด 3-4 ชั่วโมง กลับมีอาการช็อกเสียชีวิต 

บ่ายวันนี้ ทางครอบครัวพร้อมด้วยทนายความนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม จะนำศพลูกชายแห่ไปหน้าโรงพยาบาล เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้บริหารโรงพยาบาล ให้ชี้แจงและทวงหาความรับผิดชอบ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook