2 หนุ่มคลิปรุมกระทืบโจ๋หน้าโรงพยาบาล เล่าความอีกด้านให้ฟัง

2 หนุ่มคลิปรุมกระทืบโจ๋หน้าโรงพยาบาล เล่าความอีกด้านให้ฟัง

2 หนุ่มคลิปรุมกระทืบโจ๋หน้าโรงพยาบาล เล่าความอีกด้านให้ฟัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

2 หนุ่มที่ตกเป็นประเด็นในโลกโซเชียล หลังก่อเหตุรุมทำร้ายวัยรุ่นที่หน้าโรงพยาบาล ยอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่เพราะบันดาลโทสะ อีกฝ่ายพยายามทำร้ายคนแก่ที่นับถือก่อน วอนสังคมฟังความสองด้านเสมอ

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้แชร์คลิปชายหนุ่มคนหนึ่ง ถูกคนร้ายรุมใช้เหล็กฟาดและใช้ปืนตบหน้าได้รับบาดเจ็บที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะเข้าไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บที่ถูกรถยนต์ขับชนแล้วหนีนั้น กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) นายภานุพงษ์ อายุ 27 ปี และ นายอานนท์ อายุ 26 ปี ชาวตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ในฐานะ 2 ผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าพบ ร้อยตำรวจเอกวรบูรณ์ บุญมาก พนักงานสอบสวนเจ้าของของคดี พร้อมของกลางปืนบีบีกัน 1 กระบอก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

โดยทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง พร้อมยินยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ร่วมกันมีอาวุธปืน และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ

นายภานุพงษ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตามคลิปดังกล่าว เพื่อนได้โทรศัพท์มาหาในขณะที่ตนกำลังดื่มกินสังสรรค์อยู่กับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าอดีตครูที่นับถือเหมือนพ่อกับเพื่อน ทั้ง 2 เป็นอดีตข้าราชการครู กำลังจะโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย

เนื่องจากวัยรุ่นคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์มาชนท้ายรถยนต์แล้วขับหนีไปล้มคว่ำอยู่ข้างหน้า กลุ่มวัยรุ่นไม่ยินยอมและตกลงกันไม่ได้ จึงยกพวกมาล้อมรถและทุบรถเอาไว้ ซึ่งพ่อและเพื่อนของพ่อได้กลัวมาก จึงได้ล็อครถไว้ไม่ได้ลงมา กลุ่มวัยรุ่นจึงโมโหทั้งทุบทั้งถีบรถทั้งคัน

ต่อมาพ่อและเพื่อนของพ่อจึงขับรถไปที่ สภ.อัมพวา เพื่อตกลงกัน ตนจึงตามไปหา ก็พบเห็นกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์วนเวียนมองหน้าอยู่ที่หน้าโรงพัก ก่อนที่ในเวลาต่อมาจึงได้ตกลงกับคู่กรณีได้ ตนจึงตามไปหาผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า

เมื่อไปเจอก็เกิดอารมณ์โมโหที่กลุ่มวัยรุ่นมาทำร้ายคนชรา ที่ตนนับถือเหมือนพ่อแท้ๆ ตนจึงเข้าไปตะลุมบอนกันตามภาพที่ปรากฏในคลิป อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ผู้ที่เสพข้อมูลจากโลกออนไลน์ โปรดได้ฟังความทั้ง 2 ฝ้าย ก่อนจะตัดสินผู้อื่น หรือหากมีข้อมูลด้านเดียวก็ขอให้ไตร่ตรองตามหลักเหตุผลและวิจารณญาณเสมอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook